สถานที่เที่ยวนี้เป็นคลองหลักหรือเส้นทางเดินเรือในการร่องเรือชมคลองสายต่างๆ ในเวนิส... อ่านเพิ่มเติม
สถานที่เที่ยวนี้เป็นคลองหลักหรือเส้นทางเดินเรือในการร่องเรือชมคลองสายต่างๆ ในเวนิส... อ่านเพิ่มเติม
เมื่อได้มาเยือนเมืองเวนิสแห่งความโรแมนติกแล้ว เดินเล่น ช้อปปิ้ง เล่นนั่งเรือกอนโดร่า ในราคาลำละ 120... อ่านเพิ่มเติม
สวยงามเหมือนภาพวาดและดูโรแมนติกมาก เป็นที่ๆทะเลสวยเรือสวย เมฆสวยทุกอย่างลงตัวไปหมด ถ่ายรูปออกมาก็ยังไม่สวยเท่าตาเห็น อยากจะไปพักอยู่สักเดือน ขอแนะนำให้มาดูด้วยตนเอง
ทันที ที่เหยียบ รู้สึกใช่เลยเป็นเมืองที่สวยงามสงบ ไม่ว่าจะถ่ายรูปมุมไหนก็สวยงามมากเหมือนมีมนต์ ถนนซอกซอยสวยงาม เราไปหน้าร้อนอากาศก็ไม่ร้อนมีลมโชยเย็นสบาย มิลานนะร้อนตับแตกมาก อยากไปอีกจังคิดถึงชีวิตที่happyในเวนิช
เราไม่ได้นั่งนะคะ เพราะคนจีนนั่งเยอะมากแล้วแบบโวยวายกันข้ามเรือเราก็เลยเดินเอากับนั่งเรือโดยสารที่ซื้อตั๋วรายสองวันเอา
ข้อดีคือสถานที่แห่งนี้สวยงามเหมือนภาพวาด น้ำทะเลสีคราม ในขณะที่บ้านเรือนสีสดใสแต่ถ้ามาช่วงท่องเที่ยว เรือเมล์คนจะเยอะหน่อย ค่อนข้างเบียดเสียด
คลองที่มีชื่อเสียงในด้านการท่องเที่ยวและเป็นจุดหมายปลายทางหลักของนักท่องเที่ยวที่อยากล่องเรือกอนโดล่า หรือที่เราเรียกกันว่าเรือแจว ลัดเลาะไปตามคลองที่มีความยาวประมาณ 3,800 เมตร และมีความกว้างประมาณ 30-90 เมตร นักท่องเที่ยวจะได้ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆต่างๆของ เวนิสมากมาย
เมื่อกลางปีที่แล้วพึ่งมีโอกาสได้ไปเที่ยวที่เวนีซกับเพื่อนๆ หลังจากที่มาใช้ชีวิตอยู่ที่อิตาลีเป็นเวลาเกือบ 2 ปี การเดินทางของพวกเราลงความเห็นกันว่าใช้การเดินทางทางรถยนตร์ส่วนตัว เพื่อที่จะได้แวะพัก แวะกินกันได้อย่างสะดวก รวมถึงประหยัด เพราะเราเดินทางกันทั้งหมด 5 คนด้วยกัน ถ้าไปโดยใช้บริการรถไฟจะเสียค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างแพงกว่า แต่ถ้าเพื่อนๆ คนไหนจำเป็นที่จะต้องเดินทางโดยรถไฟก็สามารถเข้าไปดูข้อมูลการเดินรถได้ที่ http://www.trenitalia.com ส่วนคนที่เดินทางโดยรถยนตร์ส่วนตัวจะเสียค่าที่จอดรถไม่ต่ำกว่า 30 € / วัน แต่ถ้าไปกันหลายคนอย่างไงก็ประหยัดกว่าแน่นอน เราไปกัน 2 คืน 3 วัน เดินทางจาก Savona ใช้เวลาร่วม 5 ชั่วโมง ค่าน้ำมันร่วมค่าทางด่วนไป - กลับประมาณ 300 € พอไปถึงเราก็หาที่จอดรถที่ใกล้ท่าเรือที่สุดชื่อว่า Garage San Marco S.P.A
