ทะเลสาบมาจิยอเร (Maggiore) ซึ่งทางใต้ของเทือกเขาแอลป์เป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับสองของอิตาลี เนื่องจากสภาพอากาศที่อบอุ่นตลอดทั้งปี ทำให้บริเวณนี้เต็มไปด้วยพืชแถบเมดิเตอเรเนียนและต้นไม้แปลกตามากมาย เออเนสท์ แฮมมิงเวย์เคยเขียนถึงทะเลสาบมาจยอเรไว้ในนวนิยายเรื่อง "A Farewell to Arms" เมื่อตัวเอกของเรื่องและคู่รักของเขาจะต้องพายเรือข้ามทะเลสาบเพื่อหนีจากทหารของคาราบิเนียร์ (Carabinieri) ของอิตาลี (คิดว่าเป็นตำรวจในชุดทหารแล้วกัน) หวังว่าคุณคงไม่เจอทหารเหล่านั้นในธรรมชาติอย่างนี้นะ

เมืองเยโซโลซึ่งตั้งอยู่บนทะเลสาบ Venetian เป็นหนึ่งในรีสอร์ทริมชายหาดยอดนิยมที่สุดในอิตาลีด้วยการเข้าชมจำนวนนับล้านครั้งในแต่ละปี และด้วยการเป็นสถานที่โปรดสำหรับครอบครัว เยโซโลมีสวนสนุกและสวนน้ำ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ และหาดทรายสีทองที่มีความยาว 8 ไมล์ (13 กิโลเมตร)

ป้อมอัลฮัมบราแห่งกรานาดาเป็นอาคารที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศสเปน ซึ่งเป็นป้อมปราการสไตล์มุสลิมประดับซุ้มโค้งขนาดใหญ่และกระเบื้องโมเสคที่วิจิตรงดงาม ย้อนเวลาหาอดีตกันสักหน่อยด้วยการเดินขึ้นไปตามถนนลาดหินอันคดเคี้ยวของอัลเบซิน คุณจะได้ชมทัศนียภาพที่งดงามจากมิราดอร์ ซาน นิโคลัส ไนท์ไลฟ์และกิจกรรมยามค่ำคืนของกรานาดาทั้งคึกคักและมีให้เลือกหลากหลาย นั่นอาจเพราะที่นี่มีนักศึกษาอาศัยอยู่มาก สนุกสุดเหวี่ยงได้ที่บาร์ในแคล เอลวิร่า หรือดื่มด่ำกับการจิบน้ำชาอย่างเงียบๆ ที่ร้านน้ำชาแบบดั้งเดิมที่ La Calle de Las Teterias

วัฒนธรรมประเพณีผสมผสานไปกับแหล่งท่องเที่ยวอย่างลงตัวในโรเกตัสเดมาร์ ที่ซึ่งมีชายหาดบลูแฟล็กและร้านอาหารทะเลสดคอยดึงดูดผู้ที่ชื่นชอบวิถีชีวิตตามแนวชายฝั่ง เมืองประมงที่ตั้งอยู่ในคอสตา เด อัลเมเรียของสเปน เป็นแหล่งรวมจุดที่น่าสนใจต่างๆ ตั้งแต่ปราสาทเก่าแก่จากศตวรรษที่ 17 สวนน้ำ และเขตอนุรักษ์ธรรมชาติ

คุณต้องปวดหัวไปกับการเลือกเยี่ยมชมเมืองหลวงทางวัฒนธรรมหรือชายหาดริมทะเลแคริบเบียนอีกต่อไปเพราะซานฮวนมีให้คุณทั้งสองอย่าง แหล่งสถาปัตยกรรมของเมืองนี้มีตั้งแต่ศิลปะยุคอาณานิคมสเปนในศตวรรษที่ 20 ส่วนที่มิวซีโอเดออาร์ท เดอเปอร์โตริโก ได้นำเสนอผลงานศิลปะแบบละตินอเมริกาและแคริบเบียนในหอศิลป์ที่ทันสมัยที่สุด