เพราะโรงแรมควอลิตี้สวีทส์โทบเปียกขึ้นคะแนนค่าห้องพักจาก 8000 แต้มเป็น 20,000 แต้มต่อคืนภายในแค่เพียง 6 เดือนเท่านั้น (!!!) ซึ่งฉันถือว่าเป็นการดูถูกสติปัญญาของฉัน ฉันเลยตัดสินใจลองพักที่ไอบิส สไตล์สดู (โรงแรมเอ็กซ์-ออลซีซั่น) ที่อยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินโทรเปียก มันห่างจากโรงแรมควอลิตี้สวีทส์ที่เคยพักไปแค่ประมาณครึ่งช่วงตึกเท่านั้น ฉันพักที่ไอบิส สไตล์สหนึ่งคืนในวันเสาร์ที่ 8 ธันวาคม 2555 และฉันได้ห้องเบอร์ 404 หันหน้าเข้าหา SW และสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินโดลเปียกเห็นวิวอย่างเต็มที่ด้วยสนนราคา 105 ฟรังก์รวม WiFi + อาหารเช้า ซึ่งคิดเป็นเงิน 135 ดอลล่าห์แต่ฉันคาดหวังว่าจะได้อาหารเช้าที่ดีกว่าสำหรับราคาดังกล่าว
ขนาดห้องค่อนข้างเล็ก (ประมาณครึ่งหนึ่งของควอลิตี้สวีทส์ห่างไปอีกแค่ครึ่งช่วงตึกอย่างที่เขียนไว้ อยู่ถนนฝั่งเดียวกัน) พร้อมโต๊ะตัวเล็กจ้อย เล็กเสียยิ่งกว่าตัวที่โรงแรม Lux ที่Boulevard de Picpus เสียอีกซึ่งฉันก็ได้โพสต์รีวิวไว้ใน Trip Advisor วันที่ 21 ธันวาคม 2552 ความจริงแล้วโต๊ะมันตัวเล็กมากจนต้องใช้เป็นโต๊ะทานอาหารเช้าบนเตียงแทนที่จะใช้เป็นโต๊ะเขียนหนังสือ
มีโต๊ะข้างหัวเตียงเป็นพลาสติกสีขาวติดเต้าเสียบไว้ด้านบนตั้งอยู่ทั้งสองฝั่งของเตียง (อย่าลืมซื้อหม้อแปลงไฟและตัวแปลงของอเมริกา/ ยุโรปก่อนออกจากสหรัฐ) และมีแอลซีดีทีวีขนาด 32 นิ้วฉายช่องของฝรั่งเศส มีช่องเดียวที่เป็นของอังกฤษนั่นคือ ซีเอ็นเอ็น มีแอร์ อุปกรณ์ทำความร้อนที่รับไหวกับอุณหภูมิภายนอกของคืนนั้นที่ 0° เซลเซียส (= 32 ฟาเรนไฮท์) มีตู้เย็นขนาดเล็ก (ขนาดเดียวกับที่โรงแรมคลี เมืองมอนเตวิเด - ดูความคิดเห็นของฉันเกี่ยวกับ Ta โพสต์วันที่ 1 มกราคม 2012 - เป็นประตูกระจกใสไม่ใช่ขาวทึบ) แต่ไม่มีน้ำแข็ง ไม่เหมือนกับตู้เย็นเล็กที่คลี ท้ายสุด ก็มีที่วางกระเป๋าแต่ไม่มีพื้นที่มากพอให้วางมันได้ในห้องเล็ก ๆ นี้!
