หากคุณต้องการหาคำสักคำที่พรรณนาถึง นิวฟอเรสต์ ได้อย่างลงตัวที่สุด คำนั้นน่าจะเป็นคำว่า “ยินดีต้อนรับ” พื้นที่อุทยานซึ่งเป็นที่ราบ (ไม่มีภูเขา) เต็มไปด้วยทัศนียภาพที่งดงามและเส้นทางเดินป่ากว้างขวางซึ่งคู่ควรแก่การเดินทางมาสำรวจ เนื่องจากเส้นทางเหล่านั้นคดเคี้ยวผ่านบริเวณป่าไม้มีอายุหลายศตวรรษ เที่ยวชมโบลเดอร์วูด ซึ่งเป็นป่าสงวนและเขตอนุรักษ์กวาง ครั้งหนึ่งบริเวณนี้เคยเป็นพื้นที่ล่าสัตว์ของกษัตริย์นอร์แมน ตกปลาที่ มัวร์วัลเลย์ ก่อนขึ้นสู่ที่สูงเพื่อเดินเที่ยวในระดับยอดไม้ ต้องการใช้ชีวิตในคฤหาสน์ชนบทใช่หรือไม่ เดินทางไปที่ โบลิเออร์ ซึ่งคุณจะดื่มด่ำในบรรยากาศยุควิกตอเรียที่ พาเลซเฮาส์ ก่อนที่จะติดตามรอยเท้าของนักบวชยุคกลางเข้าสู่อารามที่ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน

เกาะไวท์เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเงียบสงบ สวยงาม และเป็นธรรมชาติ ยกเว้นในฤดูร้อนที่เทศกาลแห่งเกาะไวท์เรียกนักท่องเที่ยวได้มากมายจากทั่วโลก ในปี 1970 เทศกาลดนตรีร็อคที่ใหญ่ที่สุดถูกจัดขึ้นที่นี่ เรียกว่า Britain's Woodstock ซึ่งโดดเด่นด้วย Jimi Hendrix และ The Who (แต่สัปดาห์นั้นคงคึกคักพอตัว) เกาะแห่งนี้ยังขึ้นชื่อในเรื่องของการล่องเรือใบและรีสอร์ทน่ารักที่ชื่อกระฉ่อนไปทั่วโลก ที่ดึงดูดให้ผู้คนมาพักผ่อนหย่อนใจที่นี่ตั้งแต่ยุควิคตอเรีย

ที่ "เมืองแห่งยอดแหลมชวนฝัน" วิชาการถือเป็นศูนย์กลางของความสำคัญทั้งหมด ชมความงามของมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงทั่วโลกอย่างอ็อกซ์ฟอร์ดจากยอดหอคอยคาร์แฟ็กซ์ก่อนที่จะมุ่งสู่ถนนคนเดินของเมือง จากนั้นมุ่งหน้าสู่ตลาด Covered Market เพื่อหาซื้อของเตรียมไปปิกนิกที่สวนสาธารณะเฮดดิงตั้้น ฮิลล์ ผสมผสานประวัติศาสตร์เข้ากับความทันสมัยโดยการไปเที่ยวชมโบสถ์ประจำหมู่บ้านในศตวรรษที่ 12 ของอิฟฟลีย์ และร้านค้าหลากสัญชาติและลานดนตรีเก๋ๆ ของถนนคาวลีย์

ตั้งแต่สไตล์สุดแนวของชอร์ดิตช์ไปจนถึงสไตล์พังก์ของแคมเดนก์ และถนนพอร์โตเบลโลสุดเก๋ ลอนดอนเต็มไปด้วยความหลากหลาย ซึ่งหมายความว่าคุณจะได้พบสิ่งที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละวัน สำรวจแหล่งท่องเที่ยวเกี่ยวกับราชวงศ์หรือสถานที่สำคัญประวัติศาสตร์ รวมทั้งเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของลอนดอนให้ครบถ้วน กินและดื่มในร้านอาหารระดับดาวมิชลิน เพลิดเพลินไปกับการดื่มในผับแบบดั้งเดิม หรือเดินเล่นบนถนนที่ปูด้วยหินที่คดเคี้ยวและดูว่าคุณจะเจอกับอะไรโดยบังเอิญบ้าง เมื่อพูดถึงลอนดอน โอกาสเหล่านี้ไม่มีที่สิ้นสุด

ด้วยความขึ้นชื่อเรื่องหินสีน้ำผึ้งที่ใช้ในการก่อสร้างหมู่บ้าน คอทส์โวลส์จึงทำให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสประสบการณ์ที่สำคัญในสไตล์อังกฤษ พื้นที่นี้ขยายครอบคลุมไปถึงห้าแคว้นและเรียงรายไปด้วยคฤหาสน์ชนบท ปราสาท และภูมิทัศน์ที่สวยงามน่าประทับใจของอังกฤษ นอกจากนี้ ผับต่างๆ มากมายก็ทำให้ได้สัมผัสประสบการณ์การต้อนรับแบบชาวอังกฤษอย่างแท้จริงได้อย่างง่ายดาย

ทะเลสาบมาจิยอเร (Maggiore) ซึ่งทางใต้ของเทือกเขาแอลป์เป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับสองของอิตาลี เนื่องจากสภาพอากาศที่อบอุ่นตลอดทั้งปี ทำให้บริเวณนี้เต็มไปด้วยพืชแถบเมดิเตอเรเนียนและต้นไม้แปลกตามากมาย เออเนสท์ แฮมมิงเวย์เคยเขียนถึงทะเลสาบมาจยอเรไว้ในนวนิยายเรื่อง "A Farewell to Arms" เมื่อตัวเอกของเรื่องและคู่รักของเขาจะต้องพายเรือข้ามทะเลสาบเพื่อหนีจากทหารของคาราบิเนียร์ (Carabinieri) ของอิตาลี (คิดว่าเป็นตำรวจในชุดทหารแล้วกัน) หวังว่าคุณคงไม่เจอทหารเหล่านั้นในธรรมชาติอย่างนี้นะ