galleria vittorio emanuele ii คือห้างสรรพสินค้าที่เก่าแก่ที่สุดของอิตาลี และเป็นหนึ่งในห้างสรรพสินค้าที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ที่ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองมิลาน เริ่มเปิดให้บริการในปี ค.ศ. 1877 มี Town House Galleria โรงแรมระดับ 5 ดาวตั้งอยู่ภายในบริเวณพื้นที่ของห้าง ตั้งอยู่ติดกับโบสถ์ที่เป็นแลนด์มาร์คหลักของเมืองมิลาน นั่นก็คือ มหาวิหารมิลาน(Milan Cathedral)
Galleria Vittorio Emanuele II เป็นหนึ่งในศูนย์การค้าที่เก่าแก่ที่สุดในโลกแห่งนี้นั้นชื่อของศูนย์การค้าตั้งตามชื่อของกษัตริย์องค์แรกของราชอาณาจักรอิตาลี พระเจ้าวิตโตรีโอ เอมานูเอเลที่ 2 แห่งอิตาลี
โดยโครงสร้างหลักของอาคาร 4 ชั้นนั้นประกอบไปด้วยทางเดินภายใต้หลังคาโค้ง 2 ทางเดินที่มีจุดตัดเป็นรูปแปดเหลี่ยม ตั้งอยู่บนถนนที่เชื่อมระหว่างปียัซซาเดลดูโอโมไปจนถึงปียัซซาเดลลาสกาลา ซึ่งทางเดินนี้ได้ถูกปิดด้วยกระจกและหลังคาที่เป็นเหล็กหล่อชนิดพิเศษออกแบบเป็นช่องโค้งตามแบบของสถาปัตยกรรมยอดนิยมของคริสต์ศตวรรษที่19
จุดตัดกึ่งกลางของทางเดินรูปแปดเหลี่ยมนั้นเป็นบริเวณที่ถูกสร้างขึ้นเป็นโดมกระจก บนพื้นมีงานโมเสกสี่ชิ้นทำเป็นรูปตราสัญลักษณ์ของเมืองหลวงทั้ง 3 แห่งของอิตาลี อันได้แก่ ตูริน โรม และฟลอเรนซ์
ภายในบริเวณห้างจะมีร้านค้าแฟชั่นสุดหรูและร้านแบรนด์เนมชั้นนำจากทั่วทุกมุมโลกเปิดให้บริการรวมไปถึงยังมี ร้านขายเพชรพลอย, ร้านขายภาพเขียนงานศิลปะและร้านขายหนังสือ อีกทั้งยังมีร้านอาหาร บาร์ และร้านกาแฟฯลฯ
โดยบางร้านนั้นจัดได้ว่าเป็นหนึ่งในร้านค้าหรือร้านอาหารที่เก่าแก่ที่สุดของมิลานกันเลยทีเดียว ยกตัวอย่างเช่นร้าน บิฟฟีคัฟแฟะ ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1867 โดยพ่อครัวที่เคยทำขนมถวายกษัตริย์อย่างปาโอโล บิฟฟี , บาร์คัมปารีโนอินกัลเลรีอา หรือภัตตาคารซาวานี
ห้างแห่งนี้ถูกเรียกว่า เสวนาสโมสรแห่งมิลาน เนื่องด้วยมีร้านค้าร้านอาหารจำนวนมากที่ถูกใช้เป็นสถานที่พบปะพูดคุย และรับประทานอาหารมื้อค่ำของชาวมิลานนั่นเอง
ที่สำคัญบนห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ยังมี Town House Galleria โรงแรม 5 ดาวชื่อดังตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ของห้างสรรพสินค้าอีกด้วย นอกจากสินค้า และร้านค้าชื่อดังต่างๆ ที่ให้บริการมากมายแล้ว ยังอยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมืองมิลานอย่าง โบสถ์มิลาน และโรงอุปรากร ลาสกาลาด้วย
