ชื่อเดิมของเขื่อนแห่งนี้ ชื่อว่า " เขื่อนเชี่ยวหลาน"เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติเขาสก ต่อมาได้รับ... อ่านเพิ่มเติม
ชื่อเดิมของเขื่อนแห่งนี้ ชื่อว่า " เขื่อนเชี่ยวหลาน"เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติเขาสก ต่อมาได้รับ... อ่านเพิ่มเติม
ในหลวง ร.9 ทรงพระราชทานนามว่า "เขื่อนรัชชประภา” ซึ่งมีความหมายว่า “แสงสว่างแห่งราชอาณาจักร... อ่านเพิ่มเติม
ถ่ายรูปสวย บรรยากาศดี
แต่เวลาไปแล้ว กิจกรรมไม่ค่อยเยอะ
เพราะซื้อทัวไปพักที่แพพันวารี
3วัน2คืน มีแต่นั่งเรือ นั่งแพไปนู่นนี่
กิจกรรมค่อนข้างน่าเบื่อซ้ำซาก
สมแล้วกับคำกล่าวว่าเป็นกุ้ยหลินแห่งเมืองไทย บรรยากาศดีมาก เหมาะสำหรับการพักผ่อน เป็นอย่างยิ่ง แนะนำเลยครับ
หากท่านได้มาสัมผัส บรรยากาศแห่งธรรมชาติโดยแท้จริง
จะรับรู้ได้ว่า เขื่อนเชี่ยวหลานแห่งนี้ เหมาะสำหรับการพักผ่อนอย่างดี
น้ำใส ส่องสัตว์ มองปลาว่ายน้ำ
รับรอง คุ้มค่ากับการเดินทางแน่นอน
เขื่อนเชี่ยวหลาน (เขื่อนรัชชประภา) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์และสวยงามมากเหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจเนื่องจากต้องลงเรืออาจไม่สะดวกในการพาเด็กเล็กมาพักที่แพ
สมควรไปพักผ่อนอยู่กับธรรมชาติ เล่นน้ำ มีปลาว่ายเวียนให้เห็น ค่ำๆไปส่องสัตว์ เห็นกระทิง ป่า กลางวันขึ้นไปชมถ้ำ สวยงามมาก นั่งพักดูครอบครัวนกเงือก ที่ทำรัง ดูแลลูกขณะที่แม่ไปหาอาหาร บางกลุ่ม ทำสมาธิ เล่นโยคะ แล้วนั่งเรือ ชมภูเขาหินปูน มีชื่อตามรูป ลักษณะ น้ำใส เขียว ไม่มีกลิ่น นี่หาโอกาส จะไปอีก
เมื่อลงเรือจากท่าเรือเราไว้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเพื่อเดินทางไปดูเขาสามเกลอ หรือที่รู้จักกันในชื่อ กุ้ยหลินเมืองไทย (แต่เราชอบเขาสามเกลอมากกว่านะ เพราะยังไงก็เป็นชื่อแบบไทยอะ) เป็นเขาที่โผล่พ้นน้ำ ล้มรอบไปด้วยน้ำสีเขียวสวยสดใส และภูเขาที่มีต้นไม้ขึ้นประปรายสวยงาม และเข้าแพพัก (เราพักที่แพสายชล ดีมากมากเลยขอแนะนำ) และเมื่อกินข้าวเที่ยงเสร็จเราก็เดินทางไปเพื่อดูถ้ำประการัง เราต้องเดินข้ามเขาลูกเล็กๆ 1 ลูก ทางเดินค่อนข้างลำบากสำหรับผู้สูงอายุ แต่เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบการผจญภัย หลังจากเดินทางถึงอีกฝั่งหนึ่ง เราจะต้องเดินทางไปยังถ้ำปะการังโดยใช้แพ เมื่อไปถึงจะเห็นถ้ำที่เป็นหินงอกหินย้อย ภายในเป็นโถงขนาดพอประมาณ มีหินเป็นรูปทรงคล้ายปะการัง (ภายในมีหินถูกทำลายไปพอสมควร ขอความร่วมมือนักท่องเที่ยว อย่าจับและทำลายหินที่เหลืออีกเลยนะ) จากนั้นเราก็เดินกลุับทางเดิมเพื่อ แล้วก็กลับแพพัก เพื่อเล่นน้ำและพายเรือคายักเล่น น้ำใสมาก และเย็นมาก เราเจอปลากระโดดด้วยนะ บรรยากาศดีมาก รายล้อมไปด้วยภูเขาและมีแสงแดดอ่อนๆ จากนั้นก็กินข้าวเย็นแล้วนอน เช้าวันต่อมาเราตื่นแต่เช้าไปดูสัตว์ ตอนกลางคืนในไม่ตกเลยไม่มีหมอก (เสียใจเล็กน้อยพอประมาณ) จากนั้นเราก็กินข้าวเช้าแล้วนั่งเรือกลับท่าเรือโดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
ไฮไลท์ของที่นี่นอกจากจะเป็นน้ำที่ใสมาก บรรยากาศที่ดีงามแล้ว อีกอย่างคือการที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ทำให้เราสามารถใช้เวลาทั้งหมดอยู่กับตัวเองและเพื่อนๆได้มากที่สุด