ตั้งอยู่ใกล้กับเมืองราเวนนา มิลาโน แมริตทิมา คือจุดเด่นท่ามกลางเมืองรีสอร์ทที่เงียบสงบซึ่งเรียงรายเหยียดยาวริมทะเลเอเดรียติก นอกเหนือจากชายหาดแล้ว สวนธรรมชาติอันเขียวขจีและ Casa delle Farfalle (บ้านผีเสื้อ) ที่อยู่ในเมืองยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งที่เป็นดาวเด่นของเมืองด้วย

ฉากหลังในหนังสือและภาพยนตร์เรื่อง "Under the Tuscan Sun" คือสิ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวรู้จักคอร์โตนา (Cortona) เมืองบนเนินเขาที่สวยงามและมีประวัติศาสตร์อันยาวนานย้อนหลังไปเมื่อครั้งยังเป็นศูนย์กลางของอารยธรรมอีทรัสคัน (Etruscan) สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมได้แก่ดูโอโม (Duomo - วิหาร), พิพิธภัณฑ์ Museo Diocesano หลังเล็กที่จัตุรัสกลางเมืองที่สะสมงานศิลปะชิ้นเอก และพิพิธภัณฑ์ Museo dell'Accademia Etrusca ที่จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้จากยุคอีทรัสคันและโรมัน นอกจากนี้คอร์โทนายังมีโบสถ์อันวิจิตรงดงามจากยุคสมัยต่างๆ

เมืองอัมเบรียน (Umbrian) ที่งดงามแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและครอบคลุมหลายยุคสมัย กำแพงเมืองและซุ้มประตูเป็นแบบอิทรูเรียโบราณ (Etruscan), โบสถ์เซนต์ แองเจอโล (Sant'Angelo) จากศตวรรษที่ 6 สร้างอยู่บนวัดของชาวโรมัน, วิหารประจำเมืองเป็นการผสมผสานระหว่างยุคโกธิคและเรเนซองส์ ถ้าคุณชอบของหวาน แวะไปที่โรงงานช็อคโกแล็ตเปรูจิน่า (Perugina) ที่โด่งดัง ถ้าชุดชอบของหวานและยังมีฟันอยู่ครบทุกซี่ ก็ต้องไปเทศกาล Eurochocolate ที่จัดขึ้นในเดือนตุลาคม ซึ่งกลิ่นช็อคโกแล็ตจะหอมอบอวลไปทั่วทั้งเมืองในช่วงเทศกาลนี้

เมืองสำคัญที่ตั้งอยู่ใจกลางแคว้นอุมเบรีย (Umbria) ได้แก่ เมืองสโปเลโต (Spoleto), อัสซีซี (Assisi) และแตร์นี (Terni) เมืองหลวงคือเมืองเปรูเกีย (Perugia) ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องช็อกโกแลต ทัวร์ชมเมืองด้วยรถประจำทางหรือเลือกเช่ารถและเตรียมตัวให้พร้อมกับคนขับรถชาวอิตาเลียนใจกล้าจอมซิ่ง มหาวิหารนักบุญฟรังซิสแห่งอัสซีซี (Assisi's Basilica) เต็มไปด้วยงานศิลปะอันล้ำค่า ซึ่งรวมไปถึงผลงานของ Giotto ด้วย เมืองนี้ยังถือว่าเป็นบ้านเกิดของนักบุญกลารา (St. Clare) นักบุญแห่งวงการโทรทัศน์ ส่วนสถานที่ปฏิบัติธรรมทำสมาธิของนักบุญฟรังซิส (St. Francis) อยู่ในภูเขาทางเหนือ ชั้นเรียนทำอาหารที่ Velia's Cooking Style ในแตร์นี (Terni) จะใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นให้เป็นประโยชน์

ฮาซิซิ (Assisi) ที่รู้จักกันดีในฐานะบ้านเกิดของเซนต์ ฟรานซิส นักบุญผู้ปกป้องคุ้มครองของอิตาลีแห่งนี้ ตั้งอยู่ระหว่างเนินเขาของอัมเบรีย (Umbria) นักแสวงบุญทางศาสนาได้เดินทางมาที่นี่เป็นเวลาหลายศตวรรษเพื่อเยี่ยมบาซิลิกา (โบสถ์นิกายโรมันคาทอลิก) แห่งซาน ฟราเซสโก (ซึ่งเป็นที่ฝังศพของเซนต์ ฟรานซิส) และบาซิลิกาแห่งซานตา คิอารา (เพื่อชมหลุมศพของเซสต์ แคลร์) ไปที่อีเรโม เดลเล คาร์เชรี (Eremo delle Carceri) เพื่อชมถ้ำที่บรรดาฤาษีในยุคกลางพักอาศัยเพื่อตัดตัวเองจากโลกภายนอก (คุณอาจรู้สึกว่าการอยู่อย่างสันโดษนั้นก็น่าจะดีอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณเพิ่งมาจากโรม)