สำหรับร้านค้าแบรนด์เนมชั้นนำต่างๆ อาทิเช่น ร้านLouis Vuitton ,Gucci ก็จะคราคร่ำไปด้วยนักช็อปปิ้งตัวยง รอต่อคิวซื้อกันเหมือนกับแจกฟรี ซึ่งต้องบอกว่า ถ้าท่านซื้อสินค้าแบรนด์เนมที่นี่ในกรณีที่เป็นนักท่องเที่ยว จะสามารถทำแท็กรีฟันเงินคืนได้ที่สนามบินโดยจะได้เงินคืนสูงถึง 20% ซึ่งถูกกว่าซื้อที่่ร้านค้าปลอดภาษีที่สนามบินพอสมควร
สำหรับท่านที่คิดว่าแค่อยากเดินเข้าไปชมสินค้าภายในช็อปเท่านั้นไม่ได้ตั้งใจว่าจะไปซื้อสินค้าจริงๆแนะนำว่าต้องมีเวลามากพอเยอะกว่า 3-4ชั่วโมงจริงๆ เพราะท่านจะต้องรอคิวอยู่ที่หน้าร้านก่อนเป็นสิ่งแรก เพราะเค้าไม่ได้เปิดให้เดินเข้าไปชมสินค้าภายในร้านได้
สำหรับร้าน Gucci จะใช้เวลาในการรอคอยเพียงด้านหน้าทางเข้าร้านอย่างเดียว เมื่อลูกค้าที่ซื้อสินค้าภายในร้านออกมาแล้วจำนวนลูกค้าที่อยู่ด้านในเพียงพอที่จะให้ท่านเข้าไปได้ก็จะมีเจ้าหน้าที่เชิญให้ท่านเข้าไปในร้านและเลือกซื้อสินค้าได้เลยโดยจะมีเจ้าหน้าที่ดูแลเทคแคร์ท่านแบบ ตัวต่อตัว
ร้านLouis Vuitton ท่านจะต้องใช้เวลาในการรอคิวและรอคอยนานกว่าร้านสินค้าแบรนด์อื่นเยอะมาก เพราะลูกค้าเยอะมากๆต้องรอคิวด้านหน้าประตูก่อนเป็นอันดับแรกนานอย่างต่ำ30นาที เมื่อได้คิวแล้วเข้าไปในร้านจะต้องเข้าไปที่จุดรอคิวด้านในอีกอย่างต่ำ30นาที จะมีเจ้าหน้าที่มาสอบถามว่าท่านเข้ามาเพราะต้องการสินค้าอะไรและสิ่งใด เมื่อเจ้าหน้าได้ข้อมูลแล้วจะกรอกรายละเอียดลงไปในจอแท็บเล็ต พร้อมแจ้งคิวที่ท่านจะได้รับบริการ
เมื่อถึงคิวท่านจะมีพนักงานมารับท่านแล้วพอไปยังจุดสินค้าที่ท่านต้องการซื้อแบบตัวต่อตัวเช่นกัน โดยสินค้าต่างๆจะไม่ได้นำขึ้นมาเรียงให้ท่านเลือกได้อย่างเต็มที่ เค้าจะค่อยๆหยิบออกมาเฉพาะสินค้าที่ตรงกับเป้าหมายในการซื้อของท่านเป็นหลักเท่านั้น ดังนั้นถ้าจะมาช็อปปิ้งที่ร้านนี้ ท่านจะต้องมีเวลาอย่างต่ำ2-3ชั่วโมงเลยทีเดียว แต่ถามว่าซื้อที่นี่คุ้มค่ากว่าซื้อร้านค้าปลอดภาษีสนามบินไหม บอกเลยว่าคุ้มกว่าเพราะมีสินค้าให้เลือกหลายสไตล์มากกว่าและยังได้รับเงินคืนภาษีเยอะ เมื่อเปรียบเทียบราคาแล้วถูกกว่าร้านค้าปลอดภาษีที่สนามบินครับ