อะไรที่จะโรแมนติกและสร้างแรงบันดาลใจได้มากไปกว่าสถานที่ที่ดูเหมือนฉากหลังของเทพนิยาย ถนนโรยกรวดจากยุคกลางของบรูจส์ (Bruges) จะนำคุณไปสู่ความมหัศจรรย์ทางประวัติศาสตร์, สถาปัตยกรรม และศิลปะมากมาย มองดูบ้านหรูหราที่เรียงรายอยู่ริ่มฝั่งคลอง แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไมที่นี่จึงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทูกรูปแบบ ทุกมุมของเมืองนี้ล้วนสื่อความหมายถึงความพอใจในอดีต, ความรักในปัจจุบัน และความกระตือรือล้นที่จะก้าวต่อไปในอนาคต อย่าพลาดบ้านบลาเดลลิน (Hof Bladelin), พิพิธภัณฑ์โกรเองจ์ (Groeninge Museum), เชิร์ช ออฟ เอาร์ เลดี้ (Church of Our Lady) และเบลฟรี (Belfry) และมาร์เก็ตฮอลล์

บรัสเซลล์อาจถือได้ว่าเป็นเมืองหลวงของเบลเยียม ฟาแลนเดอร์และยุโรป พระมหาราชวังยุคกลาง ที่ยิ่งใหญ่ และอาคารศตวรรษที่ 17 มากมาย รวมถึงตลาดดอกไม้ที่ขายทุกวัน อะโตเมียมที่เปิดให้เข้าชมอีกครั้งเมื่อปีค.ศ. 2006 เป็นเสมือนหอไอเฟลของบรัซเซลที่ให้มุมมองที่ยอดเยี่ยมทั้งภายในและภายนอก ผู้ที่ชื่นชอบสถาปัตยกรรมไม่ควรพลาดไปเยี่ยมชมมูซี ฮอร์ตา ซึ่งเป็นที่เก็บผลงานสถาปนิกชั้นเอกของเบลเยี่ยมอย่างวิคเตอร์ ฮอร์ตา สโมสรเซนต์แกรี่และบาร์นั้นมีนักเที่ยวมาเที่ยวอย่างหนาแน่นตลอดทั้งปี ร้านอาหารซีฟู้ดมากมีให้เลือกชิมที่ถนนแคทเทอรีน คุณอาจเลือกเดินแทนที่จะติดขัดอยู่บนถนนแคบๆ ที่การจราจรขับเคลื่อนไปอย่างช้าๆ ราวกับเต่าคลาน

แอนต์เวิร์ปที่เปี่ยมสีสันและชีวิตชีวาเป็นเหมือนอัญมณีที่ถูกซ่อนไว้ ถนนที่รายล้อมด้วยสถาปัตยกรรมแห่งยุคกลาง อนุสาวรีย์สไตล์เรอเนสซองซ์และสีสันอันเจิดจ้าในยามค่ำคืนของที่นี่บดบังรัศมีความโด่งดังในฐานะศูนย์กลางแห่งการค้าเพชรและท่าเรือที่ใหญ่เป็นอันดับห้าของโลก การขี่จักรยานเป็นทางเลือกยอดนิยมในการเที่ยวชมเมืองเฟลมมิชที่โดดเด่น ชมผลงานของจิตรกรชั้นครูนับพันชิ้นในพิพิธภัณฑ์แห่งเบลเยียม (Royal Museum) และบ้านของรูเบนส์ (Rubens House) สัมผัสวิถีชีวิตที่แสนคึกคักของจตุรัสใจกลางเมือง (Grote Markt) ชื่นชมความงามที่น่าอัศจรรย์ของศิลปะและสถาปัตยกรรมของวิหารพระแม่ (Cathedral of Our Lady) ที่ยังไม่แล้วเสร็จ โดยวิหารแห่งนี้เริ่มสร้างมาตั้งแต่ปี 1351

