เราต้องดีเลย์อยู่ 44 ชั่วโมงในมัลดีฟส์ หลังจากสองสัปดาห์ที่ Vilamendhoo เพื่อฉลองคริสต์มาส & ปีใหม่ เราเดินทางไปกับเฟิร์สช้อยและบินกับเที่ยวบินทอมสันในห้องโดยสารระดับพรีเมี่ยม
24 ชั่วโมงแรกของการดีเลย์เรายังโชคดีที่ได้อยู่ห้องเดิม หลังจากนั้นเครื่องบินชายฝั่งไปส่งเราที่สนามบินตอน 7 โมงเช้าของอีกวันนึง และได้รับการบอกว่าเที่ยวบินขาออกจะดีเลย์ หลังจากนั้นเราจึงถูกพากลับไปโดยสปีดโบ้ต ใช้เวลา 30 นาทีไปยัง Hudhuranfushi เรามาถึงบนเกาะประมาณ 11:00 น.
สิ่งแรกที่เราเห้นบนเกาะคือถุงขยะซ้อนกันขึ้นมาจนเป็นกำแพง ทะเลสกปรกมากและมีทั้งเศษซากและขยะลอยอยู่ในนั้น เราเดินไปบริเวณแผนกต้อนรับ ซึ่งทั้งมืดและเก่า เรานั่งและรออยู่ท่ามกลางความเก่าแก่ จนกระทั่งพนักงานเด็กๆคนนึงมาถึงด้วยสปีดโบ้ตลำสุดท้าย โดยมีคนทั้งหมด 66 คนถูกเอามาปล่อยไว้บนเกาะ
พนักงานผู้น่าสงสารดูกระวนกระวายและไร้ประสบการณ์อย่างเห็นได้ชัดในการทำให้นักท่องเที่ยวที่เหนื่อยและสับสนจำนวน 66 คน เธอไม่ได้ถูกอบรมมาเพื่อรับกับสถานการณ์นี้และพยายามขอร้องให้เราทุกคนอดทน เพราะเธอเองก็สับสนไม่ต่างจากเราเหมือนกัน เธอยังบอกกับเราว่าเธอเองก็ไม่เคยอยู่บนเกาะนี้มาก่อนและเธอก็ไม่นึกว่ามันจะแย่ขนาดนี้ รีสอร์ทนี้ทำให้ระลึกถึงหนังในยุค 70 มันดูเหมือนถูกทิ้งร้างมานานและเขย่าๆให้มีชีวิตเพื่อให้พวกเราได้เข้าใช้ สระว่ายน้ำที่อยู่ติดกับส่วนต้อนรับสกปรกและอยู่ในสภาพยากจะซ่อมแซมแล้ว น้ำกลายเป็นสีเขียวน่ากลัว ช่วงเวลาที่เรารออยู่ที่นี่ มีคนเริ่มถูกแมลงกัด เราเห็นหนูและแมลงสาบบริเวณสระว่ายน้ำ คุณจำเป็นต้องใส่รองเท้าในส่วนที่เป็นพื้นที่สาธารณะเพราะมันสกปรก และคุณจะไม่ได้รับความรู้สึกจากการได้ถอดรองเท้าที่นี่แน่นอน
เราได้พักที่ห้อง 113 ซึ่งอยู่ติดกับอาคารบางแห่งที่กำลังก่อสร้าง ที่นี่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากพื้นที่เปิดภายในห้องน้ำ ซึ่งหมายความว่าคนงานสามารถมองเข้ามาภายในห้องน้ำได้อย่างชัดเจน ประตูหน้าแทบจะเปิดไม่ได้เลย ตู้เซฟก็พัง ห้องพักเก่ามากและต้องการการทำความสะอาด ผ้าปูที่นอนสกปรกมาก มีจุดสีดำทั่วเลย ชายหาดอยู่ตรงด้านหน้าของห้องเลย แต่ก็เต็มไปด้วยสาหร่ายกับเศษซากขยะลอย และมีกลิ่นเหม็นเหมือนไข่เน่า
แต่ที่ต้องตะลึงมากที่สุดคือร้านอาหาร ฉันขอบอกตรงๆเลยว่าไม่เคยเห็นอะไรที่ทุเรศเท่านี้มาก่อน มันเหมือนวันหยุดในนรกเลยก็ว่าได้นะ ในส่วนกลางกลางของพื้นที่ขนาดใหญ่นี้จะมีสระว่ายน้ำร้างซึ่งตอนนี้กลายเป็นแอ่งน้ำสกปรกเช่นเดียวกับพื้นที่รอบๆ ดูแล้วช้วนให้เสียสุขภาพและสกปรกมาก อาหารน่าขยะแขยงที่สุด เชฟจัดการอาหารทุกอย่างด้วยมือ อาหารทุกอย่างไม่เป็นของทอดก็จะเป็นของที่ย่างมาแล้ว สลัดถูกคลุมด้วยฟิล์มสกปรกซึ่งทั้งเหม็นเหงื่อและดูเสื่อมประสิทธิภาพ ไม่อยากจะพูดเลยว่าฉันกินแค่ขนมปังและเนยอย่างเดียวตอนที่อยู่ที่นี่ ฉันรู้จักผู้หญิงคนหนึ่งที่กินไก่เข้าไปและใช้เวลาตลอดเย็นนั้นอยู่ในห้องเพราะป่วย
เราเหมือนถูกต่อยเบาๆทั้งวันจนกระทั่งตอนสี่ทุ่ม ซึ่งเราเริ่มได้รับข้อมูลที่คลุมเครือจากพนักงานสาวคนนั้นผ่านทางข้อความ?!?!? ในที่สุดเราก็ได้รับการยืนยันให้เตรียมพร้อมออกไปจากเกาะตอนตี 5 โดยสปีดโบ้ตในความมืด (เสื้อชูชีพมีขนาดเล็กและมีความปลอดภัยแบบจำกัด) เพื่อไปยังเที่ยวบินเวลา 7.40 น. กลับไปยัง Gatwick ของเรา
เรามีความสุขมากที่ได้ออกจากเกาะนั้น มันเป็นประสบการณ์ที่เลวร้ายมาก และเป็นการจบวันหยุดอันแสนวิเศษที่แย่ที่สุด ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่ามีเกาะที่เลวร้ายขนาดนี้อยู่ในมัลดีฟส์ด้วย และฉันช้อคมากที่รู้ว่ายังมีการขายทัวร์ของเกาะนี้ผ่านบริษัททัวร์ของอังกฤษด้วย ได้เข้าไปดูเว็บของบริษัทนี้ มันมีแต่ภาพของเกาะที่เปล่งประกายน่าไปเที่ยวเพลิดเพลินใจยิ่งนัก ซึ่งไม่เหมือนเกาะนรกที่เราไปเยือนเลยแม้แต่น้อย นี่มันหลอกลวงกันชัดๆ และฉันจะไม่ขอจ่ายเงินเพื่อไปอยู่ที่แบบนี้เด็ดขาด!
พนักงานคนนั้นบอกว่าเธอมีเพื่อนที่จองเกาะนี้ไว้เพื่อจะมาฮันนีมูน แต่จะโทรไปบอกเพื่อนของเธอแล้วว่าให้ยกเลิกซะ... และเธอทำงานให้บริษัททัวร์ที่เราใช้บริการ
5,035
1,109
370
163
137