อ่างขางวิลลาอยู่ติดริมเขา ห้องพักอยู่บนเนินเขาได้บรรยากาศเย็นสบายถึงหนาวเลยเพราะไปตอนหน้าหนาว ถ้าใครได้ห้องพักที่อยู่สูงมากรับรองได้เดินออกกำลังแน่เพราะทางเดินไปห้องพักเป็นทางเหมือนเดินขึ้นเขาเลย ห้องพักไม่ใหญ่แต่ที่แปลกคือ เวลาอาบน้ำที่นี้ใช้เครืองทำน้ำอุ่นแบบใช้แก๊ส ใช้แก๊สจริง ๆ เพราะเห็นมีถึงแก๊สตั้งอยู่ข้างนอกใกล้ห้องน้ำ เวลาอาบน้ำจึงไม่ควรอาบน้ำนานเกินไป เพราะเราจะดมกลิ่นแก๊สนานเกินไป ด้านล่างจะเป็นร้านอาหารเวลาตอนเย็นจะมีร้านขายของและขายอาหารมาตั้งขายให้เดินเที่ยวมีอาหารแปลกที่ไม่ค่อยเห็นที่อื่นเช่น เครื่องดื่มร้อน ๆ แก้หนาว

ดิชั้นไปที่นี่เป็นครั้งที่สองแล้ว แต่ครั้งนี้ไม่ได้พักเองเพราะดิชั้นกับแฟนจะนอนเต้นท์ จึงจองให้เพื่อนอีกสามคนพักที่นี่แทนซึ่งจองและทำการโอนมาภายใต้ชื่อของแฟนดิชั้น เราไปเช็คอินช่วงเที่ยงซึ่งก็แน่นอนอยู่แล้วว่าห้องยังไม่ได้เนื่องจากเป็นช่วงhigh season ยิ่งเป็นวันที่30 ธันวาคมแล้วด้วย พนักงานบอกว่าบ่ายสองโมงครึ่ง พวกเราก็เข้าใจเพราะว่าดิชั้นกับแฟนก็ทำงานโรงแรม พวกเราเข้าใจนโยบายและหัวอกพนักงานด้วยกันเป็นอย่างดี เรากลับมาเช็คอินอีกทีช่วงเริ่มมืด แฟนดิชั้นก็เอารถเข้ามาจอดตรงบริเวณที่โรงแรมมีให้ ดิชั้นกับเพื่อนก็ไปเอากุญแจ ตอนเอากุญแจเจ้าของผู้ชายก็บอกว่าขอทำการมัดจำกุญแจห้องไว้ 200บาท ดิชั้นก็ถามว่าแล้วไม่มีบิลให้เหรอคะ เค้าบอกว่าไม่มี ปกติก็แค่เขียนโน้ตแม็กติดกับเงินไว้ พอตอนมาเช็คเอาท์ผมก็จะเอาคืน เราก็เอะใจว่า เอิ่ม ก็เงินอยู่ที่คุณแล้วนี่ ทางดิชั้นก็ไม่มีหลักฐานอะไรสักอย่างตอนมาเอาเงินคืนสินะ!