มีห้องอาบน้ำเล็ก ๆ ที่มีอ่างอาบน้ำสะอาดพอสมควรและฝักบัวแบบ "โทรศัพท์" ที่มีสายยาว แต่ไม่มีอะไรที่เทียบได้กับอ่างอาบน้ำสีขาวนวลองเบสท์เวสเทิร์น "โฮเทล เดอ ฟร็องซ์" ในบูร์ก็องแบรส ซึ่งฉันได้โพสต์รีวิวไว้ในวันที่ 16 มิถุนายน 2555 ไม่มีผ้าม่านห้องน้ำ (เป็นเหมือนกับห้องอาบน้ำขนาดใหญ่ของโฮเทล เดอ ฟร็องซ์) ดังนั้นคุณจึงทำให้พื้นเปียกหมดไม่ว่าจะระวังปานไหน ห้องอาบน้ำมีกระจกขนาดใหญ่มากและจะพบอีกอันตรงประตูทางเข้า มีชั้นวางของสวย ๆ อยู่เหนือชักโครก สะดวกต่อการวางพวกเครื่องใช้ที่ได้แจกมาจากสายการบินและวิทยุทรานซิสเตอร์ ถ้าคุณอยากฟังช่อง 101.1 FM "เรดิโอ คลาสิก" ระหว่างที่ไปเที่ยวเยี่ยมชมตามที่ที่สำคัญที่สุดของทุกบ้าน
เป็นเหมือนเคย ที่ไม่มีเก้าอี้โซฟาบุหนัง มีแต่เก้าอี้ไม้ไร้เบาะ เป็นแบบเดียวกับในโรงแรมไอบิสทุกสาขาที่ฉันลองพักมาไม่ว่าจะเป็นที่ฝรั่งเศส ออสเตรียล อาร์เจนติน่า บราซิล และเปรู เหมือนกับแม็คโดนัลด์ที่คุณจะไม่เคยสับสนว่ามันคือร้านอะไร ไม่ว่าคุณจะไปที่สาขาไหนก็ตาม! ห้องเบอร์ 404 มีหน้าต่างกระจกสองชั้นที่มีประสิทธิภาพมาก แต่ละชั้นห่างกันหลายนิ้ว คุณจะไ้ด้ยินเสียงดังจากการจราจรด้านนอกน้อยมาก (ยกเว้นตอนที่มนุษย์หินกรีดร้องตอนตีสาม เหมือนกับทาซานร้องเรียกชีต้าในป่า) แต่ด้านในเสียงดังมาก คุณจะได้ยินเพื่อนข้างห้องเดินไปเดินมา เปิดปิดประตู และคุณยังได้ยินบทสนทนาบนเตียงของคู่รักในห้องถัดไปโด้ไม่ต้องลุกจากเตียงของคุณเองเลย! ก็เหมือนกับที่ในโรงแรมลักซ์ แต่ราคาสูงกว่าเกือบสองเท่าตัว
นี่เป็นที่ซึ่งต้องใช้วิทยุทรานซิสเตอร์ที่ซื้อมาจาก Sharper Image ที่มีเสียงสงบอารมณ์ 20 เสียงมาช่วย... โรงแรมสไตล์ไอบิสนี้สะดวกมากเพราะตั้งอยู่ใกล้กับ Rue De Tolbiac (แม้ว่าจะไม่สะดวกเท่าโรงแรมไอบิสดั้งเดิมที่อยู่บนถนน Avenue d'italie ซึ่งฉันก็ได้รีวิวไว้ แต่ตอนนี้ขึ้นราคาเป็น 135 ยูโรและไม่มีอาหารเช้า!) ในระยะทางที่เดินไปได้จากห้องสมุด François Mitterrand และ Place d'Italie อย่างไรก็ดี ในราคาที่เท่ากันหรือน้อยกว่า โรงแรม Quality Suites ที่อยู่ไกลออกไปครึ่งบล็อกคุ้มค่ากว่า แม้ว่าจะไม่มีอาหารเช้า! สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมในการเดินทางมาสนามบินเดอโกลล์โดยรถสาธารณะ รวมถึงรถประจำทางในบริเวณนี้ กรุณาอ่านรีวิวโรงแรม Quaity Suites ของฉันที่โพสต์ในวันที่ 21 ธ.ค. 2009
ขอให้ฉันพูดถึงเรื่องนั้น ตอนที่ฉันออกมาจากสนามบินในวันเสาร์ของเดือนธ.ค. 2555 มีผู้หญิงประมาทคนหนึ่งขับรถชนเข้ากับรถโดยสารสาย 351 และทำเอากระจกรถด้านซ้ายของเธอแตก แม้ว่ามันจะไม่ใช่ความผิดของคนขับของเรา แต่ทุกคนก็ต้องลงจากรถและคอยคันต่อไปที่จะมาอีก 30 นาที แต่เนื่องจากเที่ยวบินจากไมอามี่มาถึงตอน 9 โมงเช้าและคุณจะเข้าห้องพักของโรงแรมไม่ได้จนกว่าจะเที่ยง (บางทีก็เอาเปรียบให้คุณรอจนถึงบ่าย 2 หรือบ่าย 3!) นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ยกเว้นแต่ตอนที่อากาศเย็นจัดประมาณ 32 องศาฟาเรนไฮต์ ซึ่งก็ทำให้คนสูงวัยที่อาศัยอยู่แถบหาดไมอามี่ที่มีแสงแดดอบอุ่นตลอดทั้งปีต้องทนหนาวสั่นงันงกเลย! ท้ายสุด บุฟเฟ่ต์อาหารเช้า (เสริฟตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึง 10 โมงเช้าทุกวันและตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึง 11 โมงเช้าในวันอาทิตย์!)
