ฉันอยากใช้เวลา 2 วันพักผ่อนหลังจากเดินทางมาทำธุรกิจระยะยาวทั่วทั้งเอเชีย ลูกค้าของฉันในกรุงเทพฯ ช่วยฉันจัดการแพ็คเก็ตเที่ยวรีสอร์ทเกาะทะลุ 4 วัน 3 คืน คนไทยที่ฉันรู้จักทั้งหมดไม่เคยได้ยินชื่อเกาะนี้ ฉันพบมันที่อินเตอร์เน็ตเพราะฉันอยากอยู่ที่ไหนซักที่ที่ใกล้กับกรุงเทพฯ (ฉันไม่อยากขึ้นเครื่องบินไปไหน) และเป็นสถานที่ที่เงียบและสงบ ฉันได้ราคาดีและลูกค้าของฉันให้คนขับรถของหล่อนขับรถไปส่ง คนขับรถขับพาเราไป 4 ชั่วโมงและขากลับอีก 5 ชั่วโมง (เรากลับมาในช่วงเวลาเร่งด่วนและมีพายุ) เรามาถึงแต่เช้าและมีร้านอาหารกลางแจ้งอยู่ตรงที่ที่เราคอยเรือมา เราขับรถขึ้นไปบนเรือ มันดูโคลงเคลงเอามากเลย
หลังจากที่คนขับรถกลับไปแล้ว ก็นั่งเรือประมาณ 20 นาทีเพื่อไปที่เกาะ ท่าเรือที่เกาะก็ใกล้พังเช่นกัน น่าจะปรับปรุงใหม่แล้วละ ซึ่งเค้าก็กำลังสร้างอยู่ คิดว่ามันคงจะดีขึ้น มีคนมารอต้อนรับอยู่ที่เกาะ ซึ่งมีชาย 3 คนจากสวีเดนและตัวเรากำลังเช็คอิน เกาะนี้ไม่ค่อยมีคนอยู่มากนั้น แต่เค้าจะมีทัวร์หนึ่งวันพอถึงช่วงอาหารกลางวันหรือบ่าย ก็จะมีคนมาที่ชายหาดเยอะ มี 2 ที่ในเกาะที่มีเจ้าของส่วนบุคคล ก็มีโอกาสได้เจอกับลูกชายเจ้าของและแนะนำเกี่ยวกับสิ่งที่ควรปรับปรุงไปด้วย อ่าวมุกและอ่าวใหญ่ อ่าวมุกจะเกี่ยวกับเศรษฐกิจซะส่วนใหญ่ แต่อ่าวใหญ่จะมานักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า
อ่าวใหญ่มีร้านอาหารที่น่าไปมากกว่า มีที่นวด บาร์ชายหาด พื้นที่อนุรักษ์เตา โต๊ะพูล ร้านดำน้ำ ร้านขายของฝาก และศาลเจ้า ชายหาดที่อ่าวใหญ่ดูสวยงามกว่า ใช้เวลา 10 นาทีนั่งรถมอเตอร์ไซค์เพื่อเดินทางไปมาระหว่าง 2 อ่าว ซึ่งทางเชื่อมจะขลุขละบ้าง เจ้าของได้จ้างคนที่มาจัดการรีสอร์ทก็คือโจ โจเคยทำงานที่ไทยแอร์เวย์และเคยอยู่ที่ซานฟรานซิสโกหลายปี เค้าเป็นคนที่นิสัยดีคนนึง จะถามและใส่ใจตลอดว่าเราโอเคและมีช่วงเวลาที่ดีหรือเปล่า พอดีว่าคืนแรกไม่ได้กินมื้อค่ำเพราะเหนื่อยกับการกินที่เยอะมากในช่วง 3 อาทิตย์ที่ผ่านมา โจก็เอาโยเกิร์ตและผลไม้มาให้ (ชอบมังคุดที่สุด!) เพื่อจะให้เราได้ทานอะไรบ้าง
พักที่ไทยวิลล่า 12 ซึ่งเห็นชายหาดได้ชัดเจน มีพื้นที่ให้แต่งตัว และห้องนอนและระเบียงให้พักผ่อนด้วย ห้องน้ำอยู่ข้างนอกแต่ว่าปิดมิดชิด มันดูธรรมดาแต่ก็สะอาดเลยทีเดียว เหมือนว่าจะการปรับปรุงใหม่เมื่อไม่นานมานี้เอง มีน้ำร้อนให้ แต่ต้องระวังนิดนึง เพราะไฟจะดับ 2 ครั้งต่อวัน ระหว่างวัน และหลังอาหารเที่ยง แต่ก็ไม่มีกระทบอะไร เพราะชอบไปข้างนอกช่วงนั้นพอดี ที่ห้องก็มีทีวีซึ่งไม่ได้ใช้ ตู้เย็นและแอร์ มีมุ้งคลุมเตียงควีนไซส์อีกที ทุกอย่างในห้องดูสะดวกสบายดี แต่ยังไงก็ตามก็ยังโดนยุงกัดอยู่ดีนิดนึง ที่นี่ไม่ใช้ที่พัก 5 ดาว แต่ถ้าคุณชอบอะไรที่เรียบง่าย ธรรมดา ที่นี่ก็เหมาะเลย
