บทความทั้งหมด สถานที่ดูดาวที่ดีที่สุดในโลก 11 แห่ง

สถานที่ดูดาวที่ดีที่สุดในโลก 11 แห่ง

ทิวทัศน์ของท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยแสงดาวเหนือโบสถ์ศรีชุมพาบาล (Church of the Good Shepherd) ที่ทะเลสาบเทคาโป (Lake Tekapo) ประเทศนิวซีแลนด์
ภาพ: Arutthaphon Poolsawasd / Getty Images
Nikki Andrea Bounaparte
โดย Nikki Andrea Bounaparte12 ต.ค. 2023 เวลาอ่าน 20 นาที

ลองจินตนาการถึงภาพท้องฟ้ายามค่ำคืนอันบริสุทธิ์ ปกคลุมไปด้วยหมู่ดาวสุดลูกหูลูกตา อีกทั้งสัมผัสได้ถึงความมหัศจรรย์ที่อยู่เหนือกาลเวลาและพื้นที่ การดูดาวช่วยให้คุณได้ประจักษ์ถึงความเวิ้งว้างของจักรวาล เตือนใจคุณถึงโลกอันกว้างใหญ่ที่อยู่นอกเหนือความกังวลใดๆ ในแต่ละวัน

ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ใฝ่ใจในเรื่องดาราศาสตร์ ผู้ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้ง หรือเพียงแค่มองหาสถานที่ปลีกตัวพักผ่อนสุดโรแมนติก ท้องฟ้ายามค่ำคืนจะมีสิ่งพิเศษสำหรับคุณ แต่ปัญหาคือว่าการจะสัมผัสประสบการณ์บนฟากฟ้าดังกล่าวอย่างแท้จริงได้นั้น คุณจำเป็นต้องออกไปให้ไกลจากแสงสีในเขตเมือง ตั้งแต่หมู่เกาะคะแนรี (Canary Islands) ไปจนถึงหมู่เกาะฮาวาย เราขอแนะนำจุดที่ดีที่สุดส่วนหนึ่งสำหรับการไปดูดาว ตลอดจนเคล็ดลับเพื่อให้ได้รับประโยชน์จากการดูดาวมากที่สุด ดังนี้

1. อุทยานแห่งชาติโจชัวทรี (Joshua Tree National Park) รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

ภาพทางช้างเผือกเหนือหินรูปสะพานโค้ง (Arch Rock) อันโดดเด่นในอุทยานแห่งชาติโจชัวทรี รัฐแคลิฟอร์เนีย
ภาพ: Mark Nemenzo/ Unsplash

อุทยานแห่งชาติโจชัวทรีทางตอนใต้ของแคลิฟอร์เนียเป็นอุทยานท้องฟ้ามืดสากล (International Dark Sky Park) ที่สงวนไว้เป็นพิเศษสำหรับการรักษาความมืดตามธรรมชาติของท้องฟ้ายามค่ำคืน เพื่อให้คุณมองเห็นดวงดาวได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น ในเวลากลางวัน พื้นที่อันรุ่มรวยด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดี ตลอดจนความหลากหลายทางชีวภาพทำให้ที่นี่เป็นจุดเดินป่าที่สมบูรณ์แบบ แต่เวลากลางคืนคือช่วงที่อุทยานแห่งนี้เต็มไปด้วยมนต์ขลังมากที่สุด จอดรถบริเวณที่พักริมทางถัดจากหินรูปหัวกะโหลก (Skull Rock) ในเวลากลางคืนเพื่อชมภาพหมู่ดาวอันงดงาม หรือเดินไปตามเส้นทางหินครอบ (Cap Rock trail) ที่ไม่ยาวนัก ซึ่งมีต้นโจชัว (Joshua Tree) อันโดดเด่นปรากฏเป็นเงาดำชัดเหนือภาพหมู่ดาวที่เป็นฉากหลัง จุดชมวิวคีย์สวิว (Keys View) ยังเป็นอีกแห่งที่จะมองเห็นทัศนียภาพแบบพาโนรามาของโคเชลลาวัลเลย์ (Coachella Valley) และภูเขาโดยรอบที่รายล้อมไปด้วยหมู่ดาว