ในฐานะที่เป็นหน้าด่านทางชายฝั่งทะเลที่ใหญ่ที่สุดของเบลเยียม เมืองออสเทนด์จึงนำเสนอประสบการณ์ที่หาได้ยากของวัฒนธรรมบนชายหาดในเขตฟลามส์ ผู้เข้าชมจากในประเทศต่างเดินทางมารวมตัวกันที่หาดทรายขาวและทางเดินเล่นริมทะเล ขณะที่เครื่องย้ำเตือนถึงประวัติศาสตร์ทางทะเลและทางการทหารของเมืองยังคงฝังรากลึกอยู่ในเมืองแห่งท่าเรือเก่าแห่งนี้

ลีล (Lille) เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมอันวิจิตรที่ได้รับอิทธิพลแบบเฟลมิชมาอย่างชัดเจน ตั้งแต่จัตุรัส Grand Place ไปจนถึงมหาวิหาร Notre Dame de la Treille ถึงบรรยากาศอันเงียบสงบในถนนบริเวณตึกแถวและสวน สำหรับผู้ที่สนใจในศิลปะ เมืองลีลยังมีพิพิธภัณฑ์ Musee d'Art Moderne และพิพิธภัณฑ์ศิลปะ Palais des Beaux Arts ไว้ให้ชมอีกด้วย เด็กๆ จะได้เพลิดเพลินไปกับสวนสัตว์ Parc de Zoologique นักท่องเที่ยวผู้รอบรู้จะรู้ว่าเมืองลีลมีระบบการขนส่งสาธารณะที่ดี ทำให้ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่น่าไปเยี่ยมเยือน

เมืองที่ทันสมัยที่สุดในประเทศเนเธอร์แลนด์แห่งนี้แต่เดิมเป็นหมู่บ้านชาวประมงในสมัยศตวรรษที่ 13 และพัฒนาขึ้นเป็นมหาอำนาจแห่งอุตสาหกรรมและการค้าที่ยิ่งใหญ่เมื่อครั้งกองทัพเยอรมันทิ้งระเบิดทำลายใจกลางเมืองละท่าเรือในปี 1940 แต่สถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของรอตเทอร์ดามกลับเป็นดั่งแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ชอบปั่นจักรยานชมเมืองใหญ่แห่งนี้ บ้านเรือนทรงดัชต์เก่าแก่ยังมีให้เห็นทั่วไปในเดลฟฮาเวน ทั้งสถานที่ออกเรือแสวงบุญในปี 1620 เทศกาลคาร์นิวัลวัฒนธรรมในช่วงฤดูร้อน ไปจนถึงดนตรีคลาสสิกของที่นี่ทำให้อัมสเตอร์ดัมต้องหนาวๆ ร้อนๆ กันบ้าง

กรุงเฮกเป็นเมืองที่ผสานความแตกต่างเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งการเป็นเมืองทางประวัติศาสตร์และแสดงถึงความทันสมัย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนความสงบสุขและยุติธรรม ด้วยการเป็นเมืองที่สามารถเข้าถึงทั้งในตัวเมืองและชายหาดได้อย่างง่ายดาย กรุงเฮกจึงมีทุกอย่างตั้งแต่พระราชวังและท่าเรือสำหรับตกปลาของชาวดัตช์ที่เป็นที่นิยมเสมอมา ไปจนถึงโอกาสที่จะได้เดินเล่นสำรวจไปตามถนนข้างเคียงกับชาว 'Hagenaars' และ 'Hagenezen’ ขณะที่คุณสำรวจอาหารแปลกใหม่และสัมผัสประสบการณ์การช้อปปิ้งที่น่าจดจำไม่รู้ลืม

ลูเซิร์น เป็นเมืองโบราณผสมผสานกับกลื่นอายของยุคใหม่ หนึ่งในสะพานที่เก่าแก่ที่สุดครอบคลุมยุโรปทำหน้าที่เป็นศุนย์กลาง และบ้านช่องในประวัติศาสตร์ที่สร้างจากปูนปลาสเตอร์เรียงรายอยู่ตามถนน์ ถึงกระนั้นก็ยังเป็นบ้าน KKL ที่ล้ำสมัย อีกทั้งยังมีคอนเสิร์ตฮอลล์และหอศิลป์ นั่งกระเช้าขี้นไปยังภูเขา Pilatus, Stanserhorn หรือ Rigi เพื่อชมวิวทิวทัศน์หรือทะเลสาบลูเซิร์นบนเรือจักรไอน้ำ

