เมืองหลวงของประเทศสวีเดนแห่งนี้ผสานไว้ซึ่งแหล่งท่องเที่ยวอันทันสมัยและเสน่ห์อันเก่าแก่ที่ลงตัว เริ่มต้นการมาเยือนด้วยการไปเที่ยวชมแหล่งมรดกโลกขององค์การยูเนสโกในกรุงสต็อกโฮล์ม (Stockhom) ที่มีด้วยกัน 2 แห่ง ได้แก่ พระราชวัง Drottningholm (ที่ประทับของราชวงศ์) และสุสานเมืองไม้ Skogskyrkogården ที่น่าอัศจรรย์ หรือจะเดินทอดน่องไปตามถนนลาดหินในย่านเมืองเก่าและบนสะพานข้ามคลองอันงดงามก็เพลินพอตัว พิพิธภัณฑ์สแกนเซ็น (Skansen) เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งแห่งแรกของโลกที่สร้างขึ้นในยุคศตวรรษที่ 19 และยังคงเป็นสถานที่ให้ความรู้ด้านประวัติศาสตร์ของประเทศสวีเดนได้เป็นอย่างดีในปัจจุบัน

เฮลซิงกิเป็นนครหลวงอันทันสมัยหลากวัฒนธรรมซึ่งตั้งอยู่ติดกับทะเลบอลติก โดยเป็นเมืองหลวงแห่งการออกแบบประจำปี 2012 ความงามของธรรมชาติที่รายล้อมผสมผสานอย่างลงตัวกับเทคโนโลยีชั้นสูงและเทรนด์ร่วมสมัย การเดินเที่ยวใจกลางเมืองแสดงให้เห็นประวัติศาสตร์ซับซ้อน ขณะที่สถาปัตยกรรมสมัยใหม่และการออกแบบล้ำยุคสะท้อนอนาคตของเมือง เลือกเที่ยวเฮลซิงกิในช่วงฤดูร้อนที่กลางวันยาวนานไม่สิ้นสุด หรือผจญภัยในค่ำคืนฤดูหนาวที่เต็มไปด้วยหิมะ

เซาท์แทมตัน (หรือที่ชาวพื้นเมืองเรียกเล่น ๆ ว่าโซตัน) ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงลอนดอน เป็นเมืองใหญ่ที่รายล้อมไปด้วยท่าเรือต่าง ๆ ที่นี่มีโบราณสถานเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ริมถนนมากมาย เช่น Tudor House โบสถ์ Mottisfont และ "God's House" ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่ในหอคอยหลังกำแพงเมืองเก่าแก่สมัยยุคกลาง พิพิธภัณฑ์ร่วมสมัยซีซิตี้ของเมืองเปิดให้บริการเพื่อเชิดชูเกียรติด้านการเดินเรือของเมืองในอดีต ตลอดจนเรือล่องสมุทรอาร์เอ็มเอสไททานิค กำลังมองหาไนท์ไลฟ์และกิจกรรมยามค่ำคืนอยู่ใช่ไหม นักท่องเที่ยวสามารถสนุกสนานไปกับการเต้นรำได้ที่บาร์ ไนต์คลับ เคล้าดนตรีสดได้ โดยใช้บริการขนส่งสาธารณะที่สะดวกสบาย

ฟยอร์ดและเทือกเขาของทรอมโซช่างดูอัศจรรย์ดั่งมีเวทมนตร์ แสงเหนือพาดผ่านที่นี่และส่องประกายบนน่านฟ้าสีคราม อันเกิดจากแสงสว่างจากพระอาทิตย์เที่ยงคืน คุณจะต้องหลงใหลไปกับหมู่บ้านชาวประมงอันเปี่ยมเสน่ห์ สวนพฤกษศาสตร์ที่ส่งกลิ่นหอม และน้ำตกที่ไหลเป็นสายราวคริสตัลของทรอมโซ ดนตรีถือเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของวัฒนธรรมแบบทรอมโซ โดยเฉพาะดนตรีเทคโนและอิเล็กทรอนิกซึ่งเพิ่มท่วงทำนองเร้าใจให้กับเมืองนี้ในช่วงเทศกาลอินซอมเนียที่จัดขึ้นทุกปี

