สถานที่เที่ยวแห่งนี้ ตั้งอยู่ภายในเขตพื้นที่อนุรักษ์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงดิบกะลา ป่าภูสิงห์ และป่าดงสีชมพู โดยบริเวณนี้จะเต็มไปด้วยกลุ่มก้อนหินรูปทรงต่างๆ หน้าผา และถ้ำ กระจายอยู่ทั่วพื้นที่ เกิดเป็นความสวยงามในแบบต่างๆ ในการเดินทางมาเที่ยวชม
ท่านจะต้องมายังที่ทำการของ เจ้าหน้าที่ดูแลเขตป่าสงวน ภูสิงห์ เพื่อลงทะเบียนชื่อ ก่อนจะขึ้นไปยังด้านบน โดยรถที่จะขับขึ้นได้ต้องเป็นรถขับเคลื่อนสี่ล้อเพราะเส้นทางดินจะค่อนข้างแคบและชันพอสมควรเลย แต่ถ้าท่านใดไม่อยากขับรถขึ้นไปเองก็มีรถให้บริการเค้าจะจอดให้บริการอยู่บริเวณที่ทำการภูสิงห์ ตั้งแต่ 05.30-17.00 น. โดยมีค่าบริการคันละ 500 บาท เป็นค่าใช้จ่ายเหมารวมขาไปและขากลับ ซึ่งรถสามารถนั่งได้ถึง 10 คน
เมื่ออยู่ด้านบนของป่าภูสิงห์แล้ว ท่านก็ต้องเดินเท้าเข้าไปอีก 200 เมตร ถึงจะเจอกับ หินวาฬพ่อ หินก้อนใหญ่สุด ซึ่งตรงนี้เป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยมของนักท่องเที่ยว แนะนำว่าถ้าอยากได้ภาพหินพ่อแบบเต็มก้อน ต้องไปเดินถ่ายที่หินอีกก้อน นั่นก็คือ หินวาฬแม่ ที่อยู่ตรงกลาง โดยจะมีเป็นช่องให้เดินเข้าไป แต่ที่ หินวาฬลูก นั้น จะไม่สามารถเดินเข้าไปได้ เพราะไม่มีเส้นทางเข้าไป จะชมได้แค่หินวาฬพ่อและแม่ เท่านั้นโดยที่บริเวณของ หินสามวาฬ นั้น จะเป็นหินขนาดใหญ่ติดหน้าผาสูง แยกตัวเป็น 3 ก้อนใหญ่ๆ เรียงต่อกัน มีอายุประมาณ 75 ล้านปีเลยทีเดียว ความพิเศษของหินก็คือ เมื่อมองดูจากระยะไกลๆ หินสามก้อนนี้จะดูคล้ายกับฝูงครอบครัววาฬ มีทั้งพ่อวาฬ แม่วาฬ และลูกวาฬ
ความตระการตาและสุดแสนจะ Unseen ของ หินสามวาฬ นั้นไม่ได้มีเพียงเท่านี้ เพราะที่นี่ยังเป็นหนึ่งใน จุดชมวิวที่สวยที่สุดในภูสิงห์ อีกด้วย โดยเฉพาะช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้น ตอนที่พระอาทิตย์กำลังไต่ระดับขึ้นมาที่ขอบฟ้า เราจะได้เห็นแสงสีส้มของพระอาทิตย์ไล่เฉดสีกันอย่างสวยงามเลยทีเดียวภาพวิวทิวทัศน์ที่อยู่ตรงหน้าแบบไกลสุดลูกหูลูกตา
ที่สำคัญคือ เราจะได้เห็นผืนป่าสีเขียวที่อุดมสมบูรณ์ วิวของ ป่าภูวัว, แก่งสะดอก ,ห้วยบังบาตร ,หาดทรายแม่น้ำโขง และภูเขาเมืองปากกระดิ่ง ประเทศลาว และถ้ามองให้ดีๆ อาจจะเห็นแม่น้ำโขงอยู่ไกลๆ อีกด้วยครับ
7
0
0
0
0