ทุกวัน จะมีน้ำมากกว่า 15 ล้านแกลลอนไหลลงไปในน้ำพุและหลุมธรรมชาติ 118 แห่งของของบูดาเปสต์ เมืองแห่งสปาแห่งนี้มีสถานที่อาบน้ำแร่อยู่มากมายจนน่าประหลาดใจ ตั้งแต่เจลเลิร์ต บาธที่หรูหราฟู่ฟ่า ไปจนถึงเซเชนยีสปาแบบนีโอบาโรกในปี 1913 ที่กว้างขวาง และรูดาส สปา สระแบบตุรกีจากศตวรรษที่ 16 ที่มีสถาปัตยกรรมแบบออตโตแมนแบบดั้งเดิม เมืองที่ได้รับการขนานนามว่า "ราชินีแห่งแม่น้ำดานูบ" แห่งนี้ยังมีความงดงามทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และธรรมชาติอีกมากมาย เตรียมกล้องคุณไว้ให้พร้อมสำหรับซากพิพิธภัณฑ์อาควินคัมของชาวโรมัน ฮีโรสแควร์ และสเตตูพาร์ค รวมไปถึงโดมของมหาวิหารเซนต์สตีเฟ่นที่สูงถึง 300 ฟุต

อินส์บรัก เมืองซึ่งเป็นอาณาจักรและสาธารณรัฐมาตลอดในประวัติศาสตร์ เป็นที่ตั้งของศาลสูงแห่งแม็กซิมิลานในปลายศตวรรษที่ 15 รถรางทำให้การสันจรรอบเมืองเป็นไปได้อย่างสะดวกรวดเร็วและมีประสิทธิภาพในราคาถูก สำรวจประวัติศาสตร์ของเมืองหลวงแห่งไทโรลีนแห่งนี้ได้ที่อาร์กดุค เฟอร์ดินานที่ 2 แห่งสคาลอส แอมบราส ศตวรรษที่ 10 พิพิธภัณฑ์ศิลปะของชนเผ่าไทโรลีน พระราชวังของราชวงศ์และแม็กซิมิเลียนที่ 1 อันเลื่องลือในเรื่องของหลังคาที่ทำจากทองคำ เมืองนี้จัดเป็นหนึ่งในเมืองที่งดงามที่สุดของยุโรป ตั้งอยู่ในใจกลางของเทือกเขาแอลป์

มิลาน เมืองแห่งแฟชั่นของโลก ที่นี่มีสินค้าเก๋ไก๋ให้คุณได้เลือกช้อปมากมาย เลือกซื้อเครื่องหนังชั้นดีในย่านติสท์ๆ อย่างเบรร่า หรือเข้าชมสินค้าในร้านหรูมีระดับได้ที่เวีย มอนเต้ นโปลีออนเน่ งานโมเสคและซุ้มกระจกที่แกลเลอเรีย วิโตรีโอ เอมมานูเอ็ล 2 ให้บรรยากาศเหมือนเหล่านักช้อปได้หลุดเข้าไปอยู่ในภาพวาด ว่างเว้นจากการช้อปปิ้งและชมโบสถ์ดูโอโมอันเป็นสัญลักษณ์ของเมือง ต่อด้วยการเข้าชมการแสดงที่ลา สกาลา หลังจากชมอุปรากรกันแล้ว แวะย่าน Navigli ที่คึกคักไปด้วยไนท์ไลฟ์และกิจกรรมยามค่ำคืน

คุณจะได้พบกับความงามที่ไม่มีการปรุงแต่งและจังหวะชีวิตที่เนิบนาบในชิงเคว เทอร์เร (Cinque Terre) ด้วยชื่อที่มาจากเมืองทั้งห้าแห่ง นั่นคือ มอนเตรอสโซ (Monterosso), เวรนาซซา (Vernazza), คอร์นิจิเลีย (Corniglia), มานาโรลา (Manarola) และริโอมาจยอเร (Riomaggiore) บริเวณส่วนนี้ของอิตาเลียน ริเวียร่า (Italian Riviera) เป็นมรดกโลกขององค์การ UNESCO อีกแห่งหนึ่ง ที่นี่ไม่อนุญาตให้ใช้รถยนต์ คุณต้องขึ้นรถไฟท้องถิ่นหรือเรือเฟอร์รี่เพื่อเดินทางระหว่างเมืองแต่ละเมือง หรือเดินไปตามเส้นทางเดินทางไกลที่สวยงามซึ่งเชื่อมระหว่างเมืองต่างๆ

เกาะที่มีน้ำขึ้นและน้ำลงอย่างรวดเร็วแห่งนี้ ครั้งหนึ่งเคยเป็นคุกที่อื้อฉาวในระหว่างการปฏิวัติฝรั่งเศส ในวันนี้ ผู้คนต่างเลือกที่จะมาที่นี่โดยไม่มีใครบังคับเพื่อเที่ยวชมวัดที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 11, ทานอาหารในร้านอาหารชั้นยอด และสัมผัสกับความสว่างไสวยามค่ำคืนที่น่าประทับใจ มีเพียงแค่ทางเดินแคบๆ ที่สร้างขึ้นในปี 1880 เท่านั้นที่เชื่อมเกาะแห่งนี้เข้ากับแผ่นดิน แต่อย่างไรก็ตาม โครงการสะพานเชื่อมก็มีกำหนดที่จะแล้วเสร็จในปี 2012