พอเราเอากระเป๋าที่รถเดินผ่านเจ้าของผู้หญิงหันไปถามว่า"นี่พักกันกี่คน" "เราก็บอกไปว่าพักสามคน" เราแค่จะขึ้นไปส่งพื่อนเพราะมีกระเป๋าและต้องเดินขึ้นเนินไปไกลพอสมควร เค้าพูดอีกว่า"พักสามคนแต่จะขึ้นไปอาบน้ำทั้งห้าคนเลยเหรอ" ดิชั้นเริ่มมีอารมณ์นิดหน่อย เพราะน้ำเสียงที่เค้าถามไม่สุภาพเอาซะเลย หรือเพราะว่าเห็นเราเป็นเด็ก! เหมือนเป็นการคาดโทษกันซะอย่างงั้น ดิชั้นบอกไปว่า"ไม่อาบค่ะ แค่เอาของไปส่ง"
สักพักเราก็ออกไปกินข้าวกัน ประมาณ30-40นาทีหลังจากนั้น เจ้าของผู้หญิงโทรตามบอกว่าเราจะจอดรถที่นี่ไม่ได้เพราะเราไม่ได้พักที่นี่ เราก็เริ่มงงละว่า อ้าว เพื่อนเราไม่ใช่ลูกค้าคุณเหรอ ตอนแรกเราบอกค้าไปว่าจอดประมาณ 15นาที แต่ว่าเดินออกมากินข้าวกันเจ้าของแกเลยว่าเราโกหกแกล่ะมั้ง พวกเรากินข้าวกันเกือบเสร็จพอดีก็เลยรีบไปถามแกว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะชื่อที่จองและเงินที่โอนก็เป็นของแฟนเรา เราไม่ใช่ลูกค้าคุณหรอกเหรอ? แฟนดิชั้นก็ถามว่าถ้าผมให้เพื่อนไปนอนเต้นแล้วผมจะจอดรถที่นี่ได้มั้ย? เค้าบอกว่าได้ แล้วมันต่างกันยังไงถ้าสมมติว่ารถนั้นรถเป็นของเพื่อนเราที่พักล่ะ ยังไงซะหนึ่งในกลุ่มเราก็เป็นลูกค้าคุณ เจ้าของผู้หญิงก็พูดข้างๆคูๆไร้สาระและไร้ service mind เอามากๆเอาแต่จะวางอำนาจใส่คนอื่น เค้าชอบขึ้นเสียงและพูดจาไม่มีหางเสียงค่ะ!
ประเด็นคือเราไม่ขอคอมเพลนเกี่ยวกับสถานที่ละกัน(ถามว่าสะดวกสบายมากมั้ย ก็ไม่เท่าไหร่ค่ะ อาศัยว่าใกล้กับที่กินที่เที่ยว เตียงแข็ง slipperก็อันเก่าที่ผ่านการใช้มาแล้วโดยไม่มีการทำความสะอาด)
ไม่คอมเพลนพนักงานค่ะเพราะเค้าเป็นคนท้องถิ่น แตขอคอมเพลนเจ้าของอย่างแรงว่าคุณทำธุรกิจโรงแรมมันต้องมี service mind เต็มใจที่จะบริการ เพราะธุรกิจโรงแรมไม่ใช่สินค้าที่ซื้อแล้วหิ้วกลับบ้าน แต่มันเป็นการขายความประทับ จะทำยังไงให้แขกประทับใจและอยากกลับมาซื้อ(ใช้)บริการของคุณอีก! คุณเป็นเจ้าของแต่แสดงพฤติกรรมแบบนี้กับลูกค้า แล้วคุณจะไปบอกพนักงานให้ดูแลลูกค้าได้ยังไงคะหากคุณยังไม่เข้าใจหัวใจของธุรกิจแบบนี้!

ที่พักนี้อยู่บนเนินเขา ทางขึ้นไปอาจจะดูยากสักหน่อยหากไม่สังเกตดีๆ บรรยากาศด้านบนดีมาก เย็นสบายดีจากหน้าห้องมองเห็นวิวเทือกเขาและชุมชนด้านล่างได้ ในห้องพักจะมีที่นอนหมอนผ้าห่มให้ มีโทรทัศน์ มีน้ำดื่มให้ด้วย wifi ใช้ได้ดี ในห้องน้ำมีเครื่องทำน้ำอุ่นระบบgas ไว้บริการ ด้านหน้าห้องสามารถนั่งรับลมเย็นๆดูหมอกสวยๆ จิบกาแฟอุ่นๆ ลงมาสามารถเดินเข้าไปสถานีเกษตรได้ด้วยอยู่ไม่ไกลกัน..