เมืองสำคัญที่ตั้งอยู่ใจกลางแคว้นอุมเบรีย (Umbria) ได้แก่ เมืองสโปเลโต (Spoleto), อัสซีซี (Assisi) และแตร์นี (Terni) เมืองหลวงคือเมืองเปรูเกีย (Perugia) ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องช็อกโกแลต ทัวร์ชมเมืองด้วยรถประจำทางหรือเลือกเช่ารถและเตรียมตัวให้พร้อมกับคนขับรถชาวอิตาเลียนใจกล้าจอมซิ่ง มหาวิหารนักบุญฟรังซิสแห่งอัสซีซี (Assisi's Basilica) เต็มไปด้วยงานศิลปะอันล้ำค่า ซึ่งรวมไปถึงผลงานของ Giotto ด้วย เมืองนี้ยังถือว่าเป็นบ้านเกิดของนักบุญกลารา (St. Clare) นักบุญแห่งวงการโทรทัศน์ ส่วนสถานที่ปฏิบัติธรรมทำสมาธิของนักบุญฟรังซิส (St. Francis) อยู่ในภูเขาทางเหนือ ชั้นเรียนทำอาหารที่ Velia's Cooking Style ในแตร์นี (Terni) จะใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นให้เป็นประโยชน์

ฮาซิซิ (Assisi) ที่รู้จักกันดีในฐานะบ้านเกิดของเซนต์ ฟรานซิส นักบุญผู้ปกป้องคุ้มครองของอิตาลีแห่งนี้ ตั้งอยู่ระหว่างเนินเขาของอัมเบรีย (Umbria) นักแสวงบุญทางศาสนาได้เดินทางมาที่นี่เป็นเวลาหลายศตวรรษเพื่อเยี่ยมบาซิลิกา (โบสถ์นิกายโรมันคาทอลิก) แห่งซาน ฟราเซสโก (ซึ่งเป็นที่ฝังศพของเซนต์ ฟรานซิส) และบาซิลิกาแห่งซานตา คิอารา (เพื่อชมหลุมศพของเซสต์ แคลร์) ไปที่อีเรโม เดลเล คาร์เชรี (Eremo delle Carceri) เพื่อชมถ้ำที่บรรดาฤาษีในยุคกลางพักอาศัยเพื่อตัดตัวเองจากโลกภายนอก (คุณอาจรู้สึกว่าการอยู่อย่างสันโดษนั้นก็น่าจะดีอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณเพิ่งมาจากโรม)

อาเรซโซ สถานที่ในฝันสำหรับการดื่มด่ำกับบรรยากาศแห่งทอสคานาในระหว่างเดินทางผ่านเมืองที่มีผู้คนคลาคล่ำ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากฟลอเรนซ์ เดินทางเพียงชั่วโมงกว่าก็ถึง จุดเด่นของเมืองมีทั้งปิอาซซา กรานเด โบสถ์ต่างๆ มากมาย แม้กระทั่งซากปรักหักพังทางโบราณคดีของโรมันอันเก่าแก่

รีมีนีเป็นบีชรีสอร์ทที่ใหญ่ที่สุดบนทะเลอะเดรียติ แหล่งพักผ่อนยอดนิยมในประเทศอิตาลี รวมถึงสำหรับชาวอิตาลีเอง สามารถมองเห็นชายหาดยาวถึงเก้าไมล์ พร้อมโรงแรมที่พักต่างๆที่อยู่เรียงรายแนวชายหาด ยังมีเมืองเก่า ซึ่งห่างไปเพียงสิบห้านาทีเดินเท้า ที่มีแหล่งเที่ยวชมน่าสนใจ รวมถึงประตูโค้งออกัสตุสที่สร้างเมื่อคริสต์ศักราชที่ 27 รวมถึงสะพานทิเบอร์ริอุสที่สร้างเมื่อต้นศักราชที่ 1 และยังมีร้านรวง ภัตตาคาร และสถานที่ท่องเที่ยวยามค่ำคืน

ซาน จิมิยาโน (San Gimignano) หรือที่รู้จักกันในชื่อ "เมืองหอคอยงาม" ซึ่งในสมัยที่รุ่งเรืองสุดขีดนั้นมีหอคอยถึง 72 แห่ง ปัจจุบันนี้ หอคอย 14 แห่งที่เหลืออยู่ยืนตระหง่านเหนือหุบเขาเอลซ่าของทัสคานี (Tuscany's Elsa Valley) หอคอยเหล่านี้ทำให้เมืองนี้เป็นเหมือนเมืองในฝันในยุคกลางเลยทีเดียว นำโบสถ์คอลเลจิเอเต (Collegiate Church) ที่ตกแต่งด้วยจิตรกรรมฝาผนังปูนเปียก, พิพิธภัณฑ์ประจำเมือง และวิวจากยอดหอคอยทอร์เร กรอสซา (Torre Grossa) ที่สูงถึง 177 ฟุตมารวมเข้าด้วยกัน ในระหว่างวัน ถนนหนทางมักจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวแบบไปกลับจากฟลอเรนซ์ (Florence) ดังนั้น ถ้าคุณต้องการสัมผัสกับเมืองนี้อย่างใกล้ชิด ให้พักค้างคืนที่นี่สักคืน