อาหารที่นี่ดีและอร่อย อาหารเช้าก็คือบอกเค้าว่าจะทานอะไร อาหารกลางวันเป็นบุฟเฟ่ต์เพราะมีนักท่องเที่ยวรายวันเยอะ ซึ่งก็อร่อยและสดใหม่ดี ส่วนมื้อค่ำจะขึ้นอยู่กับว่ามีคนอยู่ในเกาะมากน้อยแค่ไหน มีวันนึงมื้อค่ำเป็นบุฟเฟต่เพราะมีคนอยู่ในเกาะ 25 คน คืนนึงก็เป็นอาหารเป็นเซ็ต รสชาติดีมาก แต่เยอะเกินสำหรับคนๆเดียวกิน วันสุดท้ายที่พักที่นี่ โจบอกว่าให้เลือกว่าอยากจะกินอะไรเพราะว่าเป็นมื้อพิเศษ ก็เลยเลือกเป็น ปลาสแน็บเปอร์ย่างกับซอบทามาริด และหน่อไม้ฝรั่งน้ำมันหอย และมะม่วงสดสำหรับของหวาน ขอบอกว่าอร่อยมาก!!!!!!!!!! หลังจากนั้นก็เดินรอบๆเกาะ เจอชายหาดที่สะอาดมาก แต่ติดตรงที่มีขยะนิดหน่อยจากนักท่องเที่ยวรายวัน
ไม่เข้าใจว่าทำไมคนถึงไม่สามารถให้กระป๋องขยะได้ อ่าวใหญ่สะอาดมากและไม่มีกลิ่นเหม็นอะไรเลย เราเดินไปเรื่อยๆถึงพิพิธภัณฑ์ปะการัง ซึ่งมีแค่ปะการังห้อยลงมาจากต้นไว้ ระหว่างทางที่ไป มีชายหาดที่ข้อนค้างสวย แต่มีขยะเต็มไปหมดรวมถึงทางเดินไปพิพิธภัณฑ์ด้วย เราบอกกับลูกชายเจ้าของไปว่าน่าจะทำความสะอาดตรงนี้หน่อย ส่วนตัวก็คิดว่าขยะพวกนี้มาจากคลื่นซัดมาจากแถวแผ่นดินใหญ่มากกว่า ตอนที่เดินไปพิพิธภัณฑ์ปะการังหลังจากพายุแล้ว ก็เจอร้านดำน้ำมีป้ายเขียนว่า ระวังงูพิษที่ชอบอยู่ตามใบไม้ที่ร่วงแล้วหลังพายุด้วย เกลียดงู! แต่ก็ไม่ได้เจอสักตัว ส่วนมากก็ใช้เวลาไปดำน้ำ บอยเป็นคนที่ดูแลเกี่ยวกับเรือและก็เป็นคนที่นิสัยดีและกันเอง
เค้าว่ายน้ำกับเราและโชว์ให้ดูชีวิตใต้น้ำที่น่าสนใจมาก แต่น้ำไม่ค่อยใสเท่าไหร่ ก็เลยไม่มีปลาเยอะเท่าที่ควรจากที่หวังเอาไว้ ถ้าให้คะแนนจาก 1-10 ดำน้ำครั้งนี้ก็ประมาณ 6 มันก็ดีที่ได้มีโอกาสไปดูชีวิตใต้น้ำบ้าง ซึ่งเมื่อเช้าก็ไปมาอีก แต่พอคลื่นลงแล้วมันลงจริงๆ เวลาเดินก็ต้องระวังพวกปะการังด้วย เพราะมันแหลมคม แล้วก็แย่มากที่นักท่องเที่ยวบางคนยังคนจับปะการังทั้งๆที่บอยก็บอกแล้วว่าอย่าจับ ปะการังส่วนมากก็ตายไป เพราะชาวปะมงเคยใช้ระเบิดเพื่อจับปลา และนักท่องเที่ยวไม่ช่วยกันรักษาอีก เราก็มองตัวเองในฐานะคนที่มาเยือนมากกว่านักท่องเที่ยว ซึ่งอยากจะทำให้มันดีกว่าตอนที่ได้มาเจอ
พอดีลืมทาครีมกันแดดที่ข้างหลังขาก็เลยโดนแดดเผาเข้าให้ ระวังกันด้วย ถึงแม้จะเป็นวันที่มีเมฆเยอะแต่แดดก็ยังร้อนแรงอยู่ดี มีผู้หญิงคนนึงวิ่งที่ไปอโรเวร่าสดๆ มาให้เพื่อสมานแผล น่ารักมาก! หลังจากนั้นก็ไปนวด ราคาถูกและดีมาก พื้นที่อนุรักษ์เต่าก็น่าสนใจ มีเต่ามาและวางไข่บนชายทะเล เต่าพวกนี้จะต้องอยู่ในพื้นที่จนกว่าจะอายุ 1 ปี หลังจากนั้นก็จะถูกปล่อยออกมา เพื่อที่เต่าจะได้มีโอกาสอยู่ได้ยาวนานขึ้น รู้สึกมีความสุขมากๆ
พนักงานดีมาก ๆ และพยายามทำทุกอย่างที่เขาทำได้เพื่อให้ฉันพักสนุก ลูกชายของเจ้าของบอกว่าพ่อของเขาอยากสร้างโรงแรมในตัวเมืองใกล้กับท่าเรือ ดูพวกเขากำลังพยายามปรับปรุงกิจการทั้งหมด ฉันจะกลับไปอีกครั้งในบางเวลาเพราะมันผ่อนคลายและสนุกมาก