วัดสวนโมกข์
วัดสวนโมกข์
3.9
ความคิดเห็นของนักท่องเที่ยว
แนะนำให้แก้ไขเพื่อปรับปรุงสิ่งที่เราแสดง
ปรับปรุงข้อมูลสถานที่ให้บริการนี้Travellers' Choice คืออะไร
Tripadvisor มอบรางวัล Travellers’ Choice ให้กับที่พัก สถานที่ท่องเที่ยว และร้านอาหารที่ได้รับรีวิวยอดเยี่ยมอย่างต่อเนื่องจากนักท่องเที่ยวและได้รับการจัดอันดับอยู่ใน 10% แรกของสถานที่ให้บริการยอดนิยมบน Tripadvisor
คุณกำลังอยู่ในทริปอยู่ใช่ไหม
ช่วยเราค้นหาประสบการณ์ที่มีให้บริการสำหรับคุณ
พื้นที่
ติดต่อโดยตรง
สถานที่ใกล้เคียงที่ดีที่สุด
ร้านอาหาร
2 ภายใน 5 กม.
มีส่วนร่วม
3.9
59 รีวิว
ดีเยี่ยม
27
ดีมาก
16
ธรรมดา
6
แย่
3
แย่มาก
7
tigerxmen
ไทย56,019 ผลงาน
ก.พ. ค.ศ. 2023
สวนโมกขพลาราม หรือชื่อเรียกทางการว่า วัดธารน้ำไหล สร้างขึ้นโดย พระธรรมโกศาจารย์ คนส่วนใหญ่จะเรียกท่านว่า พระอาจารย์ พุทธทาสภิกขุ สวนโมกขพลารามนี้แต่เดิมได้สร้างขึ้นอยู่ในวัดตระพังจิก ซึ่งเป็นวัดร้าง ต่อมาได้ย้ายเข้ามาสร้างใหม่ที่เขาพุทธทอง มีเนื้อที่ประมาณ 375 ไร่ วัดแห่งนี้ผู้คนนิยมเรียกสั้น ๆ ว่าสวนโมกข์ ความหมายที่มาของชื่อ สวนโมกขพลารามก็คือ สถานที่อันสงบเงียบและเรียบง่ายท่ามกลางสวนป่าอันเป็นดินแดนสำหรับผู้ที่กำลังหลุดพ้น
วัดแห่งนี้ถือเป็นสถานปฏิบัติธรรมที่ผู้เลื่อมใสศรัทธาในพุทธศาสนาอยากมาปฏิบัติกันเยอะเป็นอันดับต้นๆของเมืองไทยเพราะว่าเป็นแหล่งบ่มเพาะเรียนรู้พระพุทธศาสนา ด้วยภายในอาณาบริเวณของสวนโมกข์ มีความร่มรื่นสงบ เหมาะสำหรับการปฏิบัติธรรม กล่อมเกลาจิตใจและศึกษาพระพุทธศาสนา
มีโรงมหรสพทางวิญญาณ ซึ่งประกอบด้วยภาพศิลป์ บทกวี คติธรรมคำสอนในพุทธศาสนานิกายต่างๆ รวมถึงพุทธประวัติ และภาพจำลองจากภาพหินสลักเกี่ยวกับพุทธประวัติในอินเดีย และบริเวณไม่ไกลจากสวนโมกข์ มีสวนรุกขชาติเขาพุทธทอง ซึ่งเป็นสถานที่รวบรวมพันธ์ไม้ที่มีค่าไว้มากมาย
พระอาจารย์พุทธทาสภิกขุ เป็นพระภิกษุสงฆ์ชาวไทยผู้มอบคำสอนทางพุทธศาสนาไว้มากมาย โดยคำสอนจำนวนมากเป็นธรรมะระดับโลกุตระ อันมีนิโรธเป็นรส และมีนิพพานเป็นอารมณ์ ซึ่งพุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่เห็นว่าเป็นธรรมะขั้นสูง
คนส่วนใหญ่จะมองว่าเข้าถึงและเข้าใจคำสอนของท่านอยาก แต่แท้จริงแล้วไม่ว่าจะระดับชั้นใดก็ควรจะได้รับรู้ ได้รับปฏิบัติ และได้รับผลจากธรรมะเหล่านี้ ซึ่งถึงแม้จะเป็นธรรมะที่ละเอียดลึกซึ้ง แต่ท่านพุทธทาสภิกขุก็ได้ถ่ายทอดให้อยู่ในรูปแบบที่คนทั่วไปสามารถเข้าถึงและเข้าใจ โดยยังคงเนื้อหาสำคัญไว้ได้อย่างครบถ้วน
