สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของฮ่องกง: ค้นหาแผนการเดินทางแบบไปเช้าเย็นกลับที่ใช่สำหรับคุณ

ฮ่องกงมีอีกแง่มุมหนึ่งที่เหมาะกับทุกจังหวะที่แตกต่างกัน เรามีโอกาสได้คุยกับศิลปินดาวรุ่งที่ขึ้นแสดงสดที่บิ๊กท็อป (Big Top) มาร่วมแชร์เพลงฮิตของฮ่องกง เช่น ย่านสุดโปรดในดวงใจของป็อบสตาร์ชาวท้องถิ่นอย่างคิริ ที และจุดแฮงค์เอาท์แถบท่าเรือของนักร้องเสียงดีชาวเท็กซัสอย่างจอห์นนี สติมสัน (Johnny Stimson)

แผนนำเที่ยวฉบับนี้มีทุกสิ่งอย่างที่คุณรู้จักและหลงรักของฮ่องกง ไม่ว่าจะเป็นฉ่า จ่าน เต็ง (Cha chaan tengs) (ร้านกาแฟสไตล์ฮ่องกง) สุดคลาสสิค หรือจะเป็นตรอกประดับไฟนีออนสีสันสดใสที่ทำให้อาคารสุดเก่าแก่ดูมีชีวิตชีวายิ่งขึ้น ไปจนถึงภัตตาคารจีนกวางตุ้งสมัยใหม่ก็มีให้คุณเลือกสรรได้ไม่รู้จบ ไม่รู้ใช่มั้ยว่าควรเริ่มที่จุดไหน ลองเลือกเพลงมาหนึ่งเพลงแล้วเราจะโชว์ให้ดูว่าหนึ่งวันสุดเพอร์เฟ็คต์ในฮ่องกงน่ะเป็นยังไง

เริ่มต้นวันใหม่ของคุณในกุ๊นถองซึ่งเป็นย่านอุตสาหกรรมที่แปรเปลี่ยนกลายเป็นย่านสุดชิคในเกาลูน (Kowloon) ที่นี่คุณจะได้พบกับย่านสุดสร้างสรรค์ท่ามกลางอาคารสำนักงานที่วับวาวอยู่ริมแม่น้ำ เติมพลังให้เต็มที่ในหนึ่งวันในร้านกาแฟสุดเก๋ที่มีอยู่มากมาย ซึ่งตั้งอยู่ภายในอาคารและโรงงานอุตสาหกรรมเก่า สำหรับคอกาแฟจะต้องหลงรักคอฟฟี่ สเลฟ (Coffee Slave) หรือโรงคั่วกาแฟและเบเกอรี่ First Glance (เฟิร์สแกลนส์) ร้านสเต็กแฟคตอรี 99 (Factory 99) เป็นอีกจุดน่าสนใจที่ตั้งอยู่ในโรงงานเก่า และเป็นที่ที่ชาวออฟฟิศในพื้นที่มักจะมาสิงกันอยู่บ่อยๆ

รับประทานอาหารเช้าพร้อมเดินเล่นสุดโรแมนติกเลียบถนนคนเดินกุ๊นถองเพื่อชมวิวริมน้ำอันน่าทึ่ง นักท่องเที่ยวกล่าวว่าที่นี่เป็นจุดที่เยี่ยมยอดในการชมพระอาทิตย์ตกและชมวิวเส้นขอบฟ้าของฮ่องกงในยามค่ำคืนด้วย

หากอยากผจญภัยให้มากขึ้น ลองใช้เส้นทางเดินขึ้นเขาที่ใช้ระยะเวลาเดินประมาณหนึ่งชั่วโมงผ่านซากปรักหักพังสมัยศตวรรษที่ 19 และสุสานขนาดใหญ่ไปยังยอดเดวิลส์พีค (Devil’s Peak) แม้ว่าที่นี่จะดูไม่เหมือนการเดินป่าสุดโรแมนติก แต่เชื่อเถอะว่าวิวจากยอดบนสุดนั้นสวยงามจนแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยทีเดียว

