ที่ “อุทยานแห่งชาตินกน้ำทะเลน้อย” การนั่งเรือชมธรรมชาติที่นี่ก็น่าสนใจไม่ใช่เล่น สำหรับคนที่อยากชมธรรมชาติ ที่นี่จะมีเรือหางยาวสำหรับชมอุทยาน ไว้บริการนักท่องเที่ยวในช่วงเช้าและช่วงเย็น โดยเรือจะพาเราไปชมธรรมชาติที่อุทยาน ทำให้เราสามรถชมธรรมชาติได้อย่างใกล้ชิด โดยที่เราไม่ต้องเดินเอง สามารถนั่งเรือถ่ายรูปได้แบบชิวๆ
ธรรมชาติที่นี่ค่อนข้างสมบูรณ์ถึงแม้อากาศจะร้อนอบอ้าว กลางเดือนมีนาคม แต่บรรยากาศที่นี่ก็ยังชุ่มชื่นสมกับเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำและยังคงระดับน้ำที่เราสามารถแล่นเรือได้ ที่อุทยานแห่งนี้ มีนกน้ำอาศัยอยู่มากมาย นกที่นี่ค่อนข้างจะตื่นคนเพราะที่อุทยาน มีการบุกรุกของมนุษย์น้อย ทำให้น้ำท่าอุดมสมบูรณ์ นกน้ำที่นี่มีความเป็นอยู่อย่างสงบ ไม่ค่อยได้เจอคนสักเท่าไหร่ การล่องเรือเข้าไปจึงเป็นการล่องเรือเข้าไปแอบดูวิถีชีวิตให้เราสามารถไปถ่ายรูปหรือชื่นชมอย่างใกล้ชิด ชาวบ้านทะเลน้อยเรียกการนั่งเรือแบบนี้ว่า “ไปส่องนก” ไฮไลท์สำคัญของที่ทะเลน้อย ที่น่าสนใจไม่แพ้การชมนกน้ำเลยก็คือควายน้ำ ควายที่มีวิถีชีวิตกว่าครึ่งหนึ่งในน้ำ
กิจกรรมที่ “อุทยานแห่งชาตินกน้ำทะเลน้อย” เราอยากจะ แนะนำให้เริ่มแต่เช้า นอกจากตอนเช้าเราจะได้สูดอากาศ เต็มๆปอดแล้ว อีกอย่างหนึ่ง เพราะช่วงเช้าๆเป็นเวลาที่บรรดานกและควายกำลังหากิน ที่สำคัญเวลาไปล่องเรือ แดดจะได้ไม่แรงมาก ระยะทางที่เราไปก็ค่อนข้างไกล ซึ่งเราต้องแล่นเรือผ่าน บึงล้านบัว ที่เป็นทุ่งบัวแดง ที่ขึ้นอยู่แนวรอบนอก ล้อมอุทยานแห่งนี้เอาไว้ ระหว่างที่เราแล่นเรือ เราก็จะเห็นวิถีชีวิตของนกที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นมากมาย เรียกได้ว่ามีให้ดูเยอะกว่าที่สวนสัตว์หลายเท่า โดยเฉพาะนกนางแอ่น ที่บินโฉบเฉี่ยว ไปมาแถวๆ เรือของ นักท่องเที่ยว อย่างสนุกสนาน
และก็มาถึงไฮไลท์ของที่นี่ อย่างเจ้าควายน้ำ หลายคนอาจจะสงสัยว่าควายน้ำคืออะไร ควายน้ำก็คือควายที่เราทุกคนรู้จัก แต่แค่มันอาศัยอยู่ในน้ำ หากินอยู่ในน้ำ ไม่ได้แค่ลงไปเล่นน้ำแบบที่เราเห็นทั่วไป คนขับเรือก็จะพาเราไปดูเจ้าควายน้ำที่ใจกลางอุทยาน ลักษณะการหากินของควายน้ำ มันจะเดินหากินไปเรื่อยๆ ตามจ่าฝูงเราจะเห็นตัวที่เดินนำฝูงได้อย่างชัดเจน ที่ทะเลน้อยระดับน้ำจะไม่ลึกมาก พวกควายจึงสามารถเดินหากินได้อย่างสบายอารมณ์ ของโปรดของควายน้ำก็คือ สาหร่าย ตอนที่เราไปชม เราจะเห็นควายน้ำดำผุดดำว่าย หาสาหร่ายกินตลอดระยะการเดินการพวกมัน แต่ไม่ต้องกลัวควายเป็นโรคไตเพราะน้ำเค็มหรือว่าอะไรนะครับ เพราะที่นี่ ถึงจะชื่อว่าทะเลน้อยแต่ก็เป็นน้ำจืด ไม่ได้เค็มแต่อย่างใด ขากลับคุณลุงคนขับเรือพาเราแวะ ที่ ร้านขายของ ที่เราไม่คิดว่าจะได้เจอกลางอุทยาน ที่มีทั้งกาแฟและเหนียวไก่(ข้าวเหนียว+ไก่ทอด) รวมถึงห้องน้ำมาคอยบริการนักท่องเที่ยว ระยะเวลาสำหรับการล่องเรือที่อุทยานก็ มีให้เลือก 2 แบบ ประมาณ 2 ชั่วโมง กับประมาณ 4 ชั่วโมง สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไปแนะนำเลือกแบบ 2 ชั่วโมงก็กำลังดี ซึ่งไม่นานมากเกินไปนัก เพราะยิ่งสายแดดก็จะยิ่งร้อน พอถึงตอนนั้นคงจะชิวไม่ออกแน่นอน แต่สำหรับช่างภาพ หรือนักท่องเที่ยวขาลุยแบบ 4 ชั่วโมงก็จะทำให้สามารถเห็นมุมต่างๆของทะเลน้อยได้มากขึ้น ยิ่งเข้าไปลึกก็ยิ่งจะทำให้เห็นวิถีชีวิตของทั้งนกและควายน้ำได้เป็นอย่างดี ทำให้สามารถถ่ายรูปเพิ่มได้อีกหลายใบ แต่สำหรับใครที่ไม่ชอบนั่งเรือก็สามารถ เลือกที่จะเช่าจักรยานปั่นชมนกชมไม้รอบอุทยานก็ได้เช่นกัน
ถึงแม้แดดจะร้อนและอยู่ท่ามกลางธรรมชาติขนาดไหน วัยรุ่นอยากเราๆ เวลาไปเที่ยวก็อยากจะอัพรูปลงโซเชียลเน็ตเวิร์ค บอกเลยว่าที่ ทะเลน้อยหายห่วง ทั้ง 3G และสัญญาณโทรศัพท์ เรียกได้ว่าทะเลน้อยเป็นอุทยานฯ ที่อุดมสมบูรณ์ทั้งธรรมชาติและสัญญาณโทรศัพท์เลยทีเดียว
ที่ทะเลน้อยจึงเป็นอีกที่หนึ่ง ที่สามารถทำให้เราได้ดื่มด่ำกับและเรียนรู้ธรรมชาติได้ใกล้ยิ่งขึ้น การท่องเที่ยวเชิงนิเวศแบบนี้ เราจะได้เห็นการอยู่ร่วมกันของชาวบ้าน และสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ นอกจากจะทำให้เราได้มีความสุข สนุกกับการท่องเที่ยวแล้ว เมื่อลองได้เรียนรู้แล้วเราจะได้รักธรรมชาติแบบที่ชาวบ้านรัก จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมที่ทะเลน้อยถึงจะยังคงความอุดมสมบูรณ์ ไว้ได้ขนาดนี้