ฟลอเรนซ์เป็นดั่งความฝันของนักประวัติศาสตร์ศิลป์ แกลเลอเรีย เดล อาคาเดเมียเปี่ยมไปด้วยผลงานศิลปะของไมเคิลแองเจโล่ที่นอนสงบนิ่งอยู่ในมหาวิหารบาซิลิกา ดี ซานต้า โครเช่ประดับผนังปูนเปียก เหล่านักถ่ายภาพจะได้ชื่นฉ่ำไปกับภาพสวยๆ ของสะพานพอนเต้ เวคิโอ ส่วนขาช้อปฮาร์ดคอร์จะสนุกไปกับการเข้าออกชมสินค้าในร้านรวงที่ปิอาซซ่า ซานโต้ สปิริโต้ในยามบ่ายอันคึกคัก ดื่มด่ำไปกับอาหารแบบทัสคันขนานแท้ จุ่มขนมปังกรอบนอกนุ่มในลงในน้ำมันมะกอก แล้วความสุขจะมาเยือนจากปลายลิ้น

สกีรีสอร์ทแห่งนี้ซึ่งอยู่สุดเขตทางตะวันตกของเทือกเขาโดโลไมท์มีชื่อเสียงว่าเหมาะสำหรับการท่องเที่ยวกันเป็นครอบครัว ซึ่งก็เป็นจริงดังนั้น มีคลาสเรียนสำหรับเด็กๆ และลู่สกีจำนวนหนึ่งซึ่งออกแบบมาสำหรับผู้ที่ยังเล่นสกีไม่แข็ง เนินสกีส่วนใหญ่ 19 แห่งที่ทอดตัวยาวตามเส้นทางดอสเดลซาบิออนนั้น เป็นเนินสกีสำหรับผู้เล่นสกีระดับต้นหรือระดับกลาง แต่ก็มีลู่สกีที่เล่นยากมากขึ้นอีกจำนวนหนึ่ง ผู้ที่ต้องการเดินทางผจญภัยยังสามารถขึ้นกระเช้าปินโซโล-กัมปิลิโยเอ็กซ์เพรส ซึ่งจะนำคุณไปยังรีสอร์ทมาดอนนาดิกัมปิลิโยที่อยู่ใกล้เคียงได้อย่างรวดเร็ว ที่นั่นจะมีบริเวณสำหรับการเล่นสกีในพื้นที่วิบากอยู่ด้วยจำนวนหนึ่ง

เมื่อนึกถึงเซอร์แมตต์ คนส่วนมากจะต้องนึกถึงสิ่งเดียวกัน นั่นคือภูเขาแมทเทอร์ฮอร์น ไอคอนสำคัญของสวิตเซอร์แลนด์แห่งนี้ตั้งตระหง่านอยู่เหนือเมืองเซอร์แมตต์ ซึ่งเริ่มดึงดูดนักท่องเที่ยวมาที่นี่เป็นครั้งแรกในช่วงปี 1860 หมู่บ้านเซอร์แมตต์นั้นเป็นหมู่บ้านปลอดรถยนต์ที่มีบรรยากาศสบายๆ น่าหลงใหล เต็มไปด้วยชาเลต์ทรงโบราณสีน้ำตาลและตรอยซอกซอยที่คดเคี้ยว (ไม่ต้องกังวลไป คุณไม่จำเป็นต้องเดินไปที่ไหนเองหรอก เพราะที่นี่มีรถไฟฟ้าและรถม้าไว้บริการ) ในพื้นที่นี้ จะสามารถเล่นสกีได้จนถึงช่วงต้นฤดูร้อน แต่เมื่ออากาศเริ่มอุ่นขึ้น ก็จะเหมาะสำหรับการเดินทางไกลอย่างยิ่ง

แต่เดิมโคเปนเฮเกนเป็นเมืองประมงของชาวไวกิ้ง และคุณยังพบเห็นร่องรอยของเหล่านักสำรวจนอร์สได้ทั่วไปที่นี่ ลองเยี่ยมชมหมู่บ้านที่ได้รับการบูรณะใหม่ ซากปราสาทอายุ 1,000 ปี และพิพิธภัณฑ์คนเถื่อนผมแดงอันเลื่องชื่อ ไม่เพียงเท่านั้น โคเปนเฮเกนยังเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่ผสานเข้ากับโบราณสถานทางประวัติศาสตร์ อย่างหอดูดาวราวด์ทาวเวอร์ ซึ่งเป็นตัวอย่างของสถาปัตยกรรมสมัยศตวรรษที่ 17 อันงดงาม คุณยังจะได้เยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของเมืองอีกหลายแห่ง อย่างหอศิลป์ ถนนสายแคบๆ คลอง สวนสาธารณะ และโบสถ์สไตล์บาโรก

มหานครที่เต็มไปด้วยความทันสมัยแ คนหนุ่มสาว และประชากรที่หลากหลาย มีเพียงเทลอาวีฟเท่านั้นที่คงอายุเก่าแก่ย้อนกลับไปในปี 1909 คลับ บาร์และและชุมชนศิลปะที่เฟื่องฟู ชีวิตที่สดใสร่าเริงและชายหาดต่างๆ เป็นเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยว นักดนตรี และคนรุ่นใหม่ให้เข้ามายังไปยังสถานที่แห่งความรื่นรมย์ของเทลอาวีฟมากขึ้น สถาปัตยกรรมเบาเฮาส์ได้รับคัดเลือกจากยูเนสโกให้ได้รับรางวัลชนะเลิศในการเป็นเมืองที่มีสมญาว่า "เมืองสีขาว" เดิน ขับรถหรือนั่งแท๊กซี่เที่ยวชมนิทรรศการทางวัฒนธรรมของพิพิธภัณฑ์ฮาเรทซ์ พิพิธภัณฑ์หอแห่งเสรีภาพที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ตลาดคาร์เมล และทางเดินชมเมืองเก่าในเขตโอลด์จัฟฟา