ขอเชิญทุกท่านไปที่จุดนัดพบริมทะเลในไซกง ซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อนวันหยุดสุดสัปดาห์ยอดนิยมสำหรับคนในท้องถิ่น เพลิดเพลินกับการรับประทานอาหารกลางวันริมน้ำที่แม้แต่มิชลิน (Michelin) ยังต้องแนะนำอย่าง ร้านอาหารทะเลฉวนกี่ (Chuen Kee Seafood Restaurant) ที่ให้บริการอาหารทะเลสดใหม่ปรุงตามรสชาติที่คุณชื่นชอบ นึ่ง ผัด ทอดสั่งมาได้เลยอร่อยทุกอย่าง จะลองเมนูเด็ดที่พนักงานเสิร์ฟแนะนำ หรือชิมเมนูพิเศษประจำร้าน เช่น บะหมี่ล็อบสเตอร์กับซอสชีส แต่ถ้ายังเลือกไม่ถูกว่าจะรับประทานอะไรดี ก็ขอบอกเลยว่าไม่มีอะไรจะดีไปกว่าฟิชแอนด์ชิปส์ดีๆ ที่ ชิปอินฟิชแอนด์ชิปส์ (Chip In Fish & Chips) อีกแล้ว

เลือกซื้อของว่างจากร้านซาลาเปาโฮมเมดคุณฮุย (Miss Hui Homemade Steamed Bun) หรือ ไซกงคาเฟและเบเกอรี (Sai Kung Cafe & Bakery) ซึ่งมีเมนูสุดปังคือซาลาเปาสับปะรดและทาร์ตไข่แบบโปรตุเกส ก่อนจะไปเที่ยวชมจุดต่างๆ ขอองเมืองไซกง เริ่มต้นด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังสีสันสดใสและร้านขายเสื้อผ้าสุดแหวกแนวที่เรียงรายอยู่ริมท้องถนน

คุณสามารถใช้เวลาทั้งบ่ายในใจกลางเมืองได้อย่างสบายๆ แต่หากคุณอยากรู้ว่าเหตุใดแหลมแห่งนี้จึงได้รับการขนานนามว่าเป็น “สวนหลังบ้านของฮ่องกง” ให้ลองออกไปสำรวจทิวทัศน์ที่สวยงามตระการตา เส้นทางเดินป่า และชายหาดที่สวยงามเพิ่มเติมดูได้เลย ทริปสั้นๆ กับการเดินป่าประมาณ 1.5 ชั่วโมงที่ไท่หลงว่าน (Tai Long Wan) ก็จัดเป็นอีกทางเลือกที่ดี ซึ่งคุณสามารถแวะเที่ยวชายหาดแจ่มๆ ได้ถึงสี่หาดด้วยกัน: ไซว่าน (Sai Wan) หามตินว่าน (Ham Tin Wan) ไท่ว่าน (Tai Wan) และถงว่าน (Tung Wan) หาดเหล่านี้เหมาะสำหรับกีฬาทางน้ำ เช่น การดำน้ำตื้น การเล่นแพดเดิลบอร์ดแบบยืน และการพายเรือคายัคพื้นใส โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน

กลับไปที่จิมซาจุ่ย (Tsim Sha Tsui) เพื่อพักผ่อนแบบชิลล์ๆ ยามค่ำคืนเลียบอ่าววิคตอเรีย เริ่มต้นที่อะเวนิวออฟสตาร์ (Avenue of Stars) ตรงบริเวณถนนคนเดิน ที่ซึ่งคุณสามารถถ่ายรูปกับ (หรืออย่างน้อยก็รูปปั้น!) ของบรรดาดาวดังแห่งฮ่องกงอย่างบรูซ ลี (Bruce Lee) และเหมย์ เยี่ยนฟาง (Anita Mui) ที่อยู่ริมเส้นขอบฟ้าที่สวยงามน่าทึ่ง

ระหว่างรอสัมผัสประสบการณ์สุดประทับใจของซิมโฟนี ออฟ ไลท์ส (Symphony of Lights) ที่แสดงเวลา 20.00 น. คุณสามารถหมกตัวอยู่ตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ ได้ เช่น เค 11 มิวซี (K11 MUSEA) และ ห้างสรรพสินค้าเค 11 อาร์ต มอลล์ (K11 Art Mall) เพื่อเดินช้อปปิ้ง หรือเพลิดเพลินกับอาหารค่ำสุดโรแมนติกที่ร้านอาหารที่มองเห็นวิวท่าเรือ เรารับรองว่าร้านอาหารอะโบฟแอนด์บียอนด์ (Above & Beyond) ที่คว้ารางวัล Travellers' Choice (สำหรับอาหารกวางตุ้งที่ด้านบนสุดของโฮเทลไอคอน (Hotel Icon)) ไม่มีวันทำให้คุณผิดหวัง หรือจะเป็นไหลชิงฮิง (Lai Ching Heen) (ร้านอาหารระดับดาวมิชลินที่ รีเจนท์ฮ่องกง (Regent Hong Kong)) ก็เด็ดไม่แพ้กัน