เยอะและก็หลากหลาย: นม ซีเรียลสามอย่าง มินิครัวซองที่อร่อยสุดยอดสามแบบ (เนย ช็อคโกแลตและลูกเกด) ขนมปังฝรั่งเศส (ของจริง!) และขนมปังดำ ชีส แฮม ไข่ต้ม แยมหลากรส น้ำผลไม้ โยเกิร์ต ผลไม้สด ฟรุตค็อกเทล เป็นต้น หลังอิ่มอาหารเช้ามื้อโต ฉันตบท้ายด้วยกาแฟเอสเพรสโซ่กดจากเครื่องบริการตนเอง แต่รสชาติไม่ดีเท่ากับที่ฉันดื่มเมื่อเดือนพฤษภาคม 2555 ที่อีแทป เีวียน เมสเซอในกรุงเีวียนนา ซึ่งฉันก็ได้โพสต์รีวิวไว้แล้ว
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด พนักงานดูแลอาหารเช้าสุภาพเป็นที่สุด เป็นมิตรและคอยช่วยเหลือ แต่เราก็ไม่รู้ว่าเธอพูดอังกฤษได้หรือไม่เพราะเราสื่อสารกันเป็นภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาที่ฉันถนัดมากที่สุด มีแขกลงมาทานตอน 7 โมงเช้าแค่...เพราะโรงแรมควอลิตี้สวีทส์โทบเปียกขึ้นคะแนนค่าห้องพักจาก 8000 แต้มเป็น 20,000 แต้มต่อคืนภายในแค่เพียง 6 เดือนเท่านั้น (!!!) ซึ่งฉันถือว่าเป็นการดูถูกสติปัญญาของฉัน ฉันเลยตัดสินใจลองพักที่ไอบิส สไตล์สดู (โรงแรมเอ็กซ์-ออลซีซั่น) ที่อยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินโทรเปียก มันห่างจากโรงแรมควอลิตี้สวีทส์ที่เคยพักไปแค่ประมาณครึ่งช่วงตึกเท่านั้น ฉันพักที่ไอบิส สไตล์สหนึ่งคืนในวันเสาร์ที่ 8 ธันวาคม 2555 และฉันได้ห้องเบอร์ 404 หันหน้าเข้าหา SW และสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินโดลเปียกเห็นวิวอย่างเต็มที่ด้วยสนนราคา 105 ฟรังก์รวม WiFi + อาหารเช้า ซึ่งคิดเป็นเงิน 135 ดอลล่าห์แต่ฉันคาดหวังว่าจะได้อาหารเช้าที่ดีกว่าสำหรับราคาดังกล่าว
ขนาดห้องค่อนข้างเล็ก (ประมาณครึ่งหนึ่งของควอลิตี้สวีทส์ห่างไปอีกแค่ครึ่งช่วงตึกอย่างที่เขียนไว้ อยู่ถนนฝั่งเดียวกัน) พร้อมโต๊ะตัวเล็กจ้อย เล็กเสียยิ่งกว่าตัวที่โรงแรม Lux ที่Boulevard de Picpus เสียอีกซึ่งฉันก็ได้โพสต์รีวิวไว้ใน Trip Advisor วันที่ 21 ธันวาคม 2552 ความจริงแล้วโต๊ะมันตัวเล็กมากจนต้องใช้เป็นโต๊ะทานอาหารเช้าบนเตียงแทนที่จะใช้เป็นโต๊ะเขียนหนังสือ
มีโต๊ะข้างหัวเตียงเป็นพลาสติกสีขาวติดเต้าเสียบไว้ด้านบนตั้งอยู่ทั้งสองฝั่งของเตียง (อย่าลืมซื้อหม้อแปลงไฟและตัวแปลงของอเมริกา/ ยุโรปก่อนออกจากสหรัฐ) และมีแอลซีดีทีวีขนาด 32 นิ้วฉายช่องของฝรั่งเศส มีช่องเดียวที่เป็นของอังกฤษนั่นคือ ซีเอ็นเอ็น มีแอร์ อุปกรณ์ทำความร้อนที่รับไหวกับอุณหภูมิภายนอกของคืนนั้นที่ 0° เซลเซียส (= 32 ฟาเรนไฮท์) มีตู้เย็นขนาดเล็ก (ขนาดเดียวกับที่โรงแรมคลี เมืองมอนเตวิเด - ดูความคิดเห็นของฉันเกี่ยวกับ Ta โพสต์วันที่ 1 มกราคม 2012 - เป็นประตูกระจกใสไม่ใช่ขาวทึบ) แต่ไม่มีน้ำแข็ง ไม่เหมือนกับตู้เย็นเล็กที่คลี ท้ายสุด ก็มีที่วางกระเป๋าแต่ไม่มีพื้นที่มากพอให้วางมันได้ในห้องเล็ก ๆ นี้!