เบอร์โทร 041-523-2213 ค่าบริการก็อย่างที่บอกไว้ด้านบน 30 € / วัน แต่มีที่ใกล้กันนะคะไปถามคิดเป็นรายชั่วโมงเท่าไหร่ไม่แน่ใจ จำไม่ได้ แต่ที่จำได้คือแพง...ง...ง...งม๊าก..ก...ก..ก
หลังจากฝากรถคนเสร็จเรียบร้อยเราก็เดินข้ามถนนมานิดนึงก็จะถึงจุดขายตั๋วเรือโดยสารภายในเวนีซซึ่งมีราคาแบ่งย่อยดังนี้
60 นาที 6.50 €
12 ชม. 16 €
24 ชม. 18 €
36 ชม. 23 €
48 ชม. 28 €
72 ชม. 33 €
7 วัน 50 € ดูรายละเอียดค่าโดยสารได้ที่ Water Bus Travel Cards ตั๋วนี่เราสามารถหาซื้อได้ทั้งที่ หน้าท่าเรือ ร้านประเภท kiosk และ tourist information ถ้าซื้อที่หน้าท่าเรือก็จะมีประทับวันเวลาที่ซื้อเลย แต่ถ้าซื้อที่ tourist information ก็ต้องเอาไปผ่านเครื่องสแกนหน้าท่าเรือ
พวกเราซื้อแบบ 24 ชม.คะเพราะไปอยู่หนึ่งคืน แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่าพวกเราไปถึงก็เย็นมากแล้วเกือบๆทุ่มแล้วคะเพราะฉนั้นตั๋วเรือวันนั้นก็แค่เข้าที่พัก แล้วทิ้งเวลาไปเปล่าๆ 10 กว่าชม. เท่ากับเช้าอีกวันเรามีตั๋วเรือเที่ยวรอบเกาะจรดหนึ่งทุ่ม แต่เช้าอีกวันเราต้องซื้อตั๋วกลับขึ้นฝั่ง แต่เรามีเจ้าถิ่นแนะนำว่าจากที่พักไปขึ้นฝั่งลักไก่ได้คือ เรือโดยสารในเวนิซจะไม่ค่อยมีคนตรวจตั๋วยกเว้นบางเกาะที่จะมีเครื่องตรวจอัตโนมัติ แต่ก็แปลกใจกลับเป็นเกาะเล็กๆ อย่างเกาะบูราโน่Burano และอีกทีรู้สึกจะเป็นอีกท่าใกล้ๆ กับแกรน์คาร์เนลรึเปล่าไม่แนใจ เราก็จัดไปลองของ(แต่ขอบอกว่าอย่าลองดีกว่านะคะ เพราะถ้าถูกจับได้ไม่คุ้มเขาปรับหนักน่าดูเหมือนกัน) แต่ที่เราทำก็มีเหตุผลเหมือนกันคะเดียวจะเล่าให้ฟังที่หลัง มาต่อกันที่นั่งเรือจากท่าเรือเข้าที่พักกันเลยคะ พวกเราหาพี่พักแบบโฮมสเตย์ของคนไทย ไม่หรูหรา แต่ราคาสบายกระเป๋าบวกกะความกันเอง มีกาแฟ เครื่องครัวให้ทำอาหารทานกันเองได้ซึ่งพวกเราก็จัดกันไปตรึ๋มให้สมกับเราชาวไทย"กองทัพต้องเดินด้วยท้อง" ที่เสบียงแยอะเพราะพวกเราไม่ค่อยได้เจอกันเพื่อนๆ ลาพักร้อนมาจากฝรั่งเศษนานๆ เจอกันที่เราเลยเตรียมเสบียงอาหารบ้านเรามาเพรียบ เรียกว่าร้านอาหารแทบไม่ได้แอ้มตังค์ฉันละ^^
ข้อมูลที่พักก็นี้เลยคะ www.hostelsclub.com/hostel-en-14480.html
เบอร์โทรก็ตามนี้คะ +39 3492353535 ติดต่อคุโจ้