เรือกอนโดลา ลำคลอง ร้านอาหารน่าประทับใจ และบรรยากาศโรแมนติกที่ลืมไม่ลงทำให้เวนิส (Venice) เป็นเมืองที่ใครๆ อยากไปสักครั้งในชีวิตอย่างแน่นอน คฤหาสน์ริมน้ำ ปราสาท และโบสถ์ต่างๆ ทำให้เรารู้สึกเหมือนได้ล่องเรือผ่านภาพวาดในคลองแกรนด์คาแนล (Grand Canal) แต่ถ้าอยากสัมผัสประสบการณ์แบบเวนิสขนานแท้ ขอแนะนำให้เข้าชมโอเปราหรือการแสดงดนตรีคลาสสิก รับประทานพาสต้าสดและขนมอบใหม่ หรือชมงานศิลปะในหอศิลป์ ผู้ที่ชื่นชอบแบรนด์เนมจะดื่มด่ำไปกับการช้อปปิ้งสินค้าสุดหรูต่างๆ ในจัตุรัสปิอาซซ่า ซาน มาร์โก (Piazza San Marco)

เนเปิลส์ เมืองแห่งความโรแมนติกที่อยู่ห่างไปทางใต้ของโรม โดยใช้เวลาเดินทางเพียงสองชั่วโมงเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดทางตอนใต้ของอิตาลี ที่นี่มีโรงอุปรากรและโรงละครบางแห่งซึ่งถือว่าดีที่สุดในโลก โดยเนเปิลส์มักได้รับการขนานนามว่าเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง เนื่องจากมีประติมากรรมและอนุสรณ์สถานเก่าแก่อยู่เป็นจำนวนมาก พาครอบครัวเดินเล่นชมพระอาทิตย์ตกที่อ่าวเนเปิลส์ สำรวจซากเมืองปอมเปอีและเฮอร์คิวเลเนียมที่ถูกทำลายจากภูเขาไฟวิซุเวียสในปี ค.ศ. 79 ณ พิพิธภัณฑ์โบราณคดีแห่งชาติ (Museo Archeologico Nazionale) หรือเพลิดเพลินไปกับศิลปะและสถาปัตยกรรมของพิพิธภัณฑ์โบสถ์ซานเซเวโร (Museo Cappella Sansevero) ที่สร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 16

ถ้าจะให้เที่ยวชมนิวยอร์กภายในครั้งเดียวคงเป็นไปไม่ได้แน่ ถ้าอย่างนั้น ลองเลือกชมสถานที่สำคัญๆ ที่ไม่ควรพลาดอย่างตึกเอ็มไพร์สเตท เทพีเสรีภาพ สวนเซ็นทรัลพาร์ค พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิตัน จากนั้นออกนอกเส้นทางเดิมๆ ไปยังวิหารคดหรือห้องสมุดของเมือง เพลิดเพลินไปกับร้านค้าแนวโบฮีเมียนในเวสต์วิลเลจ หรือรับประทานอาหารแบบเลิศหรูได้ในย่านอัพเปอร์ เวสต์ ไซด์ ตลาดที่คึกคักในสถานีแกรนด์เซ็นทรัลพร้อมมอบสิ่งที่ดีที่สุดที่คุณจะได้พบในเมือง

คุณต้องปวดหัวไปกับการเลือกเยี่ยมชมเมืองหลวงทางวัฒนธรรมหรือชายหาดริมทะเลแคริบเบียนอีกต่อไปเพราะซานฮวนมีให้คุณทั้งสองอย่าง แหล่งสถาปัตยกรรมของเมืองนี้มีตั้งแต่ศิลปะยุคอาณานิคมสเปนในศตวรรษที่ 20 ส่วนที่มิวซีโอเดออาร์ท เดอเปอร์โตริโก ได้นำเสนอผลงานศิลปะแบบละตินอเมริกาและแคริบเบียนในหอศิลป์ที่ทันสมัยที่สุด