มีห้องอาบน้ำเล็ก ๆ ที่มีอ่างอาบน้ำสะอาดพอสมควรและฝักบัวแบบ "โทรศัพท์" ที่มีสายยาว แต่ไม่มีอะไรที่เทียบได้กับอ่างอาบน้ำสีขาวนวลองเบสท์เวสเทิร์น "โฮเทล เดอ ฟร็องซ์" ในบูร์ก็องแบรส ซึ่งฉันได้โพสต์รีวิวไว้ในวันที่ 16 มิถุนายน 2555 ไม่มีผ้าม่านห้องน้ำ (เป็นเหมือนกับห้องอาบน้ำขนาดใหญ่ของโฮเทล เดอ ฟร็องซ์) ดังนั้นคุณจึงทำให้พื้นเปียกหมดไม่ว่าจะระวังปานไหน ห้องอาบน้ำมีกระจกขนาดใหญ่มากและจะพบอีกอันตรงประตูทางเข้า มีชั้นวางของสวย ๆ อยู่เหนือชักโครก สะดวกต่อการวางพวกเครื่องใช้ที่ได้แจกมาจากสายการบินและวิทยุทรานซิสเตอร์ ถ้าคุณอยากฟังช่อง 101.1 FM "เรดิโอ คลาสิก" ระหว่างที่ไปเที่ยวเยี่ยมชมตามที่ที่สำคัญที่สุดของทุกบ้าน
เป็นเหมือนเคย ที่ไม่มีเก้าอี้โซฟาบุหนัง มีแต่เก้าอี้ไม้ไร้เบาะ เป็นแบบเดียวกับในโรงแรมไอบิสทุกสาขาที่ฉันลองพักมาไม่ว่าจะเป็นที่ฝรั่งเศส ออสเตรียล อาร์เจนติน่า บราซิล และเปรู เหมือนกับแม็คโดนัลด์ที่คุณจะไม่เคยสับสนว่ามันคือร้านอะไร ไม่ว่าคุณจะไปที่สาขาไหนก็ตาม! ห้องเบอร์ 404 มีหน้าต่างกระจกสองชั้นที่มีประสิทธิภาพมาก แต่ละชั้นห่างกันหลายนิ้ว คุณจะไ้ด้ยินเสียงดังจากการจราจรด้านนอกน้อยมาก (ยกเว้นตอนที่มนุษย์หินกรีดร้องตอนตีสาม เหมือนกับทาซานร้องเรียกชีต้าในป่า) แต่ด้านในเสียงดังมาก คุณจะได้ยินเพื่อนข้างห้องเดินไปเดินมา เปิดปิดประตู และคุณยังได้ยินบทสนทนาบนเตียงของคู่รักในห้องถัดไปโด้ไม่ต้องลุกจากเตียงของคุณเองเลย! ก็เหมือนกับที่ในโรงแรมลักซ์ แต่ราคาสูงกว่าเกือบสองเท่าตัว
นี่เป็นที่ซึ่งต้องใช้วิทยุทรานซิสเตอร์ที่ซื้อมาจาก Sharper Image ที่มีเสียงสงบอารมณ์ 20 เสียงมาช่วย... โรงแรมสไตล์ไอบิสนี้สะดวกมากเพราะตั้งอยู่ใกล้กับ Rue De Tolbiac (แม้ว่าจะไม่สะดวกเท่าโรงแรมไอบิสดั้งเดิมที่อยู่บนถนน Avenue d'italie ซึ่งฉันก็ได้รีวิวไว้ แต่ตอนนี้ขึ้นราคาเป็น 135 ยูโรและไม่มีอาหารเช้า!) ในระยะทางที่เดินไปได้จากห้องสมุด François Mitterrand และ Place d'Italie อย่างไรก็ดี ในราคาที่เท่ากันหรือน้อยกว่า โรงแรม Quality Suites ที่อยู่ไกลออกไปครึ่งบล็อกคุ้มค่ากว่า แม้ว่าจะไม่มีอาหารเช้า! สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมในการเดินทางมาสนามบินเดอโกลล์โดยรถสาธารณะ รวมถึงรถประจำทางในบริเวณนี้ กรุณาอ่านรีวิวโรงแรม Quaity Suites ของฉันที่โพสต์ในวันที่ 21 ธ.ค. 2009
