4 วัน 3 คืน 7 ชีวิต ณ ภูกระดึง
เช้าวันที่ 1
ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ประมาณบ่าย 2 โมง หลงบ้าง พักบ้าง จอดรถภ่ายรูปบ้าง ถึง อ.ภูกระดึง จ.เลย ประมาณ 5 ทุ่ม เข้าที่พัก พร้อมกับนัดเวลาสำหรับการขึ้นภูกระดึงในวันพรุ่งนี้

เช้าวันที่ 2
ระยะทางเกือบๆ 10 กิโลเมตรจากที่ทำการอุทยานฯ ถึงที่พัก ถ้าเดินบนพื้นราบไม่น่าเกิน 3 ชม. แต่ที่นี่ภูกระดึงจะใช้เวลามากกว่านั้นมาก เนื่องจากทางขึ้นจะเป็นทางค่อนข้างชัน ควรนำสำภาระที่จะเป็นติดตัวไปเท่านั้น หากมีสำภาระไปเยอะก็ใช้บริการลูกหาบได้นะ กิโลละ 30 บาท การขึ้นภูกระดึงควรใส่รองเท้าผ้าใบ(ที่ไม่กัด) และควรขึ้นแต่เช้าเพราะจะได้มีเวลาพักพอสมควรระหว่างการเดินทางขึ้น และมือถึงด้านบนเราก้จะมีเวลาพักผ่อนก่อนจะไปดูพระอาทิตย์ตกดิน ในวันแรก ที่จุดชมวิวผาหมากดูก ก่อนตะวันจะลับฟ้า นักท่องเที่ยวเดินทางมาเพื่อรอถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกเป็นจำนวนมาก

เช้าวันที่ 3
ตื่นนอนกันตั้งแต่ตี 4 กว่าๆ แม้จะอิดออดเพราะอากาศหนาวบวกกับความเหนื่อยล้าจากการเดินทางของเมื่อวาน แต่ก็ดันตัวเองจากที่นอนจนได้ อากาศ 4 องศา ระยะทาง 1 กิโลกว่า บวกกับความมืด ก็ใช้เวลาพักใหญ่ในการเดินมารอชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอน นี่แหละเสน่ห์ของภูกระดึง หลังจากชมพระอาทิตย์ขึ้นแล้วกลับมาที่พัก ทานอาหารและเตรียมอาหารกลางวัน เพราะช่วงสายจะออกเดินทางไปน้ำตกและผาต่างๆ เพื่อชมวิวและถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกที่ผาหล่มสักที่ถือว่าเป็นไฮไลท์

เช้าวันที่ 4
เราตื่นแต่เช้า เพื่อเก็บของและเตรียมตัวเดินทางกลับ

สิ่งที่ต้องเตรียม(สำคัญ)
1. ไฟฉาย เราเดินไปดูพระอาทิตย์ขึ้น/ตก จำเป็นมาก
2. ลิปสติก (ในหน้าหนาว) ปากแตกง่ายมาก
3. ยาลดไข้ บรรเทาปวด ยาแก้แพ้
4. รองเท้าผ้าใบ
5. อุปกรณ์ถ่ายภาพ
6. คู่หู เพื่อน สำคัญมากๆๆๆ
7. รายกาย และใจที่ไม่ต่ำกว่า 100%

ไปคนเดียวก็ได้ ไปเป็นคู่ก็ดี ไปเป็นกลุ่มยิ่งสนุก สถานที่ท่องเที่ยวที่ธรรมชาติยังคงสมบูรณ์ ใครว่าขึ้นภูกระดึงลำบาก บอกเลยว่าไม่จริงทั้งเด็ก วัยรุ่ง ผู้สูงอายุ หรือกระทั่งคนที่มีขาข้างเดียวยังขึ้นไปได้เลย แนะนำให้ลงไปดูแล้วจะได้พบกับสิ่งที่พิเศษแบบไม่มีวันลืม

เสียดายมากที่ครั้งนั้นไปแล้ว เป็นช่วงอากาสปิด มีแต่หมอก อากาสเย็นหนาวทั้งวัน ก็เลยคิดว่าจะกลับไปอีกครั้งเเน่นอน