สถานที่สำคัญต่างๆภายในวัดจะมีป้ายแผนผังบอกท่านสนใจอยากไปจุดใดก็ดูแล้วพิจารณาเลือกในกรณีที่มีเวลาจำกัดในการมาวัดแห่งนี้ ได้แก่
1. กุฎิอาจริยบูชาท่านพุทธทาส หรือเรียกว่ากุฎท่านอาจารย์ ปัจจุบันเป็นหลังที่ 3 มีรูปหล่อพุทธทาสภิกขุให้ผู้ศรัทธาได้เคารพระลึกถึงคุณงามความดีที่ท่านมีต่อพุทธศาสนา ถัดออกมาเป็นรูปปั้นพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ประดิษฐานหน้าลานหญ้า “พระพุทธทาสได้จัดสร้างจากต้นแบบที่เป็นรูปปั้นสัมฤทธิ์เก่าแก่ซึ่งพบที่เมืองไชยา เป็นสัญลักษณ์ของสุทธิ ปัญญา เมตตาและขันติ
2. ลานหินโค้ง เป็นที่ประกอบศาสนกิจของพระสงฆ์และผู้มาปฏิบัติธรรม ซึ่งในแผนที่บริเวณวัดได้อธิบายเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ไว้ว่า เป็นสัญลักษณ์หนึ่งของสวนโมกข์ ที่เอื้อต่อการศึกษาปฏิบัติธรรมมากที่สุด สะท้อนแนวคิดของพุทธทาสภิกขุว่ามาสวนโมกข์ต้องได้พูดคุยกับต้นไม้ ก้อนหิน และได้เรียนรู้เรื่องธรรมะที่ปรุงแต่งและไม่ปรุงแต่ง ปัจจุบันเป็นที่ตักบาตร,สาธิต ทำวัตรสวดมนต์, แสดงธรรม, นั่งวิปัสสนาและ กิจธรรม เริ่มตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง
3. โรงมหรสพทางวิญญาณ ภายในมีสองชั้น กว้างประมาณ 10 เมตร ยาว 100 เมตร ภายนอกอาคารเป็นภาพแกะสลักชุดพุทธประวัติรอบอาคาร บริเวณด้านข้างอาคารมีก้อนหินวางเป็นระยะ บนผนังและเสาของอาคารมีภาพปริศนาธรรมมากมาย และภาพของท่านพุทธทาสเมื่อครั้งเดินทางไปอินเดีย
4. สระนาฬิเกร์ และธารน้ำไหล และธารน้ำไหล บนเกาะกลางสระน้ำภายในวัด ที่แห่งนี้เป็นสระน้ำขนาดสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้างประมาณ 100 เมตร ยาวประมาณ 200 เมตร กลางสระเป็นเกาะเล็กๆ เนื้อที่ประมาณ 5 ตารางเมตร มีต้นมะพร้าวเล็กๆ ปลูกอยู่หนึ่งต้น ท่านพุทธทาสตั้งใจให้ สระนาฬิเกร์ และธารน้ำไหลนี้ เป็นสื่อในการสอนธรรมะอีกอย่างหนึ่งว่า “นิพพนานนั้นอยู่ท่ามกลางวัฏฏะสงสาร
5. โบสถ์บนเขาพุทธทอง ตั้งอยู่บริเวณพื้นที่กลางแจ้งบนเขาพุทธทอง เป็นที่ตั้งอุโบสถแบบสวนโมกข์ เป็นโบสถ์พื้นดินตามธรรมชาติอย่างที่เคยมีในครั้งพุทธกาล ธรรมชาติที่มีอยู่โดยรอบบริเวณ เปรียบเสมือนอาคารของโบสถ์ มีเสาปักไว้โดยรอบกำหนดเขต เพื่อใช้เป็นที่ประกอบสังฆกรรม โดยพื้นที่ไม่ห่างจากโบสถ์นี้จะมีลานกว้างประดิษฐานพระพุทธรูปสร้างจากหินทรายปรางค์สมาธิงดงาม อีกทั้งบริเวณนี้ยังเป็นสถานที่ฌาปนกิจสรีระท่านพุทธทาสภิกขุ เมื่อปี พ.ศ. 2536 อีกด้วย