ขอให้ฉันพูดถึงเรื่องนั้น ตอนที่ฉันออกมาจากสนามบินในวันเสาร์ของเดือนธ.ค. 2555 มีผู้หญิงประมาทคนหนึ่งขับรถชนเข้ากับรถโดยสารสาย 351 และทำเอากระจกรถด้านซ้ายของเธอแตก แม้ว่ามันจะไม่ใช่ความผิดของคนขับของเรา แต่ทุกคนก็ต้องลงจากรถและคอยคันต่อไปที่จะมาอีก 30 นาที แต่เนื่องจากเที่ยวบินจากไมอามี่มาถึงตอน 9 โมงเช้าและคุณจะเข้าห้องพักของโรงแรมไม่ได้จนกว่าจะเที่ยง (บางทีก็เอาเปรียบให้คุณรอจนถึงบ่าย 2 หรือบ่าย 3!) นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ยกเว้นแต่ตอนที่อากาศเย็นจัดประมาณ 32 องศาฟาเรนไฮต์ ซึ่งก็ทำให้คนสูงวัยที่อาศัยอยู่แถบหาดไมอามี่ที่มีแสงแดดอบอุ่นตลอดทั้งปีต้องทนหนาวสั่นงันงกเลย! ท้ายสุด บุฟเฟ่ต์อาหารเช้า (เสริฟตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึง 10 โมงเช้าทุกวันและตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึง 11 โมงเช้าในวันอาทิตย์!)
เยอะและก็หลากหลาย: นม ซีเรียลสามอย่าง มินิครัวซองที่อร่อยสุดยอดสามแบบ (เนย ช็อคโกแลตและลูกเกด) ขนมปังฝรั่งเศส (ของจริง!) และขนมปังดำ ชีส แฮม ไข่ต้ม แยมหลากรส น้ำผลไม้ โยเกิร์ต ผลไม้สด ฟรุตค็อกเทล เป็นต้น หลังอิ่มอาหารเช้ามื้อโต ฉันตบท้ายด้วยกาแฟเอสเพรสโซ่กดจากเครื่องบริการตนเอง แต่รสชาติไม่ดีเท่ากับที่ฉันดื่มเมื่อเดือนพฤษภาคม 2555 ที่อีแทป เีวียน เมสเซอในกรุงเีวียนนา ซึ่งฉันก็ได้โพสต์รีวิวไว้แล้ว
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด พนักงานดูแลอาหารเช้าสุภาพเป็นที่สุด เป็นมิตรและคอยช่วยเหลือ แต่เราก็ไม่รู้ว่าเธอพูดอังกฤษได้หรือไม่เพราะเราสื่อสารกันเป็นภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาที่ฉันถนัดมากที่สุด มีแขกลงมาทานตอน 7 โมงเช้าแค่ 2 คนเท่านั้น ทั้งคู่เป็นคนฝรั่งเศส พนักงานก็สุภาพต่อเขาเช่นเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตาม ฉันเดาเอาว่าเธอก็คงพูดอังกฤษได้ บุฟเฟ่ต์อาหารเช้าที่มีให้เลือกหลากหลายมากมายนี้ช่วยให้คุ้มค่าเงินที่จ่ายไป 105 ยูโรมากขึ้น ซึ่งโรงแรมขนาดสองดาวหลายแห่งทั่วไปในปารีสในปัจจุบันที่มีห้องที่เล็กแสนเล็กและมีเสียงดังรบกวนและก็เก่ามากต่างพากันบวกค่าอาหารเช้าเพิ่ม มีแต่ที่ควอลิตี้สวีทซ์เท่านั้นที่จะคุ้มเงินกว่าถ้าค่าห้องอยู่ในอัตราใกล้เคียงกับ 110 ยูโร แม้จะไม่รวมอาหารเช้าก็ตามเพิ่มเติม
ย่อ