เมืองเล็กๆ อย่างซิตเกส (Sitges) คึกคักไปด้วยงานเลี้ยงสังสรรค์ ชีวิตยามค่ำคืนนั้นโดดเด่น ผู้คนดูเตะตา และเทศการคาร์นิวัลประจำปีนั้นยิ่งใหญ่อลังการ แต่กระนั้นวิถีชีวิตที่ซิตเกสนั้นขัดต่อวัฒนธรรมบางแห่ง เพราะเมืองแห่งนี้มีชีวิตชีวาและยอมรับเพศที่สามอย่างเปิดเผย อาหารและเครื่องดื่มพื้นเมืองรสเลิศ คุณต้องไม่พลาดลองดื่มไวน์มัลวาเซีย (Malvasia) ที่ทำจากองุ่นสายพันธุ์ต้นกำเนิดมาจากกรีกโบราณ นอกจากนี้จะต้องไม่พลาดชมพิพิธภัณฑ์ Museu Romàntic "Can Llopis" หรือถ้าคุณมาเที่ยวที่ซิตเกสในเดือนตุลาคม อย่าพลาดชมเทศกาลหนังแห่งเมืองซิตเกสซึ่งเป็นเทศกาลหนังที่มีชื่อเสียงระดับโลก ฉายภาพยนตร์สยองขวัญ แนวกึ่งวิทยาศาสตร์ และแนวเหนือจินตนาการ

เมืองยีโรนา (Girona) เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญที่สุดทางประวัติศาสตร์ของสเปน ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของแคว้นคาตาโลเนีย (Catalonia) และห่างจากบาร์เซโลนาไปเพียง 99 กม. (62 ไมล์) เมืองแห่งนี้สร้างขึ้นโดยชาวโรมัน ต่อมาถูกชาวมัวร์และชาวแฟรงก์ยึดครอง ก่อนที่จะล่มสลายไปในที่สุดภายใต้การปกครองของบาร์เซโลนา และเนื่องจากได้รับอิทธิพลจากหลากหลายวัฒนธรรมและศาสนา เมืองแห่งนี้จึงดึงดูดใจนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมชมสถาปัตยกรรมอันงดงาม ย่านเมืองเก่าและเมืองใหม่เปิดโอกาสมากมายให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินไปกับการสังเกตวิถีชีวิตและวัฒนธรรมท้องถิ่น

ถ้านี่เป็นครั้งแรกที่คุณได้ไปเที่ยวที่ชายฝั่งอามัลฟี (Amalfi) และเมื่อคุณเห็นแผงขายมะนาวข้างทางที่นี่เป็นครั้งแรก คุณคงต้องหันกลับไปดูซ้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ใช่! นั่นคือมะนาว และใช่! มะนาวพวกนี้มีขนาดเท่าศีรษะของคุณเลยทีเดียว แต่ถึงแม้ว่ามันจะใหญ่เสียจนน่ากลัว คุณจะเริ่มชอบมะนาวเหล่านี้เมื่อคุณทราบว่าชาวพื้นเมืองจะนำไปผลิตเป็นเลมอนเชลโล และคุณเชื่อเราได้เลยว่า การได้จิบเลมอนเชลโลสักแก้วและมองท้องทะเลจากระเบียงห้องพักของคุณในอามัลฟีนั้น ไม่มีอะไรเทียบได้จริงๆ จะเรียกสมบูรณ์แบบเลยก็ว่าได้

แอนติกามีชายหาดนับร้อยแห่ง ทั้งพีเจียนพอยท์ที่คึกคัก หาดสวรรค์สำหรับนักไคท์เซิร์ฟที่หาดแจบเบอร์ว็อค ทำกิจกรรมหลากหลายที่นี่ก็สนุกสนานไม่น้อย ทั้งใช้เวลาสบายๆ บนหน้าผาที่เงียบสงบหรือมองดูผู้คนที่ขวักไขว่ไปมาในแหล่งท่องเที่ยว ถ้าชุ่มฉ่ำกับชายหาดและแสงแดดจนหนำใจแล้ว ลองฝึกยิงปืนที่สนามยิงปืนที่มีให้เลือกทั้งการยิงธนูและยิงปืนลมเพื่อความผ่อนคลาย ถ้าจะสนุกไปอีกแบบ ต้องลองออกทัวร์โรงกลั่นเหล้าแอนติกาเพื่อลิ้มลองสุรารสชาติท้องถิ่นของเกาะ

เขาอบู (Abu) ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาอันเขียวขจี บนยอดสูงสุดของเทือกเขา Aravali เป็นเมืองหลวงฤดูร้อนของรัฐราชสถานแห่งอินเดีย ด้วยสภาพอากาศเย็นและสดชื่น ทำให้สถานที่แห่งนี้เหมาะอย่างยิ่งแก่การพักผ่อนฟื้นฟูร่างกาย ไปเยี่ยมชมวัดลัทธิเชนมากมาย ซึ่งรวมถึงวัดดิลวรา (Dilwara) ที่มีสถาปัตยกรรมการแกะสลักหินอ่อนสีขาวอันงดงาม หรือจะเลือกไปชมความงามของป้อมอชัลการ์ห (Achalgarh) ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดต่างๆ มากมาย