ปิดท้ายค่ำคืนด้วยการผ่อนคลายกับการล่องเรือสำราญบนเรือสำเภาสีแดงแบบดั้งเดิมหรือออกไปท่องราตรีท่ามกลางความครึกครื้นของตลาดนัดกลางคืนเทมเปิล สตรีท (Temple Street Night Market) ลองชิมอาหารริมทาง เลือกซื้อของที่ระลึก หรือเดินเที่ยวไปตามตรอกซอกซอยเพื่อรำลึกถึงฉากจากภาพยนตร์สุดโปรดภายใต้ฝีมือการกำกับของหว่อง กาไว (Wong Kar Wai)

เริ่มต้นการผจญภัยสไตล์สายอาร์ตได้ที่คูบริกบุ๊กชอปคาเฟ่ (Kubrick Bookshop Cafe) ในเหยาหม่าเต่ย (Yau Ma Tei) ซึ่งเป็นคาเฟ่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสแตนลีย์ คูบริก (Stanley Kubrick) ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง คาเฟ่แห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับโรงภาพยนตร์สไตล์อาร์ตเฮาส์บรอดเวย์ ซีเนมาเธค (Broadway Cinematheque) คุณสามารถเลือกดูหนังสือและนิตยสารภาษาอังกฤษ ทั้งยังสามารถนั่งอ่านนิตยสารไปพลางเพลิดเพลินกับอาหารเช้าและกาแฟดีๆ ไปพลางได้อีกด้วย

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ให้ไปที่พิพิธภัณฑ์เอ็ม+ในเกาลูนตะวันตก (West Kowloon) ซึ่งเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ทัศนศิลป์สมัยใหม่สไตล์คอมเทมโพรารีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่นี่มีแกลเลอรี 33 แห่ง โรงภาพยนตร์ 3 แห่ง ห้องสมุดมัลติมีเดียอีกหนึ่งแห่ง และจัดแสดงผลงานของศิลปินสมัยใหม่ เช่น ศิลปินคอนเซ็ปชวลอาร์ต (Conceptual artist) อย่างยาโยอิ คุซามะ (Yayoi Kusama) นักออกแบบแฟชั่นกัวเผย (Guopei) และศิลปินดิจิทัลบีเพิล (Beeple) และไม่ใช่แค่ศิลปินนานาชาติเท่านั้น แต่พวกเขายังให้ความสำคัญกับศิลปินและวัฒนธรรมท้องถิ่น รวมถึงความพยายามในการอนุรักษ์เพื่อรักษาป้ายไฟนีออนที่หายไปของฮ่องกงด้วย

เคล็ดลับคือ: ลองไปที่สวนบนชั้นดาดฟ้าของพิพิธภัณฑ์เพื่อชมทัศนียภาพอันกว้างไกลของอ่าววิคตอเรีย

ลองไปเยี่ยมเยียนย่านที่ทันสมัยของไท่หางที่ซึ่งคุณจะได้พบกับการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความแก่แต่เก๋ากับสิ่งใหม่ๆ ตรงไปที่ร้านอาหารชุนหิง (Shun Hing) เพื่อชิมไข่คนและชาซุย (charsiu) (เนื้อย่าง) หรือบิงกีชาดง (Bing Kee Cha Dong) ไดไปดง (Dai pai dong) (ร้านขายอาหารริมทางกลางแจ้ง) ริมทางซึ่งดังจากเมนูบะหมี่หมูติดกระดูดและชานมเย็น

หลังจากรับประทานอาหารกลางวันแล้ว ลองแวะไปที่ร้านบูติกสุดเจ๋งในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยพลังสร้างสรรค์และความเยาว์วัย สายสเก็ตจะต้องหลงรักร้านไซรูทสโตร์ (Psyroot Store) (ร้านสเก็ตท้องถิ่น) และผู้ที่ชื่นชอบการสะสมของกระจุกกระจิกและเครื่องประดับชิ้นเล็กๆ ควรไปที่คานาโมโนะ (Kanamono) (ร้านขายอุปกรณ์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากญี่ปุ่น) และเดอะมินิมัล (The Minimal) (ร้านไลฟ์สไตล์วินเทจ)

