คาตาเนียเคยถูกมอบเป็นรางวัลของอาณาจักรต่างๆ มาตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา จากกรีกสู่โรมัน สู่อาหรับ สู่นอร์มังดี และสเปน (นี่แค่ตัวอย่างเท่านั้น) แต่ชาวเมืองก็มีศัตรูที่อันตรายยิ่งกว่าอยู่ที่หลังบ้านของเขาเอง นั่นคือ เมาท์เอทน่า (Mount Etna) ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดและมีการปะทุมากที่สุดในยุโรป ภูเขาไฟนี้ได้สร้างความเสียหายให้แก่เมืองอย่างมากจากแผ่นดินไหวและลาวาในปี 1693 ถ้าคุณมองดูอาคารแบบบาโรคที่สร้างขึ้นหลังจากการระเบิดของภูเขาไฟในครั้งนั้นอย่างใกล้ชิด คุณจะเห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ในการนำลาวามาใช้งาน

ถ้าคุณเห็นไอศครีมแบบเจลาโต้รส "cipolla di Tropea" คุณอาจจะกังวลว่าความรู้ภาษาอิตาเลียนของคุณช่างแย่จริงๆ หรือคุณกำลังเริ่มมีอาการทางประสาทหรือเปล่า อย่ากังวลไปเลย "Cipolla" แปลว่าหัวหอมถูกต้องแล้ว และ ใช่! นี่เป็นเจลาโต้รสหัวหอมจริงๆ หัวหอมแดงพื้นเมืองที่นี่ได้รับความนิยมอย่างมาก ถึงขนาดที่เอาไปทำเป็นของหวานด้วยทีเดียว โตรเปีย (Tropea) ก็มีบริเวณด้านหน้าหน้าผาที่งดงามเช่นเดียวกับเมืองอื่นๆ จำนวนมากตามแนวชายฝั่งของอมัลฟี่ (Amalfi) เชิงหน้าผาแห่งนี้ มีชายหาดกว้างขวางและสวยงาม

ริชชีโอเน (Riccione) เป็นเมืองโบราณในอิตาลีที่ให้บรรยากาศอันทันสมัย กรุ่นกลิ่นอายนานาชาติ และอบอุ่นอาบไล้ไปด้วยแสงแดด จุดหมายปลายทางริมทะเลแห่งนี้ตั้งอยู่ในใจกลางริเวียราระวันออก (Eastern Riviera) และเหมาะสำหรับการจิบค็อกเทลชิลๆ บนหาดทรายสีทองเรืองอร่าม ในยามค่ำคืน นักท่องราตรีได้เพลิดเพลินสุดเหวี่ยงไปกับดิสโก้กลางแจ้งบนชายหาด เป็นประสบการณ์ปาร์ตี้กลางแจ้งแบบเหนือจริงหน่อยๆ จะไถลลื่นจากสไลเดอร์ในสวนน้ำ ปั่นจักรยานไปกับทัวร์ปั่นนำเที่ยว หรือเยี่ยมชมสนามแข่งรถมิซาโน เวิลด์ เซอร์กิต (Misano World Circuit) ก็ให้ประสบการณ์อันน่าประทับใจไม่รู้ลืม

ทะเลสาบมาจิยอเร (Maggiore) ซึ่งทางใต้ของเทือกเขาแอลป์เป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับสองของอิตาลี เนื่องจากสภาพอากาศที่อบอุ่นตลอดทั้งปี ทำให้บริเวณนี้เต็มไปด้วยพืชแถบเมดิเตอเรเนียนและต้นไม้แปลกตามากมาย เออเนสท์ แฮมมิงเวย์เคยเขียนถึงทะเลสาบมาจยอเรไว้ในนวนิยายเรื่อง "A Farewell to Arms" เมื่อตัวเอกของเรื่องและคู่รักของเขาจะต้องพายเรือข้ามทะเลสาบเพื่อหนีจากทหารของคาราบิเนียร์ (Carabinieri) ของอิตาลี (คิดว่าเป็นตำรวจในชุดทหารแล้วกัน) หวังว่าคุณคงไม่เจอทหารเหล่านั้นในธรรมชาติอย่างนี้นะ

