เอาเลย! ถ่ายรูปของคุณกำลังเอามือ "ยัน" หอเอนปีซ่าได้เลย เราไม่บอกใครหรอก ภาพพจน์ของคุณในฐานะนักท่องเที่ยวมากประสบการณ์จะยังไม่มีอะไรด่างพร้อยแม้แต่นิดเดียว หลังจากที่ถ่ายรูปตรงนั้นเสร็จแล้ว ลองเดินขึ้นบันได 300 ขั้นของหอคอยเพื่อดูวิวสุดสวย หรือเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์แห่งชาติของซานแมตเทโอ (San Matteo) และสุสานแคมโพซานโต (Camposanto )

ซาน จิมิยาโน (San Gimignano) หรือที่รู้จักกันในชื่อ "เมืองหอคอยงาม" ซึ่งในสมัยที่รุ่งเรืองสุดขีดนั้นมีหอคอยถึง 72 แห่ง ปัจจุบันนี้ หอคอย 14 แห่งที่เหลืออยู่ยืนตระหง่านเหนือหุบเขาเอลซ่าของทัสคานี (Tuscany's Elsa Valley) หอคอยเหล่านี้ทำให้เมืองนี้เป็นเหมือนเมืองในฝันในยุคกลางเลยทีเดียว นำโบสถ์คอลเลจิเอเต (Collegiate Church) ที่ตกแต่งด้วยจิตรกรรมฝาผนังปูนเปียก, พิพิธภัณฑ์ประจำเมือง และวิวจากยอดหอคอยทอร์เร กรอสซา (Torre Grossa) ที่สูงถึง 177 ฟุตมารวมเข้าด้วยกัน ในระหว่างวัน ถนนหนทางมักจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวแบบไปกลับจากฟลอเรนซ์ (Florence) ดังนั้น ถ้าคุณต้องการสัมผัสกับเมืองนี้อย่างใกล้ชิด ให้พักค้างคืนที่นี่สักคืน

ฟลอเรนซ์เป็นดั่งความฝันของนักประวัติศาสตร์ศิลป์ แกลเลอเรีย เดล อาคาเดเมียเปี่ยมไปด้วยผลงานศิลปะของไมเคิลแองเจโล่ที่นอนสงบนิ่งอยู่ในมหาวิหารบาซิลิกา ดี ซานต้า โครเช่ประดับผนังปูนเปียก เหล่านักถ่ายภาพจะได้ชื่นฉ่ำไปกับภาพสวยๆ ของสะพานพอนเต้ เวคิโอ ส่วนขาช้อปฮาร์ดคอร์จะสนุกไปกับการเข้าออกชมสินค้าในร้านรวงที่ปิอาซซ่า ซานโต้ สปิริโต้ในยามบ่ายอันคึกคัก ดื่มด่ำไปกับอาหารแบบทัสคันขนานแท้ จุ่มขนมปังกรอบนอกนุ่มในลงในน้ำมันมะกอก แล้วความสุขจะมาเยือนจากปลายลิ้น

มอนเต้ปูลชาโน่ (Montepulciano) เป็นสถานที่ที่ดีสำหรับการสำรวจเมืองบนเขาทัสแคน (Tuscan) เพียงอย่าลืมเอารองเท้าดีๆ ไปด้วย เพราะรถไม่ได้รับอนุญาตให้วิ่งในใจกลางเมือง อย่าพลาดไปเยี่ยมชมดูโอโม (Duomo) แห่งมอนเต้ปูลชาโน่และปาลาซโซ่ ทารูจี (Palazzo Tarugi) ... หรือลิ้มรสไวน์ท้องถิ่นอย่างวิโน่ โนบิเล่ ดิ มอนเต้ปูลชาโน่ (Vino Nobile di Montepulciano) ซึ่งได้รับการยกย่องในรสชาติมานานหลายศตวรรษ