6. อาคารสร้างคล้ายเรือสำเภาขนาดใหญ่ 2 ลำ ลำแรกชื่อว่า ธรรมวารีนาวาอิสรกุลนฤมิต เป็นอาคารอเนกประสงค์ “อุปมาเหมือนเป็นเรือข้ามฟากหรือข้ามวัฏสงสารให้พ้นจากความทุกข์ ข้ามฟากจากความมีทุกข์ไปสู่ความไม่มีทุกข์ จากความโง่ไปสู่ความฉลาดอิงกับพุทธปรัชญา นาวาแห่งธรรมนำสรรพสัตว์ข้ามห้วงแห่งทุกข์” ลำที่ 2 ชื่อว่า เรือใหญ่หรือธรรมวารีนาวา อธิบายว่า “ชั้นล่างเป็นที่เก็บน้ำฝน ชั้นบนเป็นศาลาอเนกประสงค์สำหรับประชุม ฟังเทศน์เวลาฝนตก ที่หัวเรือเป็นที่ตั้งของห้องสมุดโมกขบรรลัย”
ภายในบริเวณวัดสะอาดมาก เงียบสงบ ร่มรื่น ท่านจะลืมไปเลยว่าด้านหน้าทางเข้าวัดอยู่ติดริมถนนใหญ่ เพราะท่านกำลังอยู่ในดินแดนสุขาวดีแห่งการหลุดพ้น ครับ
วัดแห่งนี้ถือเป็นสถานปฏิบัติธรรมที่ผู้เลื่อมใสศรัทธาในพุทธศาสนาอยากมาปฏิบัติกันเยอะเป็นอันดับต้นๆของเมืองไทยเพราะว่าเป็นแหล่งบ่มเพาะเรียนรู้พระพุทธศาสนา ด้วยภายในอาณาบริเวณของสวนโมกข์ มีความร่มรื่นสงบ เหมาะสำหรับการปฏิบัติธรรม กล่อมเกลาจิตใจและศึกษาพระพุทธศาสนา
มีโรงมหรสพทางวิญญาณ ซึ่งประกอบด้วยภาพศิลป์ บทกวี คติธรรมคำสอนในพุทธศาสนานิกายต่างๆ รวมถึงพุทธประวัติ และภาพจำลองจากภาพหินสลักเกี่ยวกับพุทธประวัติในอินเดีย และบริเวณไม่ไกลจากสวนโมกข์ มีสวนรุกขชาติเขาพุทธทอง ซึ่งเป็นสถานที่รวบรวมพันธ์ไม้ที่มีค่าไว้มากมาย
พระอาจารย์พุทธทาสภิกขุ เป็นพระภิกษุสงฆ์ชาวไทยผู้มอบคำสอนทางพุทธศาสนาไว้มากมาย โดยคำสอนจำนวนมากเป็นธรรมะระดับโลกุตระ อันมีนิโรธเป็นรส และมีนิพพานเป็นอารมณ์ ซึ่งพุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่เห็นว่าเป็นธรรมะขั้นสูง
คนส่วนใหญ่จะมองว่าเข้าถึงและเข้าใจคำสอนของท่านอยาก แต่แท้จริงแล้วไม่ว่าจะระดับชั้นใดก็ควรจะได้รับรู้ ได้รับปฏิบัติ และได้รับผลจากธรรมะเหล่านี้ ซึ่งถึงแม้จะเป็นธรรมะที่ละเอียดลึกซึ้ง แต่ท่านพุทธทาสภิกขุก็ได้ถ่ายทอดให้อยู่ในรูปแบบที่คนทั่วไปสามารถเข้าถึงและเข้าใจ โดยยังคงเนื้อหาสำคัญไว้ได้อย่างครบถ้วน
สถานที่สำคัญต่างๆภายในวัดจะมีป้ายแผนผังบอกท่านสนใจอยากไปจุดใดก็ดูแล้วพิจารณาเลือกในกรณีที่มีเวลาจำกัดในการมาวัดแห่งนี้ ได้แก่
