เมืองหนองคาย จังหวัดที่มีพื้นที่ติดกับแม่น้ำโขงโดยที่ฝั่งตรงข้ามนั้นจะเป็นอาณาเขตของประเทศลาว ซึ่งมีเทศกาลที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆของเมืองไทย การชมปรากกฎการณ์บั้งไฟพญานาคในวันออกพรรษานั้นเอง พร้อมร่วมพิธีบวงสรวงพระธาตุกลางน้ำ ทำบุญตักบารตเทโว ชมการแสดงแสงเสียง ร้านค้า และการประกวดต่างๆอีกมากมาย ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ห้ามพลาดเลยจริงๆ เมืองหนองคาย ยังมีแหล่งวัฒนธรรมและศิลปะที่สวยงาม อย่างงานประติมากรรมที่ศาลากู่ (วัดแขก) อุทยานเทวาลัย สักการะร่างไม่เน่าเปื่อยของหลวงปู่เหลือ เที่ยวสะพานมิตรภาพไทย-ลาว และตลาดปลอดภาษีริมแม่น้ำโขงสำหรับขาช้อปให้จับจ่ายกันจุใจ

นครสวรรค์เป็นเสมือนประตูสู่ภาคเหนือตอนบนที่ควรแวะเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง เมื่อมาถึงควรไปสักการะขอพรเอาฤกษ์เอาชัยกันก่อนที่ วัดคีรีวงศ์ เพราะเป็นวัดเก่าแก่สร้างขึ้นตั้งแต่ปลายสมัยสุโขทัยเลยทีเดียว จากนั่นก็ไปล่องเรือในบึงบอระเพ็ด ถ้าโชคดีอาจพบนกหายากอย่านกเจ้าฟ้าสิรินธรก็เป็นได้ ต่อด้วยเข้าไปชมเหล่าฝูงปลาหลากหลายพันธุ์กันใน อาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำบึงบอระเพ็ดเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 และอย่าลืมแวะซื้อโมจิ ของฝากขึ้นชื่อของนครสวรรค์กลับบ้าน

หากมีวันหยุดสั้นๆ หลายคนคงนึกถึงประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดที่ใกล้กรุงเทพเพียง 3 ชั่วโมงก็จะพบกับความสงบ เรียบง่าย หาดหัวหินคงเป็นจุดหมายที่ทุกคนไป จึงอยากแนะนำชายหาดอีกแห่งที่น่าไปคือ อ่าวมะนาวซึ่งมีวิวทิวทัศน์สวยงามและสงบ หรือจะขึ้นไปชมวิวมุมบนที่เขาช่องกระจก ก็ได้เห็นมุมของตัวเมืองและอ่าวประจวบได้อย่างสวยงาม แหล่งท่องเที่ยวใหม่อย่างตลาดน้ำหัวหิน หรือ ตลาดน้ำสามพันนาม ก็น่าลองแวะไปชม ก่อนจะเข้าพักโรงแรม รีสอร์ม ที่มีให้เลือกหลากหลายสไตล์ อย่าลืมไปเดินเล่นที่ตลาดจักจั่น ตลาดของคนมีไอเดีย และยังมีที่เที่ยวอีกมากมายที่ทำให้หลายคนกลับมาเยือนเมืองนี้นับครั้งไม่ถ้วน

ผู้คนมาเที่ยวจังหวัดสุราษฎร์ธานีก็เนื่องจากเป็นประตูสู่ความงดงามของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหมู่เกาะต่างๆ ในอ่าวไทย จากที่นี่ คุณจะสามารถไปเที่ยวชมเกาะพงัน (ขอแนะนำให้ใช้รถจักรยานยนต์จึงจะสามารถเที่ยวชมเกาะนี้ได้อย่างทั่วถึง), เกาะสมุย (ที่ขึ้นชื่อในด้านชายหาดและน้ำตกที่สวยงาม) และหมู่เกาะป่าฝนเขตร้อนกว่า 42 เกาะของอุทยานแห่งชาติทางทะเลหมู่เกาะอ่างทอง