เมืองทัสกัน (Tuscan Hill) แห่งนี้จะนำพาคุณย้อนกลับไปยังสมัยยุคกลาง มหาวิหารเซียน่าที่สร้างขึ้นในปี 1200 มีศิลปะอันล้ำค่ามากมาย และพื้นหินอ่อนสวยงาม จัตุรัส เดล คัมโป (Piazza del Campo) เป็นใจกลางเมืองหลักซึ่งได้รับยกย่องว่าเป็นมรดกโลก นอกจากนี้ยังเป็นบ้านของปาลิโอนักแข่งม้าที่มีชื่อกระฉ่อนที่สุดในโลก ที่นี่ไม่มีหมวกกูฟฟี่หรือเหล้าจูเลปมินท์ขาย แต่ที่นี่มีประเพณีสืบสานมาตั้งแต่ยุคกลางเช่นการขี่หลังวิ่งแข่งบนพื้นหินกรวด (อันตรายมากอย่างที่คุณคิด) เซียน่าเป็นที่พักผ่อนช่วงกลางวัน เดินทางได้อย่างง่ายโดยรถไฟจากฟลอเรนซ์ห่างออกไปเพียง 43 ไมล์เท่านั้น

น้ำทะเลสีฟ้าครามที่โคท ดาซูร์คถือเป็นฉากหลังอันอลังการงานสร้างของเมืองนีซที่หรูหรา สูดอากาศเมดิเตอร์เรเนียนแสนสดชื่นให้เต็มปอดระหว่างเดินเล่นริมถนนเลียบชายหาด หรือชมทัศนียภาพของเมืองจากวิวสูงได้ที่คาสเซิลฮิลล์ Place Rossetti เป็นย่านทางเท้าในใจกลางเมือง พร้อมพรั่งไปด้วยน้ำพุยักษ์ อาคารที่ดูคึกคักมีชีวิตชีวา และวิหาร Sainte-Réparate ที่สวยงามให้บรรยากาศต่างจังหวัดแบบฝรั่งเศสอย่างเต็มเปี่ยม

เมืองริมทะเลที่มีเสน่ห์และเป็นสถานที่ในนิยายเรื่อง “แดรกคิวลา” ของ Bram Stoker เมืองวิทบีเป็นสถานที่ที่มีทั้งนักท่องเที่ยวเป็นครอบครัวและนักล่าแวมไพร์รวมตัวกันขวักไขว่เพื่อมาเยือนชายหาดและซากปรักหักพังแบบโกธิคของ Whitby Abbey

ดีทรอยต์เป็นจุดหมายปลายทางที่ยอดเยี่ยมสำหรับการพักผ่อนในช่วงสุดสัปดาห์ของคุณ หากคุณชอบการสำรวจ ลองปั่นจักรยานและพบปะกับเพื่อนใหม่ๆ ไปกับทัวร์ปั่นจักรยาน Slow Roll (คุณจะพบมุมมองที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครของตัวเมือง และการปั่นแบบช้าๆ เพื่อกินลมชมวิวก็เหมาะสำหรับนักปั่นทุกระดับ) ถึงแม้ว่าคุณอาจจะไม่คิดว่าดีทรอยต์เป็นเมืองแห่งไวน์เมืองหนึ่ง แต่ไร่องุ่นในดีทรอยต์ที่เพิ่งเปิดให้บริการใหม่ก็ถือเป็นหนึ่งในโรงบ่มไวน์ของเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ซึ่งผลิตไวน์รสเลิศอยู่ใจกลางเมือง หยิบแก้วของคุณมาดื่มสังสรรค์ในช่วงสุดสัปดาห์กันได้เลย!

เมืองกรีนสโบโรในมลรัฐนอร์ทแคโรไลน่าเปี่ยมไปด้วยไนท์ไลฟ์และกิจกรรมยามค่ำคืน แหล่งช้อปปิ้ง และม้า (แต่ละปี มีผู้ซื้อม้ากว่า 8,000 คนเดินทางไปยังฟาร์มม้า Sharpe Family)  กรีนสโบโรเป็นเมืองที่เขียวชอุ่มสมชื่อ แวดล้อมไปด้วยสวน ศูนย์วิทยาศาสตร์ และสวนรุกขชาติมากมาย นอกจากนี้ยังมีสวนบ็อกที่เป็นระบบนิเวศน์แบบลุ่มน้ำที่มีชีวิต ที่นี่เจือไปด้วยประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ สะท้อนในพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงข้อมูลเกี่ยวกับสงครามการปฏิวัติ สงครามกลางเมือง และความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับสิทธิพลเมือง หลังจากออกเที่ยวชมสถานที่มาทั้งวัน นักท่องเที่ยวจะเลือกรับประทานอาหารค่ำ ช้ิอปปิ้ง และชมภาพยนตร์ที่ Four Seasons Town Center