1. กุฎิอาจริยบูชาท่านพุทธทาส หรือเรียกว่ากุฎท่านอาจารย์ ปัจจุบันเป็นหลังที่ 3 มีรูปหล่อพุทธทาสภิกขุให้ผู้ศรัทธาได้เคารพระลึกถึงคุณงามความดีที่ท่านมีต่อพุทธศาสนา ถัดออกมาเป็นรูปปั้นพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ประดิษฐานหน้าลานหญ้า “พระพุทธทาสได้จัดสร้างจากต้นแบบที่เป็นรูปปั้นสัมฤทธิ์เก่าแก่ซึ่งพบที่เมืองไชยา เป็นสัญลักษณ์ของสุทธิ ปัญญา เมตตาและขันติ
2. ลานหินโค้ง เป็นที่ประกอบศาสนกิจของพระสงฆ์และผู้มาปฏิบัติธรรม ซึ่งในแผนที่บริเวณวัดได้อธิบายเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ไว้ว่า เป็นสัญลักษณ์หนึ่งของสวนโมกข์ ที่เอื้อต่อการศึกษาปฏิบัติธรรมมากที่สุด สะท้อนแนวคิดของพุทธทาสภิกขุว่ามาสวนโมกข์ต้องได้พูดคุยกับต้นไม้ ก้อนหิน และได้เรียนรู้เรื่องธรรมะที่ปรุงแต่งและไม่ปรุงแต่ง ปัจจุบันเป็นที่ตักบาตร,สาธิต ทำวัตรสวดมนต์, แสดงธรรม, นั่งวิปัสสนาและ กิจธรรม เริ่มตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง
3. โรงมหรสพทางวิญญาณ ภายในมีสองชั้น กว้างประมาณ 10 เมตร ยาว 100 เมตร ภายนอกอาคารเป็นภาพแกะสลักชุดพุทธประวัติรอบอาคาร บริเวณด้านข้างอาคารมีก้อนหินวางเป็นระยะ บนผนังและเสาของอาคารมีภาพปริศนาธรรมมากมาย และภาพของท่านพุทธทาสเมื่อครั้งเดินทางไปอินเดีย
4. สระนาฬิเกร์ และธารน้ำไหล และธารน้ำไหล บนเกาะกลางสระน้ำภายในวัด ที่แห่งนี้เป็นสระน้ำขนาดสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้างประมาณ 100 เมตร ยาวประมาณ 200 เมตร กลางสระเป็นเกาะเล็กๆ เนื้อที่ประมาณ 5 ตารางเมตร มีต้นมะพร้าวเล็กๆ ปลูกอยู่หนึ่งต้น ท่านพุทธทาสตั้งใจให้ สระนาฬิเกร์ และธารน้ำไหลนี้ เป็นสื่อในการสอนธรรมะอีกอย่างหนึ่งว่า “นิพพนานนั้นอยู่ท่ามกลางวัฏฏะสงสาร
5. โบสถ์บนเขาพุทธทอง ตั้งอยู่บริเวณพื้นที่กลางแจ้งบนเขาพุทธทอง เป็นที่ตั้งอุโบสถแบบสวนโมกข์ เป็นโบสถ์พื้นดินตามธรรมชาติอย่างที่เคยมีในครั้งพุทธกาล ธรรมชาติที่มีอยู่โดยรอบบริเวณ เปรียบเสมือนอาคารของโบสถ์ มีเสาปักไว้โดยรอบกำหนดเขต เพื่อใช้เป็นที่ประกอบสังฆกรรม โดยพื้นที่ไม่ห่างจากโบสถ์นี้จะมีลานกว้างประดิษฐานพระพุทธรูปสร้างจากหินทรายปรางค์สมาธิงดงาม อีกทั้งบริเวณนี้ยังเป็นสถานที่ฌาปนกิจสรีระท่านพุทธทาสภิกขุ เมื่อปี พ.ศ. 2536 อีกด้วย