มีกิจกรรมการดูดาวที่จัดโดยชุมชนในพื้นที่ซึ่งให้บริการกล้องโทรทรรศน์ฟรีเพื่อให้คุณมองเห็นกลุ่มดาวได้ง่ายขึ้น ในส่วนของผู้ชื่นชอบการตั้งแคมป์ ที่ตั้งแคมป์คอตตอนวูด (Cottonwood Campground) เป็นตัวเลือกที่ดียิ่งหากคุณต้องการนอนหลับภายใต้แสงดาว

2. ทะเลทรายลาฮ์บับ นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

นักท่องเที่ยวสองคนกำลังนั่งพักผ่อนอยู่กับไกด์บนเบาะข้างกองไฟ โดยเพลิดเพลินไปกับท้องฟ้าเบื้องบนยามค่ำคืนในทะเลทรายของดูไบ
ภาพ: OceanAir Travels/ Tripadvisor

ทะเลทรายลาฮ์บับตั้งอยู่ในดูไบ นับเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับการดูดาว และมีชื่อเสียงในเรื่องท้องฟ้ายามค่ำคืนอันบริสุทธิ์ ในช่วงฤดูหนาวตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์ คุณจะเห็นกลุ่มดาวฤดูหนาวต่างๆ เช่น กลุ่มดาววัว กลุ่มดาวหมาเล็ก กลุ่มดาวหมาใหญ่ กลุ่มดาวคนคู่ และกลุ่มดาวนายพราน หากต้องการสัมผัสประสบการณ์ทะเลทรายแบบเต็มอิ่ม ให้เริ่มต้นวันใหม่โดยการนั่งบอลลูนลมร้อนหรือการขี่อูฐในทัวร์นี้ แล้วลองเล่นแซนด์บอร์ดหรือตะลุยเนินทราย

ในส่วนของผู้ที่สนใจใคร่รู้เกี่ยวกับจุดดับบนดวงอาทิตย์และเปลวสุริยะ คุณยังสามารถลงทะเบียนเพื่อรับประสบการณ์การสังเกตดวงอาทิตย์ได้ที่ศูนย์ดาราศาสตร์อัลทูรายา (Al Thuraya Astronomy Center) ในอุทยานแห่งชาติมูชรีฟ (Mushrif National Park) ได้ด้วย

3. ทะเลทรายพินนาเคิลส์ (The Pinnacles Desert) เมืองเซอร์แวนเตส (Cervantes) ประเทศออสเตรเลีย

ชายคนหนึ่งกำลังดูดาวที่ทะเลทรายพินนาเคิลส์ เมืองเซอร์แวนเตส ประเทศออสเตรเลีย
ภาพ: Louise B / Tripadvisor

ทะเลทรายพินนาเคิลส์ซึ่งอยู่ห่างจากเพิร์ธเพียงแค่ 2 ชั่วโมง เผยให้เห็นสภาพภูมิศาสตร์ที่เหนือจริงราวกับอยู่ในอีกโลกหนึ่ง ซึ่งประดับตกแต่งด้วยหมวดหินปูนนับพัน คล้ายกับเสาโบราณที่ผุดขึ้นมาจากพื้นโลก ลองจินตนาการดูถึงภาพการรับประทานอาหารเย็นยามดวงอาทิตย์ตกดินที่มีดวงดาวอยู่เต็มท้องฟ้า

ในทัวร์ดูดาวดังกล่าว คุณจะได้เริ่มต้นผจญภัยบนแซนด์บอร์ดที่เนินทรายแลนเซลิน (Lancelin Sand Dunes) แล้วต่อด้วยหาดทรายสีขาวของชายฝั่งทะเลแฮงก์โอเวอร์เบย์ (Hangover Bay Coast) ก่อนเดินทางต่อไปยังจุดชมวิวนิลเกน (Nilgen Lookout) เพื่อชมวิวมหาสมุทรแบบพาโนรามา หากคุณรู้สึกเพลิดเพลินกับการท่องเที่ยว คุณอาจลองพักค้างคืนที่เมืองเซอร์แวนเตสดูก็ได้

