เที่ยวบิน BR 68 เดินทางจาก London Heathrow วันที่ 4 ก.ย. 2562 ถึงสนามบิน สุวรรณภูมิ ประเทศไทย วันที่ 5 ก.ย. 2562 เป็นครั้งแรกที่ดิฉันได้ลองเดินทางกับสายการบิน Eva เพราะมีรุ่นพี่ และเพื่อนแนะนำให้ลองใช้บริการดูค่ะ เนื่องจากดิฉันเรียนจบและจะเดินทางกลับบ้านที่ประเทศไทย และมีเพื่อนมาส่งที่สนามบิน และเพื่อนของดิฉันได้เอากระเป๋าใบใหญ่ 1 และกระเป๋าหิ้วติดตัวมาด้วย (เพื่อนของดิฉันจะย้ายหอในลอนดอน จึงเอากระเป๋าติดตัวมา) ขณะที่ไปเช็คอินได้มีเพื่อนไปช่วยเช็คอิน โดยถือกระเป๋าตามมาด้วย จังหวะนั้นก็มีพนักงานของสายการบิน Eva airline เดินตรวจความเรียบร้อยและสังเกตเห็นว่าดิฉันมีกระเป๋ามากว่า 2 ใบ (ดิฉันมีกระเป๋า 18 นิ้ว 1 ใบ และกระเป๋าสะพาย ใส่ Laptop, Ipad และอุปกรณ์ อิเล็คทรอนิค อีก 1 ใบ) ดิฉันได้อธิบายแต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ และให้เจ้าหน้าที่ที่ เช็คอิน warning ไปยัง gate ณ ตอนนั้นเราก็ไม่ได้กังวลอะไรเพราะเรามีแค่ 2 ใบอย่างไรเราก็คงไม่มีปัญหาอะไร เมื่อดิฉันโหลดกระเป๋าเสร็จ และเข้า ตม. ตรวจความเรียบร้อย ดิฉันก็เดินไปนั่งที่ gate เพื่อรอการขึ้นเครื่อง หลังจากนั้นก่อน gate จะเปิด 20 นาที เจ้าหน้าที่ได้ประกาศเรียกชื่อดิฉัน และดิฉันก็ได้อธิบายกับความเข้าใจผิดของพนักงานที่ตรงเช็คอิน และได้นำกระเป๋า 2 ใบมาให้ดูว่า มีแค่ 2 ใบจริงๆ แต่เจ้าหน้าที่ขอไปชั้งเช็คน้ำหนัก ปรากฎว่าเกินไป 6 กิโล ซึ่งดิฉันบอกว่า ในน้ำหนักไม่รวม laptop และ Ipad แต่เจ้าหน้าที่ (ผู้หญิงผมสั้นสีทอง รูปร่างผอม มีอายุประมาน 50 ใส่ชุดสีเขียวซึ่งแตกต่างจากชุดพนักงานท่านอื่น) ไม่ฟังและบอกว่า 7 กิโลกรัม ต้องรวมทุกอย่าง และได้กล่าวว่า ให้ดิฉันทิ้งของไป หรือไม่อย่างนั้นก็ต้องจ่ายค่าปรับ 6 กิโลกรัม 223 ปอน์ด หรือ 8500 บาท ก็จะสามารถเอาของไปได้ ดิฉันตกใจมาก และในใจก็คิดว่าทำไมคนอื่นที่มีกระเป๋ามากกว่าดิฉัน 3 ใบก็ไม่เห็นโดนตรวจน้ำหนักเลย ทำไมถึงเป็นดิฉันคนเดียวที่โดน ในสถาณการณ์ตอนนั้น ดิฉันโดนเร่ง และโดนกดดันจากเจ้าหน้าที่ตลอดเวลา (อินเดีย ผู้ชาย 2 คน และเจ้าหน้าที่ ผู้หญิงชุดเชียวอีก 1 คน)ให้จ่ายเงินค่าปรับ หรือเลือกทิ้งของ (พร้อมกับหยิบถังขยะมาตั้งให้ตรงหน้า) การใช้คำพูดของพนักงานทำให้ดิฉันไม่ได้รับการบริการที่ดีเลย แต่เหมือนเป็น นักเรียนที่โดนดุ ดิฉันได้แต่ยืนกุมมือ และขอความเห็นใจ (แต่ยังมีผู้หญิงอินเดีย 1 คนที่พยายามช่วยพูดให้ แต่ เจ้าหน้าที่ผู้หญิงคนอังกฤษก็ไม่ยอม)
ทั้งนี้ดิฉันไม่สามารถทิ้งของได้เพราะเป็นเอกสารการเรียน และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิค เช่น กล้องถ่ายรูป, หูฟัง Headphone, Laptop, Ipad, โทรศัพท์ และ ลำโฟง
ในระหว่างการบินกลับดิฉันรู้สึกจิตตกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้รับความยุติธรรม 13 ชั่วโมงเป็นการบินที่ทรมานที่สุดเท่าที่เคยได้ใช้บริการสายการบินค่ะ เป็นประสบการณ์ที่รู้สึกแย่กับจิตใจมากที่สุด ในกรณีที่จะปรับก็ควรจะหักน้ำหนักของ laptop (2.5 Kg) และ Ipad (0.6 Kg) ประมาณ 3 กิโลออก (ในนโยบาย ไม่คิดรวมน้ำหนักค่ะ) และก็ควรจะตรวจน้ำหนักคนผู้โดยสารที่มีกระเป๋ามากกว่า 2 ใบด้วยเช่นกัน (แต่ดิฉันก็ไม่เอ่ยปากถามว่าให้ตรวจคนอื่นด้วย เพราะอาจจะเป็นคราวเคราะห์ของเรา ไม่อยากให้คนอื่นต้องมาเดือนร้อนด้วยแบบเดียวกับเรา)