6. อาคารสร้างคล้ายเรือสำเภาขนาดใหญ่ 2 ลำ ลำแรกชื่อว่า ธรรมวารีนาวาอิสรกุลนฤมิต เป็นอาคารอเนกประสงค์ “อุปมาเหมือนเป็นเรือข้ามฟากหรือข้ามวัฏสงสารให้พ้นจากความทุกข์ ข้ามฟากจากความมีทุกข์ไปสู่ความไม่มีทุกข์ จากความโง่ไปสู่ความฉลาดอิงกับพุทธปรัชญา นาวาแห่งธรรมนำสรรพสัตว์ข้ามห้วงแห่งทุกข์” ลำที่ 2 ชื่อว่า เรือใหญ่หรือธรรมวารีนาวา อธิบายว่า “ชั้นล่างเป็นที่เก็บน้ำฝน ชั้นบนเป็นศาลาอเนกประสงค์สำหรับประชุม ฟังเทศน์เวลาฝนตก ที่หัวเรือเป็นที่ตั้งของห้องสมุดโมกขบรรลัย”
ภายในบริเวณวัดสะอาดมาก เงียบสงบ ร่มรื่น ท่านจะลืมไปเลยว่าด้านหน้าทางเข้าวัดอยู่ติดริมถนนใหญ่ เพราะท่านกำลังอยู่ในดินแดนสุขาวดีแห่งการหลุดพ้น ครับ
เขียนเมื่อ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2023
รีวิวนี้เป็นความเห็นหรือทัศนะของสมาชิก Tripadvisor และไม่ใช่ของ Tripadvisor LLC Tripadvisor ทำการตรวจสอบรีวิว
ZenSoki
กรุงเทพมหานคร (กทม.), ไทย16 ผลงาน
ม.ค. ค.ศ. 2020
เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญที่คนมาสุราษฎร์ธานีต้องแวะมา สถานที่สะอาดสงบเงียบ สามารถเข้ามาพักได้ มีทั้งส่วนผู้ชายและผู้หญิงแบ่งแยกกันชัดเจน เดินลึกเข้าไปจะมีเขานางเอ สามารถเดินผ่านป่าขึ้นไปเที่ยวเยี่ยมชมวิว ที่อาจเห็นได้ถึงเกาะสมุย นอกจากนั้นยังมีโรงมหรสพทางวิญญาณที่สามารถแวะเข้ามาชมได้ ฝั่งตรงข้ามเป็นสถานปฏิบัติธรรมของสวนโมกข์ มีบ่อน้ำพุร้อนสามารถลงไปเล่นได้ครับ
เขียนเมื่อ 28 มกราคม ค.ศ. 2020
รีวิวนี้เป็นความเห็นหรือทัศนะของสมาชิก Tripadvisor และไม่ใช่ของ Tripadvisor LLC Tripadvisor ทำการตรวจสอบรีวิว
Joynarak
33 ผลงาน
ก.ค. ค.ศ. 2019 • คู่รัก
สถานที่สำคัญทางพุทธศาสนา สงบ ร่มรื่น และมีหลักธรรมคำสอนทางพุทธศาสนา ที่สามารถน้อมนำมาใช้ในชีวิตจริง กราบพระพุทธทาสภิกขุ เจริญสติ และสมาธิ
เขียนเมื่อ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 2019
รีวิวนี้เป็นความเห็นหรือทัศนะของสมาชิก Tripadvisor และไม่ใช่ของ Tripadvisor LLC Tripadvisor ทำการตรวจสอบรีวิว
ping_ntp
60 ผลงาน
ม.ค. ค.ศ. 2018 • ครอบครัว
เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความสงบ ระหว่างทางเดินข้างในจะมีป้ายคำสอนต่างๆของท่านพุทธทาสวางอยู่ตลอดทางให้อ่านเป็นเครื่องเตือนใจ
การเดินทางมาที่นี่หาง่ายมาก อยู่ติดริมถนนเลย
การเดินทางมาที่นี่หาง่ายมาก อยู่ติดริมถนนเลย
เขียนเมื่อ 23 มกราคม ค.ศ. 2018
รีวิวนี้เป็นความเห็นหรือทัศนะของสมาชิก Tripadvisor และไม่ใช่ของ Tripadvisor LLC Tripadvisor ทำการตรวจสอบรีวิว
soonthorn01
กรุงเทพมหานคร (กทม.), ไทย1,139 ผลงาน