4. ยอดเขาเมานาเคอา (Mauna Kea Summit) รัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา

ยอดเขาเมานาเคอา ภูเขาไฟไม่มีพลังในฮาวาย ซึ่งมีท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยแสงดาวเป็นฉากหลัง
ภาพ: Epic Tours / Tripadvisor

เมานาเคอาในเมืองไคลูอา-โคนา (Kailua-Kona) ของฮาวาย ขึ้นชื่อในเรื่องสภาพภูมิศาสตร์แบบภูเขาไฟอันเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวจะได้รับประสบการณ์การดูดาวอันยอดเยี่ยม ภูเขาไฟที่สงบลูกนี้มีจุดชมวิวมากมายตรงบริเวณยอดเขาเหนือหมู่เมฆและบ้านเรือน ที่นี่ คุณจะได้ดูดาวผ่านกล้องโทรทรรศน์กำลังสูง และมีโอกาสเรียนรู้จากนักดาราศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญ

ทัวร์นี้เริ่มต้นด้วยการรับประทานอาหารเย็นแบบปิกนิกที่เชิงเขาเมานาเคอา ก่อนมุ่งหน้าไปยังยอดเขาเพื่อเพลิดเพลินกับภาพดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าและภูเขาไฟเมานาโลอา (Mauna Loa) ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดลูกหนึ่งของโลก หลังจากนั้น คุณจะได้เดินทางต่อไปยังศูนย์สารสนเทศนักท่องเที่ยวเมานาเคอา (Mauna Kea Visitor Information Station) เพื่อเริ่มรับประสบการณ์การดูดาว

5. เกาะเตเนรีเฟ (Tenerife) หมู่เกาะคะแนรี (Canary Islands) ประเทศสเปน

ภาพดวงดาวจากเกาะเตเนรีเฟ หมู่เกาะคะแนรี ประเทศสเปน
ภาพ: Majestic Lukas / Unsplash

หมู่เกาะคะแนรีเป็นที่ตั้งของเขตสงวนแสงดาว (Starlight Reserve) สามแห่ง ได้แก่ เกาะลาปัลมา (La Palma) เกาะเตเนริเฟ (Tenerife) และเกาะฟูเอร์เตเบนตูรา (Fuerteventura) เขตสงวนเหล่านี้ขึ้นชื่อเรื่องความพยายามอันดีเด่นที่จะรักษาความมืดตามธรรมชาติไว้เพื่อให้ผู้คนได้รับประสบการณ์การดูดาวที่ดีที่สุด

บนภูเขากัวฆารา (Guajara Mountain) ที่เกาะเตเนรีเฟ คุณจะพบกับสภาวะอันยอดเยี่ยมที่เอื้อต่อการดูดาว ทั้งในเรื่องระดับความสูงและมลภาวะทางแสงที่น้อย หรือมากับทัวร์แบบมีไกด์นำนี้ ซึ่งคุณสามารถลิ้มรสอาหารคะแนรีและไวน์กาบาต้นตำรับ ตลอดจนชมภาพดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่สวยงามตระการตาเหนือทะเลเมฆ พร้อมดื่มด่ำไปกับไวน์กาบาสักแก้ว จากนั้น ปิดท้ายด้วยการค้นพบความลึกลับเบื้องหลังหมู่ดาวผ่านกล้องโทรทรรศน์ระบบคอมพิวเตอร์และการดูดาวแบบยิงเลเซอร์

6. ทะเลสาบเทคาโป เกาะใต้ ประเทศนิวซีแลนด์

นักท่องเที่ยวแหงนมองท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยดวงดาวที่ทะเลสาบเทคาโป เกาะใต้ ประเทศนิวซีแลนด์
ภาพ: atsush1 / Tripadvisor

ทะเลสาบเทคาโปตั้งอยู่บนเกาะใต้ มีชื่อเสียงในเรื่องทัศนียภาพของท้องฟ้าและโบสถ์ศรีชุมพาบาล (Church of the Good Shepherd) ที่โดดเด่น คว้ากล้องมาถ่ายภาพโบสถ์ที่คุณรู้สึกชื่นชมภายใต้ท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยแสงดาว นอกจากนี้ คุณยังสามารถชมความสุกใสเป็นประกายของทางช้างเผือกโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใดๆ ได้ที่เขตสงวนท้องฟ้ามืดสากลอาโอรากิแมกเคนซี (Aoraki MacKenzie International Dark Sky Reserve) อันเป็นเขตสงวนท้องฟ้ามืดซึ่งใหญ่ที่สุดในโลก