ส่วนE- Mail pandavenice@yahoo.co.th ไม่แน่ใจว่ายังใช้อันนี้อยู่หรือเปล่าเพราะคุณโจ้เคยบอกว่านี่เป็นเมลล์เก่า แบบบ้านก็ 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ห้องครัวบวกห้องนั่งเล่น มีไวไฟฟรี อยู่ใจกลางSan Marco เดินทางสะดวกมาก สามารถเดินเที่ยวซื้อของกลางคืนได้อย่างสบายๆ ไม่ต้องกลัวว่าเรือจะหมด ทั้งหลังพักได้ 4 คน (แต่ถ้าคุณมาน้อยกว่า 4 คนอาจได้แชร์บ้านกับคนอื่นนะคะ) เว้นเสียแต่ว่าคุณจะใจป้ำเหมาทั้งหลังก็ 140 € แต่พวกเรามีกัน 5 คน จ่ายเพิ่มอีก 20 เป็น 160 € / คืน แต่เราต่อคะ ของอย่างนี้ต้องต่อ ก็ได้ลดกันไปอีก 10 € เอาคะยังไงก็ได้ค่าพิซซ่ากะโค้กละ
ออ...ที่เวนีซนี่เค๊าไม่มีแผนที่ไว้บริการนักท่องเที่ยวนะคะ นอกเสียจากตามบอร์ดที่ท่าเรือซึ่งก็ดูกันงงเลยที่เดียว เพราะฉนั่นเพื่อความแน่ใจกรุณาปริ้นส์ไปคะ เพราะถึงเวนิซจะเป็นเพียงเกาะเล็กๆ แต่ก็เป็นตรอกซอกซอยที่เล่นเอาเจ้าถิ่นยังงงเลยคะ แต่อย่างไรเสียที่พักของเราเจ้าของคนไทยก็แสนดีคะจัดแผนที่ให้เรา พร้อมกับอธิบายหมายเลขเรือที่จะไปในแต่ละทีคะ ซึ่งอันนี้ไม่สามารถให้รายละเอียดได้เพราะกลัวให้ไปอาจจะเกิดการผิดพลาดได้ ถ้าอยากได้ก็ไปพักกับคุโจ้แล้วกันนะคะ^^ (คุณโจ้จะเห็นรีวิวเราไหมนร๊า เพื่อมีเปอร์เซ็นต์ คริ คริ) หลังจากเข้าที่พักเราก็ไม่ออกไปไหนเลยคะเก็บแรงไว้สำหรับวันพรุ่งนี้^^
เช้าของอีกวันเราก็ตื่นกันแต่เช้าเลยคะ แนะนำว่าอย่าใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะกับการเดินนะคะ เพราะเวนิซไม่มีรถรับจ้าง ไม่มีสามล้อ ไม่มีม้า นะคะเดินกะนั่งเรือคะ และยิ่งเวลาน้อยอย่างพวกเรานี่แทบวิ่งกันเลยที่เดียว
- จุดแรกเราก็เริ่มจากนั่งเรือหน้าที่พักไปดูสถานที่เป่าแก้วอันลือชื่อที่เกาะมูราโน่ Murano เบอร์เรือขอไม่บอกนะคะ อย่างที่บอกไว้ด้านบนกลัวพลาดคะ ที่นี่เราก็สามารถดูการเป่าแก้วสดๆ ด้วยการจ่ายคนละ 3 € คนเข้าดูแยอะมาก แต่โชว์ไม่มีไรเลยคะคนโชว์เป็นชาวอิตาเลียน 2 คน อินเดีย 1 คน สบดแต่คำหยาบพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ที่ไปมีเรากะแฟนฟังออก 2 คน เพื่อนอีก 3 ก็ได้แต่ถามเค๊าพูดอะไรๆ ซึ่งเราก็ไม่กล้าบอกตรงๆ ว่าเค๊าสบดแต่คำหยาบๆ (รู้สึกแย่นิดหน่อย) ถ้าใครจะไปแนะนำให้ไปเดินซื้อของฝากดีกว่าคะที่นี่เดินดูร้านแก้วสวย ไม่ต้องเสีย 3 € เข้าไปดูคนหยาบคายสบายใจกว่าแยอะ เพราะหลังจากนั่นก็แค่ให้เดินวนร้านที่เค๊าขายแก้วซึ่งราคาแพง..