มี.ค. ค.ศ. 2016 • ครอบครัว
สถานที่ที่ชำระจิตใจให้สงบ ค้นพบความรมรื่นของธรรมชาติ หลักคำสอนที่สามารถปฎิบัติได้ในชีวิตประจำวัน หลวงพ่อพุทธทาสท่านเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไชยาเลยทีเดียว
เขียนเมื่อ 30 มกราคม ค.ศ. 2017
รีวิวนี้เป็นความเห็นหรือทัศนะของสมาชิก Tripadvisor และไม่ใช่ของ Tripadvisor LLC Tripadvisor ทำการตรวจสอบรีวิว
mumeen2524
เมืองสุราษฎร์ธานี, ไทย147 ผลงาน
ธ.ค. ค.ศ. 2016 • เพื่อนๆ
วัดสวนโมกข์เป็นสถานทีท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเหมาะสำหรับการไปปฎิบัติศาสนธรรมโดยเฉพาะคนที่นับถือศาสนาพุทธเหมาะอย่างยิ่งในการไปเยื่ยมชม
เขียนเมื่อ 7 ธันวาคม ค.ศ. 2016
รีวิวนี้เป็นความเห็นหรือทัศนะของสมาชิก Tripadvisor และไม่ใช่ของ Tripadvisor LLC Tripadvisor ทำการตรวจสอบรีวิว
kooha05
จังหวัดภูเก็ต, ไทย1 ผลงาน
มี.ค. ค.ศ. 2016 • เดินทางคนเดียว
7 วันที่ให้ความกระจ่างกับชีวิต บางอย่างที่เข้าใจผิด และวิธีการฎิบัติตนให้ใจมีความสงบ เย็น โดยไม่ต้องพึ่งสิ่งรอบข้าง ประทับใจมากๆๆ ขอเป็นสาวก ของท่านพุทธทาสตลอดไป
เขียนเมื่อ 8 เมษายน ค.ศ. 2016
รีวิวนี้เป็นความเห็นหรือทัศนะของสมาชิก Tripadvisor และไม่ใช่ของ Tripadvisor LLC Tripadvisor ทำการตรวจสอบรีวิว
nus_kku
ไทย324 ผลงาน
ธ.ค. ค.ศ. 2015 • เพื่อนๆ
วัดสวนโมกข์มีสองฝั่ง อีกฝั่งเป็นสวนโมกข์นานาชาติสำหรับปฏิบัติ คนไทยสามารถเข้าปฏิบัติได้ทุกวันที่ 19-27 ของทุกเดือน (เป็นคอร์สอบรบสมาธิ 7 วัน )
เขียนเมื่อ 31 มกราคม ค.ศ. 2016
รีวิวนี้เป็นความเห็นหรือทัศนะของสมาชิก Tripadvisor และไม่ใช่ของ Tripadvisor LLC Tripadvisor ทำการตรวจสอบรีวิว
shogunb2015
185 ผลงาน
ม.ค. ค.ศ. 2016 • ครอบครัว
ได้แวะมาอีกครั้ง หลังจากที่เคยมาตอนเด็กๆ ชอบมากๆ วัดร่มรื่นสุดๆ ต้นไม้ใหญ่เต็มวัด อากาศเย็น สดชื่น สูดหายใจได้เต็มปอด ที่ชอบอีกอย่างคือคำสอนที่เเกะสลักอยุ่ตามจุดต่างๆของวัด ของพระพุทธธาตุ เป็นคำสอนที่ใช้ถ่อยคำง่ายๆ แต่มีความหมายที่ดี ให้คนได้ฉุกคิด ที่จะหันกลับมาสำรวจจิตใจ หรือพฤติกรรมตัวเองใหม่
เขียนเมื่อ 9 มกราคม ค.ศ. 2016
รีวิวนี้เป็นความเห็นหรือทัศนะของสมาชิก Tripadvisor และไม่ใช่ของ Tripadvisor LLC Tripadvisor ทำการตรวจสอบรีวิว
ananwiri
กรุงเทพมหานคร (กทม.), ไทย66 ผลงาน
ต.ค. ค.ศ. 2015 • ธุรกิจ