ลองเข้าชมท้องฟ้าจำลองในรูปแบบทัวร์แบบมีไกด์นำเพื่อเรียนรู้ข้อมูลเชิงลึกให้มากยิ่งขึ้นเกี่ยวกับดวงดาวที่อยู่บนฟากฟ้า นอกจากการดูดาวแล้ว คุณยังสามารถเดินป่าบนเส้นทางที่ทอดไปตามหมู่บ้าน เมาต์คุกวิลเลจ (Mt. Cook Village) และแช่น้ำพุร้อนเทคาโป (Tekapo Springs) เพื่อความผ่อนคลายได้ด้วย

7. เมืองเซโดนา (Sedona) รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา

ภาพดวงดาวใกล้หุบเขาในเมืองเซโดนา รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา
ภาพ: Darryl Brian / Unsplash

เซโดนาขึ้นชื่อเรื่องกระแสวน เช่น คาธีดรัลร็อค (Cathedral Rock) และเบลล์ร็อค (Bell Rock) ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นศูนย์รวมพลังงานทางธรรมชาติที่ช่วยยกระดับการโยงใยในจักรวาลได้ เข้าร่วมทัวร์ดูดาวแบบมีไกด์นำเพื่อชมท้องฟ้ายามค่ำคืนที่น่าทึ่งและรับฟังเรื่องราวเจาะลึกเกี่ยวกับกลุ่มดาวและชุมนุมดาวของชนพื้นเมืองท้องถิ่นที่น่าสนใจ วางแผนไปเที่ยวชมบริเวณฟ้ามืดที่เซโดนาในคืนฟ้าโปร่งไร้แสงจันทร์เพื่อรับประสบการณ์การดูดาวที่ดีที่สุด

ขณะรอช่วงพลบค่ำ คุณสามารถจิบไวน์ท่ามกลางภูมิทัศน์หินแดงที่สวยงาม ทำสมาธิในจุดที่มีกระแสวน และเข้าร่วมทัวร์สัตว์ป่าเพื่อดูสัตว์ท้องถิ่นในภูมิภาคได้

8. เทือกเขาแอนดีส (Andes Mountains) กรุงซันติอาโก ประเทศชิลี

ภาพดวงดาวจากเทือกเขาแอนดีสในกรุงซานติอาโก ประเทศชิลี
ภาพ: Jorge Mulchi Cossio / Unsplash

เทือกเขาแอนดีสตั้งอยู่ที่เมืองหลวงซึ่งมีชีวิตชีวาของชิลี เป็นเทือกเขาที่มีความงดงามเป็นอย่างยิ่ง จุดชมวิวส่วนตัวบนที่สูงของเทือกเขาแอนดีสเป็นจุดเริ่มต้นในการออกผจญภัยเพื่อดูดาว จิบไวน์ที่ยกมาต้อนรับขณะฟังการบรรยายจากนักดาราศาสตร์ที่เผยให้เห็นความมหัศจรรย์ของจักรวาล ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืนเหนือเทือกเขาแอนดีส สำรวจจักรวาลด้วยตาเปล่า จากนั้นใช้กล้องส่องทางไกล และสุดท้ายจึงใช้กล้องโทรทรรศน์กำลังสูง เข้าร่วมทัวร์ดูดาวนี้เพื่อรับความสนุกแบบเต็มวัน คุณจะได้เริ่มต้นวันใหม่ด้วยภาพดวงอาทิตย์ขึ้นที่หุบเขากาฆอน เดล ไมโป (Cajón del Maipo) อันยิ่งใหญ่ จากนั้นมุ่งหน้าไปยังบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติทั้ง 7 แห่งของหุบเขาแตร์มาส บาเย เด โกลินา (Termas Valle de Colina) ก่อนจบลงด้วยการดูดาวยามค่ำคืนบนเทือกเขาแอนดีส

