การเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางกลับบ้านกะทันหัน.. เพราะคุณพ่อป่วยจึงต้องรีบลางานและจองตั๋วเครื่องบินเพื่อกลับบ้านในวันถัดไป.. ที่อยู่อยู่เมืองทองธานี เดินทางไปสุวรรณภูมิค่อนข้างไกล แต่เพราะชอบไทยสไมลอยู่แล้วจึงเดินทางด้วยไทยสไมล์เสมอ .. เที่ยวบินไฟล์ทนี้ ออก 12.15 น. เพราะฉะนั้นต้องออกจากบ้านก่อน 10.30น. ซึ่งครั้งนี้ก็ออกมาเกือบๆ 10.30น. ซึ่งปกติถึงสุวรรณภูมิต้องไม่เกิน 11.30 น. แต่ครั้งนี้กลับโชคร้ายเจอแท็กซี่แย่มากจะลงกลางทางก็ไม่ได้เพราะอยู่บนทางด่วน แท็กซี่ขับแบบประวิงเวา เพราะเห็นว่าลดความเร็วลง จากปกติตอนก่อนขึ้นทางด่วน80-100 กม./ชม. (รถว่างถนนโล่งไปได้เรื่อยๆค่ะ) เหลือ 60-70 กม./ชม. ซึ่งพอได้ครึ่งทางก็ยิ่งลดความเร็วอีก จนต้องบอกให้เร่งหน่อยเพราะ 11.10 แล้วยังไม่ถึงครึ่งทาง แท็กซี่ก็เพิ่มให้แปปนึง แล้วก็ลงเหลือ 60 กม./ชม.อีก .. พอยิ่งใกล้สุวรรณภูมิยิ่งลดความเร็วลง จนเกือบจะไม่ทันเวลา ด้วยความเร่งรีบจึงรีบลงจากรถ เลยไม่ทันดูว่าแท็กซี่ส่งผิดชั้น ทำให้ต้องวิ่งหอบสัมภาระขึ้นไปเอง ซึ่งช่วงโควิดทางเข้าไกลมาก แพมต้องวิ่งขึ้นบันไดเลื่อนสองชั้นกว่าจะไปถึงเคาเตอร์ ตอนนั้นทำใจแล้วว่าคงตกเครื่อง แต่ก็ลองขอคุยกับเคาเตอร์ดู และคิดว่าถ้าไม่ได้คงไม่เป็นไรต้องทำใจเพราะวันนี้โชคร้ายจริงๆ แต่ก็ยังมีความโชคดีอยู่บ้างที่พนักงานเคาเตอร์ที่เกี่ยวข้องทุกท่านช้วยเหลืออำนวนความสะดวกให้ทุกอย่างอย่างเต็มที่ จนทำให้สามารถโหลดกระเป๋าได้(เช็คอินทางออนไลน์ม่แล้ว)..และยังช่วยประสานอย่างเต็มที่จนทำให้ดิฉันได้กลับบ้านมาทำหน้าที่ลูกได้ที่โรงพยาบาล.. อยากขอบคุณจากใจจริงๆ ที่ทำให้ดิฉันได้กลับบ้าน มาดูแลคุณพ่อที่กำลังป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล.. ตอนนี้คุณพ่ออาการดีขึ้น คุณหมออนุญาตให้กลับบ้านแล้วค่ะ ... ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ เพราะซาบซึ้งใจเจ้าหน้าที่ในวันนั้นทุกๆท่านมากๆๆๆ ที่ช่วยเหลือดิฉันอย่างเต็มที่ .. ทำให้ดิฉันยังพอมีช่วงเวลาที่ยิ้มได้บ้างแม้จะเจอแต่เรื่องร้ายๆในวันนั้น .. ขอบคถณจริงๆ ขอบคุณจากใจค่ะ ดิฉันขอสัญญาว่าจะเป็นลูกค้าที่ดีของไทยสไมล์และการบินไทยตลอดไป ไม่ว่าไทยสไมล์และการบินไทยจะเจอเรื่องอะไรก็ตาม โปรดรับรู้ไว้ว่าดิฉันจะคอยสนับสนุนและอยู่เคียงข้างเสมอค่ะ :))