หากคุณอยากแวะเติมพลังให้ลองไปที่ร้านกาแฟสมัยใหม่ เช่น ไฟน์ปริ้นท์ (Fineprint) (ร้านกาแฟสไตล์ออสซี่), มิวส์ (Muse) (ร้านกาแฟและร้านไลฟ์สไตล์คอนเซปต์) และบริษัทกาแฟอูนาร์ (Unar Coffee Company) (ร้านกาแฟที่มีเฉพาะแบบซื้อกลับบ้าน) หรืออิ่มอร่อยไปกับของหวานจากร้าน คุกกี้วิชชั่น (Cookie Vission) (ร้านคุกกี้) หรือ พลัมคอต (Plumcot) (ร้านขนมอบสไตล์ฝรั่งเศส)

เราขอแนะนำให้ไปเที่ยวไท่หางระหว่างวันศุกร์ถึงวันอาทิตย์หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ เพื่อที่คุณจะได้จอยทริปทัวร์แบบมีไกด์นำเที่ยวแบบพิเศษ 1.5 ชั่วโมงของ คฤหาสน์ฮอว์ปาร์ (Haw Par Mansion) (หรือสวนยาหม่องตราเสือ (Tiger Balm Garden)) ที่นี่เคยเป็นที่พำนักของโอ้ว บุ้น โฮ้ว (Aw Boon Haw) นักธุรกิจผู้อยู่เบื้องหลังยาหม่องยอดนิยม คุณอาจต้องรีบหน่อยเพราะทัวร์สุดฮอตนี้เต็มเร็วมาก

จากนั้นก็ออกสำรวจบรรดานักออกแบบและช่างฝีมือท้องถิ่นได้ที่ PMQที่สี่แยกสทอนตัน (Intersection of Staunton) และถนนอเบอร์ดีน (Aberdeen Street) อาคารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (Police Married Quarters) เก่าแห่งนี้ได้รับการดัดแปลงให้เป็นศูนย์ศิลปะเชิงสร้างสรรค์ ซึ่งมีร้านค้าเกี่ยวกับการออกแบบ ป็อบอัพ คาเฟ่ นิทรรศการ และเวิร์กช็อปกว่าร้อยแห่งในอาคารสองหลัง เลือกซื้อสีผลิตเองแบบงานฝีมือที่ 513 เพ้นท์ชอป (513 Paint Shop) ผลิตภัณฑ์จากไม้ไผ่แบมบัวโฮม (Bamboa Home) และสบู่พรีเมียม (บาทธทูเบสิค (Bathe to Basics)); หรือเข้าร่วมชั้นเรียนการทำเครื่องประดับ ชั้นเรียนทำอาหาร หรือแม้แต่กิจกรรมศิลปะที่น่าหลงใหลได้ตามต้องการ

อาคารมรดกทางวัฒนธรรมอีกแห่งที่กลายมาเป็นศูนย์กลางศิลปะเชิงสร้างสรรค์ที่ควรค่าแก่การเยี่ยมชมคือศูนย์มรดกวัฒนธรรมและศิลปะไท่กวุน (Tai Kwun Centre for Heritage and Arts) สถานีตำรวจเก่าใจกลางย่านโซโห ที่นี่มีร้านบูติก นิทรรศการ รวมถึงร้านอาหารและบาร์มากมาย เช่น บีไฮน์บาร์ (Behind Bars) และหอสมุดจีน (The Chinese Library) ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการเที่ยวกลางคืน เมื่อคุณพร้อมตะลุยราตรีต่อเป็นยกที่สอง คุณสามารถใช้เวลายามค่ำคืนสัญจรไปตามส่วนที่เหลือของย่านโซโหเพื่อแวะบาร์ คลับ หรือแม้แต่เลานจ์บารากุ (Shisha) อย่าลืมแวะเวียนไปขึ้นบันไดเลื่อนมิดเลเวลเซ็นทรัล (Central mid-level escalators)—บันไดเลื่อนกลางแจ้งที่ยาวที่สุดในโลก—ที่ช่วยย่นระยะทางให้คุณเดินทางไปไหนต่อไหนได้อย่างสะดวก!