เวลาที่ดีที่สุดในการเที่ยวชมคือช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม หรือเดือนกันยายนถึงเดือนพฤศจิกายน เนื่องจากเป็นช่วงเวลาซึ่งท้องฟ้าปลอดโปร่งที่สุด

9. เทือกเขาบลูเมาน์เทนส์ (Blue Mountains) นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย

นักท่องเที่ยวกำลังมองผ่านกล้องโทรทรรศน์ระบบคอมพิวเตอร์เพื่อจะได้เห็นหมู่ดาวให้ใกล้มากขึ้นที่เทือกเขาบลูเมาเทนส์ นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย
ภาพ: Blue Mountains Stargazing / Tripadvisor

ขณะดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่บลูเมาน์เทนส์ ขับรถจากซิดนีย์มาไม่ไกล ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวก็จะกลายเป็นศูนย์กลางของทัศนียภาพ มองหาจุดมืดๆ สำหรับการดูดาว เช่น หน้าผาลินคอนส์ร็อค (Lincoln’s Rock) แล้วคุณจะได้ภาพจักรวาลแบบไม่มีสิ่งใดมาบดบังเป็นรางวัล

ในตอนกลางวัน บลูเมาน์เทนส์เป็นสวรรค์ของการเดินทางท่องเที่ยว สำรวจหุบเขาอันน่าทึ่ง ความเขียวขจีของสวนเมย์ฟิลด์ (Mayfield Garden) ธารน้ำที่ลดหลั่นเป็นชั้นๆ ของน้ำตกเวนท์เวิร์ธ (Wentworth Falls) หรือเดินทางไปยังหมู่หินสามสาวพี่น้อง (Three Sisters) และหากคุณเป็นผู้ที่ชื่นชอบความมหัศจรรย์ใต้พื้นผิวโลก อย่าพลาดชมทัศนียภาพอันสวยสดงดงามของถ้ำเจโนลัน (Jenolan Caves)

10. อุทยานแห่งชาติเดธวัลเลย์ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

เต็นท์ค้างคืนที่จัดเตรียมไว้สำหรับการดูดาวในอุทยานแห่งชาติเดธวัลเลย์ ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยแสงดาว
ภาพ: Wilson Ye/ Unsplash

ใจกลางอุทยานแห่งชาติเดธวัลเลย์ การดูดาวเป็นประสบการณ์ที่น่าทึ่งจริงๆ เนื่องจากแอ่งแบดวอเทอร์ (Badwater Basin) เป็นจุดลุ่มต่ำที่สุดในอเมริกาเหนือ ความลึกและคุณลักษณะทางภูมิศาสตร์อันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจึงช่วยสร้างบรรยากาศที่น่าสนใจสำหรับการดูดาว ทะเลเกลือที่มืดมิดและกว้างใหญ่ขยายขอบเขตการมองเห็น ทำให้ภาพดวงดาวประจักษ์ต่อสายตาของคุณจากจุดที่มองเห็นได้กว้างขวางอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

การไม่มีพืชพรรณ เป็นพื้นที่เปิดโล่ง และมีมลภาวะทางแสงเพียงเล็กน้อยเท่านั้นยังทำให้เนินทรายเมสกีตแฟลต (Mesquite Flat Sand Dune) เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งสำหรับการสังเกตกลุ่มดาว มาเที่ยวในช่วงเดือนฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งเป็นช่วงที่สภาพอากาศแบบทะเลทรายไม่ร้อนหรือไม่หนาวจนเกินไป ทำให้ท้องฟ้าปลอดโปร่งและมีอุณหภูมิที่น่าพึงพอใจสำหรับการออกสำรวจยามกลางคืน

เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการหลบหลีกความร้อนผ่านการเดินป่าไปยังน้ำตกดาร์วิน (Darwin Falls) ซึ่งเป็นโอเอซิสที่ไม่คาดว่าจะมีอยู่กลางทะเลทราย ก่อนปิดท้ายวันด้วยการชิมไวน์และการเก็บภาพถ่ายยามค่ำคืนที่สวยล้ำเลิศตัดกับทิวทัศน์อันน่าทึ่งของทะเลทรายในทัวร์นี้