ง..ง...งมาก แต่ละชิ้นไม่ต่ำกว่า 100 € ซึ่งเราต้องเดินแบบระวังๆ กลัวชนของเค๊าแตก แถมมีเด็ดกว่านั้นในร้านห้ามถ่ายภาพ อุ๊!! บ๊ะแม่เจ้า 3 € ก็ใช่น้อยนร๊าจร้า (โดยเฉพาะคนอิตาเลียน ตืดซะ) แต่ที่นี่เราก็จะหาซื้อพวกเครื่องประดับที่ทำจากแก้วราคาย่อมเยาว์ได้คะ เช่นชุดสร้อยคอรวมต่างหู 6 € แต่เลือกของระวังนะคะอย่าลืมว่ามันเป็นแก้ว เพื่อนจับไม่ระวังทำร่วงถูกจ่ายไปครึ่งราคาเพราะว่าแต่งแต่จี้ ต่างหูไม่แตก เค๊าก็เก็บต่างหูไว้ให้จี้แตกๆกะเราโดนไป 3 € แบบพูดไม่ออก
- ออกจากมูราโน่ Murano เราก็ไปต่อกันที่ บูราโน่ Burano กันเลยคะ เกาะนี้เหมือนจะไม่มีอะไรดึงดูด แต่ไอเดียของเค๊าทำให้ดึงดูดเราเข้าไปอย่างไม่รู้ตัว ของขึ้นชื้อก็จะเป็นผ้าลูกไม้คะ แต่พวกเราก็เมินคะ พอลงจากท่าเรือมาก็เกือบเที่ยงบวกกับความเมื่อย ร้อนเพราะพวกเราไปช่วงเดือนกรกฏราคม พวกเราก็จัดการเติมพลังกันก่อนที่ ร้าน Fritto อะไรสักอย่างอยู่ด้านซ้ายมือจากท่าเรือเลยคะ ขายอาหารเป็นชุดก็มีพวกมันฝรั่งทอดกับปลาทอด รึ มันฝรั่งกะปลาหมึกทอด กุ้งทอด เครื่องดื่มเลือกได้หนึ่งอย่าง ราคาก็มีตั้งแต่ 12, 14, 16 € แยอะ อิ่ม ถูก อร่อยพอใช้ได้(แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหิวรึเปล่านะ) หลังจากนั่นเราก็เริ่มการถ่ายรูปกันอย่างมากมายเพราะว่าที่นี่เค๊าจะทาสีบ้านสดใสๆ เหมาะกับการถ่ายภาพมากๆ และยังรู้มาว่ามีคนไทยมาเปิดร้านอาหารอยู่บนเกาะนี้นะคะแต่พวกเราก็ไม่ได้ไปอะคะเพราะหมดแรงซะก่อน และกลัวว่าเวลาจะไม่พอเข้าชมพิพิธภัณฑ์ที่ซานมาโคกันด้วย ออ...ที่นี่เพื่อนๆ ก็ได้ของฝากกันเปรียบคะเช่นหน้ากาก ที่ติดตู้เย็น หน้ากากเค๊าบอกว่าของแท้ต้องเป็นกระดาษนะคะ (อันนี้ไม่แน่ใจเขาบอกมาว่างั้น) ราคาก็หลากหลายคะแล้วแต่แบบ (แต่อย่าลืมต่อนนะคะ พวกเราเป็นนักท่องเที่ยวคะจะต้องต่อ เพราะเวลาที่ชาวอิตาเลียนมาเที่ยวเมืองไทยก็ชอบต่อคะ) คนอิตาลีเขตนี้ใช้ภาษาอังกฤษดีแทบทุกคนคะ เพราะเป็นแห่งนักท่องเที่ยวไม่ต้องกลัวว่าจะสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง แต่ถ้าได้ภาษาเค๊าก้อจะได้ลดง่ายเข้าไปอีก^^