หากคุณกำลังมองหาตัวเลือกสำหรับมื้อค่ำแบบอื่นๆ ที่นี่มีร้านโปรดของคนท้องถิ่นอย่างเกากีฟู้ดคาเฟ่ (Kau Kee Food Cafe) ที่มีเมนูขึ้นชื่ออย่างก๋วยเตี๋ยวเนื้อซี่โครงเนื้อนุ่มๆ หรือจะเลือกทานอาหารแบบโมเดิร์นหน่อยก็สามารถไปที่โฮลีฟุก (Ho Lee Fook) ซึ่งเป็นร้านที่ควรค่าแก่การมาลองลิ้มชิมรสชาติอาหารที่มาพร้อมกับบริการระดับสุดยอด และการตกแต่งภายในที่คุณไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ทั้งสองร้านจัดเป็นร้านเด็ดที่มีลูกค้าแน่นขนัด คุณจึงจำเป็นต้องต่อคิวแต่เช้าตรู่หรือต้องจองคิวตามลำดับ หรือหากต้องการร้านที่ดูชิลล์ๆ หน่อย ให้ลองไปที่ลิตเติลเปา (Little Bao) เพื่อลองกินเบอร์เกอร์เปา (Baos) (ซาลาเปา) สไตล์ฟิวชั่น หรือยาร์ดเบิร์ด (YardBird) ใน เซิงหว่าน (Sheung Wan)ที่มีเมนูเด็ดเป็นยากิโทริ (Yakitori) (อาหารย่างเสียบไม้สไตล์ญี่ปุ่น) สาเก และค็อกเทล

เมื่อพูดถึงค็อกเทล ฮ่องกงถือเป็นประเทศที่มีบาร์ที่ดีที่สุดในเอเชีย จิบเครื่องดื่มยามค่ำคืนที่ ซีโอเอ (COA)—บาร์สไตล์เม็กซิกันที่เลื่องชื่อด้านเหล้าอะกาเว ซึ่งติดอันดับต้นๆ ในรายการ 50 บาร์ที่ดีที่สุดในเอเชีย หรือ ดิโอลด์แมน (The Old Man)—เป็นบาร์อีกแห่งที่มีรางวัลการันตี โดยบาร์แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อแสดงความเคารพต่อเออร์เนสต์ เฮมิงเวย์ (Ernst Hemingway)

ก่อนที่คุณจะเริ่มต้นวันใหม่ ลองรับประทานอาหารเช้าแบบสั่งกลับบ้านจากหนึ่งในร้านเบเกอรี่ยอดนิยมของฮ่องกง เช่น เบกเฮ้าส์ (Bakehouse) ร้านเบเกอรี่ฝีมือเยี่ยมโดยเชฟเกรกัวร์ มิโชด์ (Grégoire Michaud) หรือ ควีนโซฟี (Queen Sophie) ที่ทุกคนต่างหลงรักเมนูทาร์ตไข่สุดสร้างสรรค์ของร้านนี้ ทั้งสองร้านมีสาขามากมายกระจายอยู่ทั่วเมือง ดังนั้นคุณจะพบร้านเหล่านี้อยู่ใกล้บ้านคุณอย่างแน่นอน คุณต้องมีอะไรเติมพลังหน่อยเมื่อต้องต่อคิวขึ้นกระเช้าลอยฟ้านองปิง 360 (Ngong Ping 360 Cable Car) (จุ๊ๆ.… แต่คุณไม่ต้องต่อคิวก็ได้ ถ้าคุณซื้อตั๋วไว้ล่วงหน้า)

การนั่งกระเช้าลอยฟ้าชมวิว 25 นาที เราขอแนะนำคริสตัล+ เคบิน (Crystal+ Cabin) เพื่อชมวิวแบบ 360 องศา ซึ่งกระเช้านี้จะพาคุณไปยัง เกาะลันเตาซึ่งเป็นหมู่เกาะที่เหมาะสำหรับการเดินป่า ชมธรรมชาติ และสัมผัสวัฒนธรรม เมื่อไปถึงเกาะแล้ว คุณต้องไม่พลาดไปกราบนมัสการพระพุทธรูปเทียนเถียน (Tian Tan Buddha) ซึ่งเป็นรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่หนัก 250 ตัน สูง 112 ฟุต ชื่นชมพระใหญ่จากเบื้องล่าง หรือปีนขึ้นบันได 268 ขั้นเพื่อชมสิ่งก่อสร้างสุดพิเศษนี้แบบใกล้ชิด หลังจากนั้น คุณสามารถสำรวจอารามโป๋หลิน (Po Lin Monastery) ที่อยู่ใกล้เคียงซึ่งเป็นหนึ่งในวัดทางพุทธศาสนาที่สำคัญที่สุดในฮ่องกง