11. อุทยานธรรมชาติชายฝั่งทะเลวิเซนตินา (Vicentine Coast Natural Park) เขตอัลการ์วึ (Algarve) ประเทศโปรตุเกส

ภาพนักท่องเที่ยวที่กำลังมองดูทางช้างเผือกจากอุทยานธรรมชาติชายฝั่งทะเลอาเลนเตจูและวิเซนตินาตะวันตกเฉียงใต้ (Southwest Alentejo and Vicentine Coast Natural Park)
ภาพ: Daniel Garrido / Getty Image

ด้วยมลภาวะทางแสงเพียงเล็กน้อยและฉากหลังที่สวยงามของธรรมชาติอันเงียบสงบ อุทยานธรรมชาติชายฝั่งทะเลอาเลนเตจูและวิเซนตินาตะวันตกเฉียงใต้ (Southwest Alentejo and Vicentine Coast Natural Park) มีจุดดูดาวมากมายหลายจุด ชายหาดที่เขตปอร์ตูโกวู (Porto Covo) หลีกเร้นจากแสงไฟในหมู่บ้าน ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ซึ่งเหมาะสมสำหรับการดูดาว ในคืนที่อากาศแจ่มใส คุณจะมองเห็นทางช้างเผือกได้ด้วยตาเปล่า ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการดูดาวอยู่ระหว่างเดือนมิถุนายนถึงเดือนกันยายนซึ่งเป็นช่วงที่มีปริมาณฝนจำกัด

เข้าร่วมทัวร์นี้ซึ่งเริ่มต้นในเมืองลากูช (Lagos) และเดินทางไปยังหน้าผาชายฝั่งทะเลซึ่งสูงที่สุดบางแห่งของโปรตุเกส เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และพันธุ์พืชของชายฝั่งทะเล และสุดท้ายไปปิกนิกแบบโฮมเมดบนยอดผาภายใต้แสงดาว

เคล็ดลับการดูดาว:

  1. เลือกคืนที่มีแสงจันทร์น้อยที่สุด คืนเดือนดับที่ดวงจันทร์ไม่อยู่บนท้องฟ้า เราจะเห็นภาพของดวงดาวและวัตถุท้องฟ้าชัดเจนที่สุด
  2. ดาวน์โหลดแอปดูดาวหรือพกแผนที่ดาวไปด้วยเพื่อช่วยในการจำแนกดวงดาวและกลุ่มดาว เครื่องมือเหล่านี้ช่วยเพิ่มความเข้าใจของคุณเกี่ยวกับท้องฟ้ายามค่ำคืน ทำให้ค้นหาตำแหน่งและชื่นชมความมหัศจรรย์บนฟากฟ้าได้ง่ายยิ่งขึ้น
  3. ติดตามข้อมูลพยากรณ์อากาศและเลือกคืนที่มีสภาพอากาศเอื้ออำนวยเพื่อไม่ให้มีเมฆปกคลุม
  4. อากาศอาจหนาวมาก จึงควรแต่งกายให้อบอุ่นและนำผ้าห่มไปด้วย ทั้งนี้เพื่อให้รู้สึกสบายระหว่างการดูดาวเป็นเวลานาน
  5. พกกล้องที่สามารถตั้งค่าด้วยตนเองได้ไปด้วยสำหรับการถ่ายภาพท้องฟ้ายามค่ำคืน ขาตั้งกล้องช่วยให้กล้องมีความมั่นคง ลดความพร่ามัวในการถ่ายภาพแบบเปิดความเร็วชัตเตอร์เป็นเวลานาน
  6. เข้าร่วมทัวร์ดูดาวที่นำโดยผู้เชี่ยวชาญ ทัวร์เหล่านี้ให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณค่าเกี่ยวกับความมหัศจรรย์ของท้องฟ้ายามค่ำคืน และแม้กระทั่งอุปกรณ์การดูดาว เช่น กล้องโทรทรรศน์ ซึ่งช่วยให้มองเห็นดวงดาวได้ใกล้มากขึ้น