มรดกโลกขององค์การ UNESCO แห่งนี้เคยเป็นสถานที่ที่ บายรอน, เชลลีย์ และ ดี เอช ลอเรนซ์ ชื่นชอบที่สุด (จริงๆ แล้ว ถ้าคุณไม่กังวลว่าจะต้องปีนหินใหญ่ๆ สักสองสามก้อน คุณก็สามารถว่ายน้ำไปยังจุดโปรดของบายรอน ที่ตอนนี้เรียกว่า "อ่าวบายรอน" ได้) โบสถ์ซาน ปิเอโตร (San Pietro) ของปอร์โตวีเนีย (Portovenere) สร้างขึ้นบนซากที่เหลืออยู่ของโบสถ์ในยุคศตวรรษที่ 6 โดยโบสถ์นั้นก็สร้างขึ้นบนวัดที่ชาวโรมันโบราณสร้างถวายเทพวีนัสอีกทอดหนึ่ง ปล่อยใจให้สบายแลัวเพลิดเพลินไปกับเรือที่ลอยขึ้นๆ ลงๆ เป็นแถวเรียงอยู่ในอ่าวที่งดงาม หรือจะเดินทางไปซินเควเทอเร่ (Cinqueterre) ก็ได้

มิลาน เมืองแห่งแฟชั่นของโลก ที่นี่มีสินค้าเก๋ไก๋ให้คุณได้เลือกช้อปมากมาย เลือกซื้อเครื่องหนังชั้นดีในย่านติสท์ๆ อย่างเบรร่า หรือเข้าชมสินค้าในร้านหรูมีระดับได้ที่เวีย มอนเต้ นโปลีออนเน่ งานโมเสคและซุ้มกระจกที่แกลเลอเรีย วิโตรีโอ เอมมานูเอ็ล 2 ให้บรรยากาศเหมือนเหล่านักช้อปได้หลุดเข้าไปอยู่ในภาพวาด ว่างเว้นจากการช้อปปิ้งและชมโบสถ์ดูโอโมอันเป็นสัญลักษณ์ของเมือง ต่อด้วยการเข้าชมการแสดงที่ลา สกาลา หลังจากชมอุปรากรกันแล้ว แวะย่าน Navigli ที่คึกคักไปด้วยไนท์ไลฟ์และกิจกรรมยามค่ำคืน

ลูเซิร์น เป็นเมืองโบราณผสมผสานกับกลื่นอายของยุคใหม่ หนึ่งในสะพานที่เก่าแก่ที่สุดครอบคลุมยุโรปทำหน้าที่เป็นศุนย์กลาง และบ้านช่องในประวัติศาสตร์ที่สร้างจากปูนปลาสเตอร์เรียงรายอยู่ตามถนน์ ถึงกระนั้นก็ยังเป็นบ้าน KKL ที่ล้ำสมัย อีกทั้งยังมีคอนเสิร์ตฮอลล์และหอศิลป์ นั่งกระเช้าขี้นไปยังภูเขา Pilatus, Stanserhorn หรือ Rigi เพื่อชมวิวทิวทัศน์หรือทะเลสาบลูเซิร์นบนเรือจักรไอน้ำ

อินส์บรัก เมืองซึ่งเป็นอาณาจักรและสาธารณรัฐมาตลอดในประวัติศาสตร์ เป็นที่ตั้งของศาลสูงแห่งแม็กซิมิลานในปลายศตวรรษที่ 15 รถรางทำให้การสันจรรอบเมืองเป็นไปได้อย่างสะดวกรวดเร็วและมีประสิทธิภาพในราคาถูก สำรวจประวัติศาสตร์ของเมืองหลวงแห่งไทโรลีนแห่งนี้ได้ที่อาร์กดุค เฟอร์ดินานที่ 2 แห่งสคาลอส แอมบราส ศตวรรษที่ 10 พิพิธภัณฑ์ศิลปะของชนเผ่าไทโรลีน พระราชวังของราชวงศ์และแม็กซิมิเลียนที่ 1 อันเลื่องลือในเรื่องของหลังคาที่ทำจากทองคำ เมืองนี้จัดเป็นหนึ่งในเมืองที่งดงามที่สุดของยุโรป ตั้งอยู่ในใจกลางของเทือกเขาแอลป์

เกาะที่มีน้ำขึ้นและน้ำลงอย่างรวดเร็วแห่งนี้ ครั้งหนึ่งเคยเป็นคุกที่อื้อฉาวในระหว่างการปฏิวัติฝรั่งเศส ในวันนี้ ผู้คนต่างเลือกที่จะมาที่นี่โดยไม่มีใครบังคับเพื่อเที่ยวชมวัดที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 11, ทานอาหารในร้านอาหารชั้นยอด และสัมผัสกับความสว่างไสวยามค่ำคืนที่น่าประทับใจ มีเพียงแค่ทางเดินแคบๆ ที่สร้างขึ้นในปี 1880 เท่านั้นที่เชื่อมเกาะแห่งนี้เข้ากับแผ่นดิน แต่อย่างไรก็ตาม โครงการสะพานเชื่อมก็มีกำหนดที่จะแล้วเสร็จในปี 2012

คลัจ-นาโพคารู้จักกันในนามเมืองหลวงของทรานซิลเวเนีย แม้ที่นี่ (น่า) จะไม่มีผีดูดเลือดให้เห็น แต่คุณสามารถเที่ยวชมปราสาท ป้อมปราการ สวนพฤกษศาสตร์ พิพิธภัณฑ์และสวนสาธารณะได้ คลัจ-นาโพคาเป็นเมืองที่เปี่ยมไปด้วยศิลปะอันมีชีวิตชีวาทั้งแบบดั้งเดิมและร่วมสมัย คุณสามารถเข้าชมคอนเสิร์ตดนตรีคลาสสิก ละครเวที การแสดงหุ่นกระบอก และดนตรีทุกประเภท ทั้งแจ๊ส ป๊อบร่วมสมัย ไปจนถึงอิเล็กโทรนิกา

เมืองเอียตั้งอยู่บนชะง่อนหน้าผา ที่นี่นักท่องเที่ยวจะได้ชมบ้านที่สร้างสำหรับกัปตันเรือชาวเวนิสและ “บ้านในถ้ำ” แต่เก่าก่อนของผู้คนในหมู่บ้าน นอกจากนี้คุณยังจะต้องชื่นชอบอาคารทาสีขาวประดับหลังคาสีสันสดใสในสไตล์กรีกแบบดั้งเดิม และยังเพลิดเพลินไปกับการเดินเล่นรอบเมือง แต่อย่ามัวแต่เดินทอดน่องให้เวลาผ่านไปเป็นชั่วโมงๆ เสียเล่า คุณต้องอยู่รอชมพระอาทิตย์ตกดินเสียก่อน ซึ่งให้ทัศนียภาพที่งดงามยิ่ง ไม่ว่าจะชมภาพฝันนี้จากร้านกาแฟหรือถ้าชมจากบนเรือก็ยิ่งเก๋ไก๋ จะอย่างไรเสีย คุณจะต้องตกตะลึงไปกับความงามราวต้องมนต์