ผืนทรายสีทอง ท่าจอดเรือเล็กที่เต็มไปด้วยเรือยอชท์ และทางเดินเล่นริมชายฝั่งของเมือง Les Sables-d'Olonne คือลักษณะเฉพาะตัวของชายฝั่งแห่งแสงสว่าง (Côte de Lumière) ของฝรั่งเศส และรีสอร์ทริมชายหาดที่มีชีวิตชีวาก็ยังได้มอบฉากหลังที่งดงามเหมาะสมสำหรับการแข่งขันเรือยอชท์ Vendée Globe ประจำปี

ท่ามกลางภาพหาดทรายเมดิเตอเรเนียน พรุน้ำเค็ม และทะเลสาบริมชายฝั่งที่เต็มไปด้วยนกฟลามิงโก เมืองเลอ โกร-ดู-รัวที่ถูกล้อมรอบด้วยน้ำเป็นประตูที่สวยงามสู่เมือง Camargue ในย่านนี้แขกผู้มาเยือนจะมุ่งหน้าสู่ท่าเรือประมงที่มีต้นปาล์มรายล้อมที่ซึ่งร้านกาแฟและร้านอาหารเรียงรายอยู่ริมน้ำ

โมเนต์เคยเขียนภาพของชูอาน-เล-แปงส์ เช่นเดียวกับปิกัสโซ แต่ถ้าทั้งสองได้กลับมาเยือนที่เมืองนี้อีกครั้ง ภาพของเมืองนี้คงเป็นแหล่งท่องเที่ยวฤดูร้อนที่เป็นศูนย์รวมของการอาบแดด (ว่ากันว่าโคโค ชาแนล เป็นผู้วางทิศทางนี้ไว้) คาสิโน ไนต์คลับ และการท่องราตรี สมาชิกของ TripAdvisor กล่าวว่าสิ่งที่เมืองนี้มีไม่พอคงจะเป็นภัตตาคาร ทว่าเมืองข้างเคียงอย่างอองติแบส์ซึ่งอยู่ในเส้นทางรถบัสใกล้ๆ นั้นก็มีมากเกินพอจะชดเชยให้กันแล้ว

ด้วยซากปรักหักพังตั้งแต่ยุคโรมัน ผลงานศิลปะ และหาดทรายสีขาว ซาดาร์เป็นหนึ่งในรีสอร์ทที่มีเอกลักษณ์ที่สุดในแถบชายฝั่ง Dalmatian ของประเทศโครเอเชีย ที่ซึ่งนักท่องเที่ยวผู้รอบรู้มารับประทานอาหารทะเล ดูพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่เหมือนฝัน และจิบค็อกเทลที่บาร์ริมมหาสมุทร

เมืองเอียตั้งอยู่บนชะง่อนหน้าผา ที่นี่นักท่องเที่ยวจะได้ชมบ้านที่สร้างสำหรับกัปตันเรือชาวเวนิสและ “บ้านในถ้ำ” แต่เก่าก่อนของผู้คนในหมู่บ้าน นอกจากนี้คุณยังจะต้องชื่นชอบอาคารทาสีขาวประดับหลังคาสีสันสดใสในสไตล์กรีกแบบดั้งเดิม และยังเพลิดเพลินไปกับการเดินเล่นรอบเมือง แต่อย่ามัวแต่เดินทอดน่องให้เวลาผ่านไปเป็นชั่วโมงๆ เสียเล่า คุณต้องอยู่รอชมพระอาทิตย์ตกดินเสียก่อน ซึ่งให้ทัศนียภาพที่งดงามยิ่ง ไม่ว่าจะชมภาพฝันนี้จากร้านกาแฟหรือถ้าชมจากบนเรือก็ยิ่งเก๋ไก๋ จะอย่างไรเสีย คุณจะต้องตกตะลึงไปกับความงามราวต้องมนต์