เป็นคอมเพล็กซ์ขนาดมหึมาซึ่งแยกตัวห่างไกลจากบรรดาร้านรวง ภัตตาคาร และอื่นๆ แต่ก็ถือว่าเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการจะเดินโต๋เต๋อยู่แถวๆ สระน้ำ เดินเล่นในสวนขนาดยักษ์ อ่านหนังสือ หรืออยู่เฉยๆ
อาหารมื้อเช้าในภัตตาคารเซลส์ก็ถือว่ากลางๆ เราเคยไปลองรับประทานมื้อเย็นที่เซลส์และพบว่าก็งั้นๆ เลยไม่ได้หวนกลับไปอุดหนุนอีก การจัดอาหารบริการที่นี่นั้นยังไม่ได้มาตรฐานของโรงแรมในเครือฮิลตันแห่งอื่นๆ และยังต้องปรับปรุงอีกมาก อย่างไรก็ตาม พนักงานบริการส่วนใหญ่ก็มีอัธยาศัยดีและทำงานมีประสิทธิภาพ
แหล่งช็อปปิ้งสำคัญที่อยู่ใกล้ที่สุดคือป่าตอง ห่างไปออกไปประมาณ 10-15 นาทีโดยแท็กซี่ ไม่เหมือนกรุงเทพตรงที่ภูเก็ตดูเหมือนว่าจะมีกลุ่มธุรกิจที่ผูกขาดการให้บริการแท็กซี่และรถสามล้อเครื่อง(ตุ๊ก ตุ๊ก)เอาไว้ ราคาจึงถูกกำหนดตายตัวไว้แล้วและต่อรองไม่ได้ ดังนั้นคุณจึงไม่มีทางเลือกอะไรมากนัก ค่าโดยสารแท็กซี่เที่ยวเดียวจากฮิลตันไปป่าตองคือ 400 บาท ป่าตองมีศูนย์การค้าหลัก บาร์ สปาพร้อมซาวน่า ภัตตาคาร ฯลฯ ค่าโดยสารรถเที่ยวเดียวไปยัง Phuket Town คือ 550 บาท (ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจหรอกที่นั่น ถ้าคุณมีเวลาเที่ยวจำกัด แนะนำว่าอย่าไปที่นั่นเลย)
ค่ารถจากสนามบินภูเก็ตไปยังฮิลตันคือ 750 บาท อย่างไรก็ตาม ค่ารถเที่ยวกลับจากโรงแรมไปสนามบินกลับขึ้นไปอยู่ที่ราคา 1000 บาท และเป็นราคาที่ต่อรองไม่ได้เช่นกัน การต้อนรับแขกของทางโรงแรมก็ดูมีมิตรไมตรีและมีประสิทธิภาพ แต่เรื่องคับข้องใจหลักๆ ของเราคือ มาตรการด้านความปลอดภัยภายนอกเครื่องบิน คือมีการ"ต้อนรับ" 2 ครั้ง เมื่อผ่านประตูทางเข้าหลักไปแล้ว ยานพาหนะจะถูก"ตรวจผ่านๆ อย่างรวดเร็ว" โดยฝ่ายรักษาความปลอดภัย (ซึ่งฉันยังสงสัยในประสิทธิภาพของวิธีนี้ เพราะมันดูคล้ายๆ กับการแค่ทำเครื่องลงในช่องรายการต่างๆให้มันแล้วๆ ไปเท่านั้นเอง) ประมาณ 50 เมตรไปตามถนน คุณจะถูกนำไปไว้ที่ "ล็อบบี้ยินดีต้อนรับ" แล้วทั้งคุณและกระเป๋าสัมภาระของคุณก็จะถูกขนลงมา นี่คือสุดแนวเขตเท่าที่รถโดยสารสาธารณะจะได้รับอนุญาตให้เข้ามาได้ จากนั้นคุณก็จะได้ขึ้นไปนั่งบนรถของทางฮิลตันและถูกขับพาไปยังฝ่ายต้อนรับหลักโดยใช้เวลาประมาณอีก 3 นาที เป็นอีกครั้งหนึ่งที่คุณจะต้องขนสัมภาระลง และนั่นคือสิ่งสุดท้ายคุณอยากทำหากคุณมาถึงสนามบินในยามดึกหลังจากที่ต้องนั่งจ่อมอยู่บนเครื่องบินมาอย่างยาวนานเพิ่มเติม
- ที่จอดรถฟรี
- สระว่ายน้ำ
- ร้านอาหาร
- บริการรูมเซอร์วิส