เคล็ดลับ: เกาะลันเตาอยู่ใกล้กับสนามบิน ดังนั้นจึงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับทริปแบบครึ่งวันหากคุณกำลังแวะพักหรือมองหากิจกรรมต่างๆ ในวันสุดท้ายของคุณ

ที่อาราม มีร้านอาหารมังสวิรัติและคาเฟ่ซึ่งเป็นตัวเลือกสำหรับการรับประทานอาหารกลางวันบนเกาะ แต่หากคุณไม่ชอบอาหารมังสวิรัติ ก็สามารถตรงไปยังย่านหมู่บ้านชาวประมงไท่โออันเก่าแก่ซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของเกาะลันเตาเพื่อออกสำรวจในยามบ่ายได้เลย รับประทานอาหารกลางวันแบบอาหารทะเลย่างสดใหม่จากร้านไท่โอ (Tai O Store) หรือร้านอาหารครอสซิงโบท (Crossing Boat) หรือลองชิม “ฮัสแบนด์โรลส์ (Husband Rolls)” เมนูกุ้งและหมูชื่อดังของเฉิงชอยกี่ (Cheung Choi Kee)

เมื่อคุณเติมพลังแล้ว ให้เริ่มต้นการสำรวจไท่โอ และเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวทังกา (Tanka) ซึ่งเป็นชุมชนชาวประมงในท้องถิ่นที่สร้างบ้านไม้สูงที่สร้างชื่อให้กับหมู่บ้านแห่งนี้

นอกจากจะเที่ยวที่ไท่โอแล้ว คุณยังสามารถลองเดินเขาข้ามเกาะซึ่งเป็นหนึ่งในเส้นทางที่ง่ายที่สุดของ ลันเตาเทรล (Lantau Trail) (ส่วนที่ 1) จากหมุ่ยวอ (Mui Wo) ถึงนัมซาน (Nam Shan)

หากไปฮ่องกงแล้วไม่ได้แวะไปที่วิคตอเรียพีค (Victoria Peak) (เดอะพีค) ซึ่งเป็นจุดที่สูงที่สุดในเมืองก็เหมือนไปไม่ถึงฮ่องกงจริงๆ นั่งรถรางพีคแทรม (Peak Tram) ที่มีเพดานเป็นกระจกเพื่อขึ้นไปด้านบนสุดให้ทันเวลาชมพระอาทิตย์ตกที่สกาย เทอร์เรซ 428 (Sky Terrace 428) เมื่อถึงช่วงเวลาพลบค่ำก็ได้เวลาชมเส้นขอบฟ้าของฮ่องกงกลับมามีชีวิตชีวาในทะเลแห่งแสงสีอันงดงามระยิบระยับ หากคุณไม่ต้องการจ่ายค่าเข้าดาดฟ้า คุณสามารถใช้บริการวิคตอเรียพีคเซอร์เคิลวอล์ค (Victoria Peak Circle Walk) ที่มีจุดชมวิวที่ดีที่สุดให้คุณจับจอง

เมื่อคุณดื่มด่ำกับวิวทิวทัศน์เสร็จแล้ว ย่านเซ็นทรัล (Central) เป็นจุดที่เหมาะที่สุดในการปิดท้ายค่ำคืน รับประทานอาหารค่ำเมนูห่านย่างที่ร้านระดับมิชลินอย่างร้านอาหารยัตลอก (Yat Lok) หรือไปชิมติ่มซำและบะหมี่ผัดที่โรงน้ำชาลูกหยู (Luk Yu Tea House) สำหรับเครื่องดื่ม ให้ลองไปที่ดราฟต์แลนด์ (Draft Land) ที่เสิร์ฟคราฟต์ค็อกเทลสไตล์เอเชีย หรือเดอะออเบรย์ (The Aubrey) ร้านอิซากายะแบบญี่ปุ่นบนชั้น 25 ของโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล (Mandarin Oriental) เพื่อชมวิวมุมกว้างของอ่าววิคตอเรีย