ชายฝั่งทะเลสาบเจนีวาดึงดูดนักท่องเที่ยวและผู้บุกรุกมาเป็นเวลานับพันปี เมืองอันคึกคักแห่งเจนีวาตั้งอยู่บนฝั่งตะวันตกของทะเลสาบ ยอดเขาที่มีหิมะปกคลุมยิ่งทำให้วิวทิวทัศน์เบื้องหลังแลดูสวยงามไปหมดทุกด้าน เมืองที่เหมาะสำหรับการสำรวจเท้า หรือแม้แต่เช่าจักรยานเพื่อผจญภัยเพิ่มเติม และเส้นทางที่ไม่ควรพลาดคือการไปเที่ยวที่ริมทะเลสาบเจนีวาและน้ำพุที่มีชื่อเสียง นาฬิกาดอกไม้ในสวนอังกฤษ วิหารเซนต์ปีเตอร์ กำแพงนักปฏิรูป เพลส นิวเวและบ้านเกิดของสหประชาชาติ

เพียงสองชั่วโมงจากทางตอนเหนือของกรุงลอนดอนโดยรถไฟคุณก็จะมาถึงเมืองยอร์ค (York) ซึ่งเป็นเมืองที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ด้วยกำแพงเก่าแก่ของเมืองนี้ที่มีอายุถึง 1,900 ปี ชาวโรมันสร้างเมืองแห่งนี้ขึ้นใน 71 AD และชาวไวกิ้งเข้ายึดเมืองแห่งนี้ได้ในปี 866 AD หยุดแวะชมพิพิธภัณฑ์และสวนยอร์คเชียร์ (Yorkshire Museum and Gardens) เพื่อดูสิ่งที่ชาวโรมันและชาวไวกิ้งทิ้งไว้เป็นอนุสรณ์ให้ชนรุ่นหลัง (คงทิ้งของไว้มากมายก่อนจากไป) จากนั้นค่อยไปต่อที่พิพิธภัณฑ์ปราสาทแห่งเมืองยอร์ค (York Castle Museum) เพื่อชมภาพโดยรวมของเมืองแห่งนี้ในช่วง 400 ปีที่ผ่านมา

หากคุณกําลังมองหาประสบการณ์แบบในเรื่องโรบินสัน ครูโซ คุณยังคงสามารถสัมผัสบรรยากาศแบบกระท่อมมุงจากริมหาดได้บนเกาะนอร์ท-มาเล-อะทอลล์ หมู่เกาะในมัลดีฟส์แห่งนี้ที่ครึ้มไปด้วยร่มเงาของต้นปาล์มและทอดยาวต่อเนื่องร่วม 50 เกาะเพิ่งพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นโดยมีการสร้างที่พักซึ่งสวยงามและทันสมัย ทุกวันนี้ แม้แต่ตัวเกาะเองก็มีบทบาทในการออกแบบด้วยเช่นกัน โรงแรมพาทินามัลดีฟส์ (Patina Maldives) และโรงแรมริตซ์คาร์ลตันมัลดีฟส์ (Ritz Carlton Maldives) ที่เปิดใหม่ตั้งอยู่บนหมู่เกาะที่ทีมงานก่อสร้างได้สร้างขึ้นในมหาสมุทรอินเดีย เหล่านักดําน้ำจะชื่นชอบสถานที่หลายแห่งของเกาะนอร์ท-มาเล-อะทอลล์ เช่น แมนตาพอยต์ ซึ่งเป็นจุดที่มีปลากระเบนราหูมารวมตัวกันให้บรรดาปลาตัวเล็กตัวน้อยช่วย "ทำความสะอาด" ให้ คุณยังสามารถดําน้ำแบบสนอร์เกิลไปกับฝูงเต่ากระขี้สงสัยได้อีกด้วย ทางตอนเหนือของกรุงมาเลยังมีจุดเล่นเซิร์ฟที่ยอดเยี่ยมมากอีกหลายแห่ง