วัดแห่งนี้เคยมีชื่อเสียงโด่งดังมากจากหลวงพ่อพุทธธาตุภิกขุ เพราะเป็นที่ปฏิบัติธรรมเจริญวิปัสนาของพระภิกษุจากทั่วทุกสารทิศ บรรยายกาศภายในดูร่มรื่นน่าปฏิบัติธรรมถือศีลเป็นอย่างมาก เดินเข้ามาด้านในจะเจอหุ่นขี้ผึ้งของท่านพุทธธาตุภิกขุให้กราบไหว้บูชาด้วย
เขียนเมื่อ 27 ธันวาคม ค.ศ. 2015
รีวิวนี้เป็นความเห็นหรือทัศนะของสมาชิก Tripadvisor และไม่ใช่ของ Tripadvisor LLC Tripadvisor ทำการตรวจสอบรีวิว
Suanmokkh-IDH
ไชยา, ไทย
ลงรถไฟที่สถานีไชยา ครับผม, หลังจากนั้นนั่งรถสองแถวสีฟ้ามาลงที่หน้าวัดสวนโมกข์ เรียกแท็กซี่จากหน้าวัดต่อเข้ามาในสวนโมกข์นานาชาติ ครับผม
ไม่ทราบว่าจะมาเวลาไหนครับ เพราะรถสองแถวจากแถวสถานีรถไฟไชยา จะหมดเวลาบ่ายสามโมงเย็น, ถ้ารถสองแถวหมดแล้วสามารถเรียกรถมอเตอไซค์รับจ้างหน้าสถานีให้มาส่งที่ในสวนโมกข์นานาชาติเลยก็ได้ครับ
ออฟฟิศ สวนโมกข์นานาชาติ
เขียนเมื่อ 24 กรกฎาคม 2019
Does any one know if you need to be vaccinated to attend? Thank you
เขียนเมื่อ 23 มิถุนายน 2022
Has anyone received any feedback on your recent experience with the new structure at Wat Suan Mokkh? I am primarily interested in a silent retreat and will have to avoid Wat Suan Mokkh if there is this much speaking taking place now.
เขียนเมื่อ 20 กุมภาพันธ์ 2019
Agree. It is sad to say that Khun Tai is not qualified to teach. It's nothing offensive. We are not primary school students, it would be much better if she can stop talking and singing.
เขียนเมื่อ 21 สิงหาคม 2019
It was originally quieter. But it has changed. Still, many people seem to enjoy it.
เขียนเมื่อ 6 สิงหาคม 2019
What is the best way to reach Thailand from the US also what is the best time of year to visit to avoid hot weather and/or rainy seasons? Thank you for any assistance.
เขียนเมื่อ 25 มิถุนายน 2018
Ajahn Poh has an associated place on Ko Samui called Dipabhavan. It is any quieter?
เขียนเมื่อ 6 สิงหาคม 2019
I read there is a hot spring you can dip in during the retreat. What are you supposed to wear then? Or not wear anything? Are men area and women area separate? I thought at temples, we are not supposed to exposed much of our skin... Please help, I dont really know what to pack...
