แม้วันหยุดพักผ่อนช่วงฤดูใบไม้ผลิแบบจาไมกันนี้จะเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบเหล้ารัม แต่ก็ให้ประสบการณ์แบบติดดินง่ายๆ ได้เช่นกัน มอนทีโก เบย์มีทั้งแหล่งช้อปปิ้งปลอดภาษี ไนท์ไลฟ์และกิจกรรมยามค่ำคืนที่คึกคัก และน้ำทะเลที่อบอุ่นและนิ่งสงบ เลือกซื้องานหัตถกรรมพื้นเมืองได้ที่ตลาดกลางแจ้งบนถนนฮาร์เบอร์ หรือในร้านค้า “สุดเฟี้ยว” ณ กลูเชสเตอร์อเวนิว สัมผัสประสบการณ์ดำน้ำที่ยอดเยี่ยมได้ตามรอยแตกของถ้ำใต้น้ำที่วิโดวเมคเกอร์ส ล่องแพไม้ไผ่เรื่อยเฉื่อยไปตามแม่น้ำมาร์ธา แบรและปล่อยให้ความตึงเครียดและพันธนาการปัญหาละลายหายไปกับแสงแดดจาไมกัน

เปอร์โต อาเวนทูราส (Puerto Aventuras) ได้รวมเอาความงดงามแบบเขตร้อนเข้ากับท้องทะเลได้อย่างลงตัว ชายหาดต่างๆ ปูลาดด้วยเม็ดทรายขาวละเอียด และยังเป็นที่ตกปลาที่ยอดเยี่ยมด้วยเช่นกัน ในระหว่างวัน แวะสำรวจสวนโบราณคดีทางระบบนิเวศซคาเร็ต (Xcaret) หรือดำน้ำตื้นที่สวนน้ำธรรมชาติเซลล์ ฮา (Xel-ha) ซากเมืองมายันที่ทูลัม (Tulum) ซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียง 25 นาที เป็นอีกที่หนึ่งที่พลาดไม่ได้

แวนคูเวอร์เป็นเมืองที่ชาวอังกฤษแต่เดิมสร้างขึ้นเป็น “แกสทาวน์” จากความหลงใหลในเบียร์และการเล่าเรื่องราว ทุกวันนี้ แกสทาวน์เป็นย่านเก่าแก่ของเมืองหลักในประเทศแคนาดาแห่งนี้ แม้แต่ผับที่คึกคักยังสะท้อนให้เห็นถึงลักษณะดั้งเดิมของพื้นที่ นั่นคือศูนย์กลางแห่งการดื่มกินของชุมชน ป่า สวนสาธารณะขนาดใหญ่ และสะพานแขวนที่ตระการตาของเมืองเหมาะสำหรับการสำรวจอย่างยิ่ง รวมไปถึงร้านค้าและพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ของเมืองอีกด้วย กลับไปสัมผัสบรรยากาศการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวเมื่อปี ค.ศ. 2010 ได้ที่สถานที่จัดการแข่งขันและโอลิมปิก คัลดรอน

เมืองการ์วอยโรที่เคยเป็นหมู่บ้านชาวประมงมาก่อน ขนาบข้างด้วยหน้าผาริมทะเลที่มีหินทรายซึ่งบ่งบอกถึงลักษณะเฉพาะของโปรตุเกสใต้ อ่าวรูปเกือกม้าของเมืองได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในชายหาดที่ดีที่สุดของอัลการ์ฟ มีหาดทรายสีทองหน้าหมู่บ้านสไตล์เมดิเตอเรเนียนที่ทาให้เป็นสีขาว

Sopot เป็นเมืองสปาในทะเลบอลติกที่มีชนาดเล็กที่สุดใน Trójmiasto (สามเมือง) ตั้งอยู่ระหว่าง Gdansk และ Gdynia ซึ่งอยู่ห่างจากกันเพียงไม่กี่ไมล์ Sopot ถือเป็นเมืองตากอากาศสำหรับผู้มั่งคั่งและราชวงศ์นับหลายพันปี และคงความหรูหราเอาไว้ได้แม้ในยุคคอมมิวนิสต์รุ่งเรือง และเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้เพิ่งพบกับภาวะอสังหาริมทรัพย์รุ่งเรืองเมื่อไม่นานมานี้ Sopot มีชายหาดที่สวยงามและรีสอร์ทหรูหราระดับสูง นอกจากนี้ยังมีท่าเรือไม้ที่ขึ้นชื่อ (และยาวที่สุดในทวีปยุโรป) ตลอดจน Forest Opera กึ่งไม้ที่สวยงามและถนน Monte Cassino ที่คึกคัก

เมืองเซนต์จูเลียนส์ (Saint Julian's) เป็นสถานที่พักตากอากาศยอดนิยมบนชายฝั่งประเทศมอลตา เมืองเล็กๆ แห่งนี้ผสมผสานเสน่ห์ของหมู่บ้านชาวประมงเข้ากับศูนย์กลางการท่องเที่ยวของเมืองได้อย่างลงตัว สถาปัตยกรรมแบบละติน เช่น พระราชวัง Spinola ซึ่งสร้างในปี 1688 และโบสถ์แพริชเก่า (Old Parish Church) เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่ได้รับความนิยม นักดำน้ำจะเพลิดเพลินไปกับการสำรวจซากเรืออับปางผ่านศูนย์ดำน้ำ Divewise Centerเขตแพชอะวิลล์ (Paceville) ซึ่งได้รับบูรณะใหม่นั้น เคยเป็นที่ชุมนุมทางทหารในช่วงทศวรรษ 1930 แต่ปัจจุบันเป็นศูนย์กลางไนท์ไลฟ์และความบันเทิงยามค่ำคืนของเซนต์จูเลียนส์ ที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร บาร์ และคลับมากมาย