- จุดที่สามจุดที่เสียเซลล์สุดๆ นี่ละคือเหตุผลที่เราไม่ซื้อตั๋วเรือตอนขากลับ แต่ลักไก่ คือเราเข้าไปซื้อตั๋วแล้วถามว่าเราซื้อแยกได้ไหม? เค๊าบอกคำเดียวไม่ได้ต้องซื้อรวม 4 ที่ มี Palazzo di Ducale, Museo Correr,Museo Archeologico, Sale Monumentali....Marciana เหตุผลคือเราอยากขึ้นหอนาฬิกาแต่ตั๋วไม่ได้ขายที่นี่ เค๊าขายกันที่Torre dell’ Orologio หอนาฬิกาเซนต์มาร์คราคาน่าจะอยู่ที่ 6 € ถ้ายังไม่เปลี่ยนแปลง ตกลงพวกเราก็ซื้อตั๋วกันคนละ 14 € ไม่แพงหรอก แต่ชมได้แต่ข้างนอก บางที่ข้างบนห้ามขึ้น ขึ้นได้ห้ามถ่ายภาพ ก็เข้าใจว่าของเก่าต้องเก็บรักษา คือเหมาะสำหรับคนที่ต้องการไปชมวัตถุโบราณจริงๆ ศึกษามาอย่างดีถึงจะมีความสุข ไม่มีไกด์ แต่จะมีคนนั่งเฝ้าตามจุดต่างๆ ระวังอย่างหนาแน่นกลัวนักท่องเที่ยวถ่ายภาพ 70 € นะคะ ไม่มีแม้นแต่แผนทีให้ แต่แต่ละทีก็ไม่ไกลกันหรอกคะ มีโบส์เปิดให้เข้าชมฟรี ตรงข้ามกับหอนาฬิกา แต่คนแยอะมาก แยอะจนห้าโมงเย็นเวลาปิดพอดี (ขอแนะนำเพื่อนๆ นะคะ ถ้าไม่ได้ตั้งใจไปศึกษาประวัติศาสต์ วัตถุโบราณแนะนำอย่าซื้อตั๋วคะ แค่เดินชมด้านนอก ก็สวยงามพอแล้ว ถ่ายภาพ ถ้าจะดูจริงให้ขึ้นหอนาฬิกา และนั่งเรือข้ามไปอีกฝั่งที่โบสถ์ Santa Maria della Salute นั่งเรือสาย 1 จาก San Zaccaria ไปยังท่า Salute โบสถ์ Santa Maria della Salute โบสถ์หินอ่อนสไตล์บารอค ดีกว่าคะ) แต่อาจเป็นเพราะเวลาเราน้อย เหนื่อย หิวทำให้ชมอย่างไม่มีความสุขก็ได้คะ แต่หลังจากห้าโมงเราก็เดินกลับที่พักอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้คะ พักเอาแรงกันนิดนึง แล้วเราก็ออกมาเดินดูแสงสีของซานมาโคกันคะรวมถึงเรือกอนโดลาอันลือชื่อด้วย แต่พวกเรารวมความเห็นกันว่าไม่นั่ง เรือกอนโดล่านั่งได้ 6 คนต่อลำค่ะ ราคาก็ประมาณ 80 €/ 40 – 60 นาที แล้วยังมีแบบทัวร์ไว้ให้บริการ เรียกว่า Gondola Serenade ราคาก็อยู่ที่ประมาณ 38 € / คน
ออ..ส่วนร้านอาหารในคืนสุดท้ายเราก็ไปกินร้านอาหารอิตาเลียนคะ จำชื่อไม่ได้อาหารอร่อย แต่มีบวกเซอร์วิสชาร์จแพงนิ๊ดนึง ไวน์แดงขวดเล็กในเมนูเขียนไว้ที่ 12 € แต่ตอนคิดเงินดันเป็น 14 € ซะงั้น เพราะฉนั้นนั่งบาร์ เข้าร้านอาหารต้องระวังคะ^^
จบทริปนี้ด้วยรูปถ่ายมากกว่าสองร้อยรูปคะ^^
ความสุขของการได้เที่ยวคือการได้เจอะเจอประสบการณ์ใหม่ๆ ประทับใจบ้าง ไม่ประทับใจบ้าง แต่สุดท้ายมันคือความทรงจำที่ดีคะ และพอเวลาเรานึกถึงเหมือนเราได้ย้อนกลับไปจุดนั้นและสามารถสูดหายใจเอากลิ่นไอและโอโซนของมัน!! ขอให้เที่ยวให้สนุกนะคะ ^^