มอนเต้ปูลชาโน่ (Montepulciano) เป็นสถานที่ที่ดีสำหรับการสำรวจเมืองบนเขาทัสแคน (Tuscan) เพียงอย่าลืมเอารองเท้าดีๆ ไปด้วย เพราะรถไม่ได้รับอนุญาตให้วิ่งในใจกลางเมือง อย่าพลาดไปเยี่ยมชมดูโอโม (Duomo) แห่งมอนเต้ปูลชาโน่และปาลาซโซ่ ทารูจี (Palazzo Tarugi) ... หรือลิ้มรสไวน์ท้องถิ่นอย่างวิโน่ โนบิเล่ ดิ มอนเต้ปูลชาโน่ (Vino Nobile di Montepulciano) ซึ่งได้รับการยกย่องในรสชาติมานานหลายศตวรรษ

จุดพักที่ถูกใช้บริการบ่อยๆ ในเส้นทางไปชิงเคว เทเรอย่างลา สเปเซียมีสิ่งที่มากกว่าที่พักในราคาย่อมเยาไว้นำเสนอนักท่องเที่ยว นอกเหนือจากท่าเรือสำหรับชนชั้นแรงงานและฐานทัพเรือแล้ว ยังมีพิพิธภัณฑ์ทางทะเลและโบราณคดี ปราสาทบนยอดเขา และเมืองเก่าที่เหมาะสำหรับการสำรวจและเมนูอาหารของลีกูเรียให้ลองชิม

Ajaccio เมืองหลักของ Corsica สามารถเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี แต่ถ้าคุณเป็นกลุ่มลับๆ (หรือไม่ลับก็ตาม) ของพระเจ้านโปเลียน โบนาปาร์ต ต้องไม่พลาดที่จะวางแผนไปถึงที่นั่นภายในวันที่ 15 สิงหาคมและร่วมฉลองวันเกิดของบุตรที่มีชื่อเสียงที่สุดของ Ajaccio นั่นคือ Casa Buonaparte ครอบครัวและบ้านเกิดของนโปเลียนควรค่าแก่การไปเยี่ยมชมอย่างยิ่ง ด้วยเป็นโบสถ์ประจำเมืองอีกด้วย หรืออาจเลือกสนุกแสงแดดของเมืองคอร์สิกาแทนก็ย่อมได้

ชายทะเลคัลปีแลดูเหมือนมาจากรูปในโปสการ์ด ด้วยแหลมที่รายล้อมไปด้วยโขดหินมากมายและชายหาดที่ประปรายด้วยต้นปาล์มกระทบกับน่านน้ำเมดิเตอเรเนียน หลังจากที่เคยเป็นหมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ ย่านคอสตาบลังกาได้ผสมผสานซากเมืองเก่าโรมันและสวนธรรมชาติอันงดงามกับความสะดวกสบายในเมืองที่ทันสมัยอีกมากมาย

โอวิดีโอ (Oviedo) เป็นแหล่งรวมสถาปัตยกรรมทางศาสนาของสเปน คุณจะพบโบสถ์, วิหาร และอารามที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 9 กระจายอยู่ทั่วเมือง ซึบซับประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของเมืองนี้ด้วยการเยี่ยมชมตลาด เอล ฟอนเทน (El Fontán Market), โบสถ์ซาน อิสิโดโร เอล รีล (San Isidoro el Real Church) และปราสาทของซาน ฮวน เดอ พรีโอรีโอ (San Juan de Priorio) จากนั้นก็เปลี่ยนบรรยากาศด้วยสุดยอดสถาปัตยกรรมสมัยใหม่อย่างหอประชุมพรินซ์ เฟลิเป (Prince Felipe Auditorium) และตึกจีราฟา (Jirafa)

เมืองประมงเล็กๆ ที่ชื่อ Olhos de Agua ที่ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองอัลการ์ฟรายล้อมอ่าวที่เต็มไปด้วยทรายในมหาสมุทรแอตแลนติก ทั้งๆ ที่อยู่ใกล้กับรีสอร์ท Albufeira เมือง Olhos de Agua ยังคงรักษาเสน่ห์แบบเมดิเตอร์เรเนียนแท้ๆ ไว้ได้

เฮซี่วิวเหมาะสำหรับการสำรวจพื้นที่แนวซาฟารีและออกทัวร์ผจญภัย เนื่องจากสถานที่ตั้งที่อยู่ทางตอนใต้ของอุทยานแห่งชาติครูเกอร์ ที่นี่เป็นสวรรค์สำหรับผู้ที่ชื่นชอบสัตว์เพราะสามารถเล่นกับช้าง ขี่ม้าลัดเลาะผ่านเนินเขา ส่องสัตว์ “ใหญ่ทั้ง 5” และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ยังสามารถทัวร์ไร่กาแฟ เล่นน้ำตก หรือแช่ตัวในสปารอบพื้นที่ได้