เขียนเมื่อ 10 ธันวาคม 2017
Might be too late of a reply for you. People wear a sarong for bathing (communal bathroom with a big tank to scoop water out of) and hotspring. There are separate houses and hot springs for men and women. You can buy clothing items outside the main temple. You can buy clothes, sarong and some other basic necessities at the course site as well, but the shop is only open for very limited hours.
เขียนเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2018
Gostava de ir fazer retiro em janeiro como ir de krabi para lá? em que transporte?
เขียนเมื่อ 2 ธันวาคม 2017
Hi, I have a question to people who have done this retreat and the one from dhamma org website How does it compare? For example where you meditate more, where is harder etc?
To be honest I am getting an impression that this course here is touristy more for back packers who got tired with constant parties and decided to play spiritual beings. Of course once they finish course (if finish) they quickly stop mediate.
เขียนเมื่อ 9 พฤษภาคม 2017
Marnii_J
กัวลาลัมเปอร์, มาเลเซีย
There is walking meditation at Suan Mokh but not for dhammaorg or Goenka style vipassana retreats. Both are challenging and both will give you 'results' after 10 days. Some people tend to think sitting the entire time to be more 'legit' but I found that it has no bearing on the ability to lead to insight and understanding. Depends on the person. I'm not a serious practitioner so I can't comment on whether one is better than another as far as a life long 4 hours a day minimum practice goes ala monk life. I meditate 20 minutes a day most days and go on a retreat once a year. Teachers discourage shopping around but I think it's fine for beginners to shop around to find the instructions that jibe with them.
In terms of creature comforts - as stark as retreats come - the Goenka retreat I went to at least had a thin mattress while at Suan Mokh it is literally a concrete platform with a thin woven mat. On the upside, Suan Mokh has a hot spring to soothe achey muscles and the meditation hall has a sand floor which makes sitting less painful. The Suan Mokh retreat is run very strictly so in every sense it is as 'proper' as they come. The retreatants do tend to be mostly backpackers but the environment is true to any 10 day silent retreat that will satisfy any serious meditator. And anyway, I'm happy that people just come even if it is out of curiousity. It might spark a more devoted search for truth in the most unlikely person so the number of tourists don't bother me as long as they follow the rules, which they tend to anyway.
Hope this helps. May the light of wisdom arise effortlessly in you! Good luck :)
เขียนเมื่อ 20 กันยายน 2017
I'm just curious what people think about the rain water being collected from asbestos roofs? I guess this was done for years in Thailand, but most of the populous stopped this practice about 35 years ago. I'm a bit nervous about drinking that. :P
เขียนเมื่อ 28 เมษายน 2017
Aha, well... having lived in Thailand for 5 years, none of what you're describing would come as a surprise. Inevitably, pure ideas and practices that come from teachers like Gautama Buddha become immeshed with so much economic and cultural nonsense.
I appreciate the insight. I know for a fact that Goenka's vipassana training have no such oversights, so I may just do one of those. The principle element I was considering Suan Mokh for was their morning yoga, because physical stretching and activity is pretty much banned in Goenka's retreats.
Any thoughts on the yoga, James?
เขียนเมื่อ 11 มกราคม 2018
แสดงผลลัพธ์ 1-10 จาก 16
*ใกล้จะถูกจองหมดแล้ว: จากข้อมูลการจองของ Viator และข้อมูลจากผู้ให้บริการใน 30 วันที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าประสบการณ์นี้จะถูกจองหมดแล้วผ่านบริษัท Tripadvisor อย่าง Viator
นี่คือข้อมูลสถานที่ให้บริการของคุณบน Tripadvisor ใช่ไหม
คุณเป็นเจ้าของหรือผู้บริหารสถานที่ให้บริการแห่งนี้ใช่ไหม อ้างสิทธิ์รายชื่อธุรกิจของคุณเพื่อตอบรีวิว อัปเดตโปรไฟล์ และอื่นๆ อีกมากมายได้ฟรี
อ้างสิทธิ์ในข้อมูลสถานที่ให้บริการของคุณ