เราพักที่นี่ในห้องคู่แบบซูพีเรียร์เป็นเวลาเจ็ดวันเมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคม/ต้นเดือนสิงหาคม ห้องพักสะดวกสบายและเตียงก็สบายมาก ห้องพักค่อนข้างเล็กซึ่งก็เหมือนที่คาดเดาไว้ในเมืองใหญ่แบบกรุงเทพ ห้องน้ำเล็กมากและมันก็มีที่ว่างแคบๆจากโถส้วมกับผนังเท่านั้นเอง ห้องพักมีการทำความสะอาดทุกวันถึงแม้ว่าห้องของเราจะถูกทำความสะอาดก่อนเวลาห้าโมงเย็นในแต่ละวัน เราพบปัญหาเล็กน้อยตอนที่เช็คเอาท์ อย่างแรกสุดคือ เราส่งผ้าซักซึ่งพวกเขาบอกเราว่าราคา 20 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเราก็รู้สึกว่ามันคุ้มดีเมื่อเทียบกับที่อื่นๆ ในเมืองไทย เราส่งผ้าไว้ที่แผนกต้อนรับและได้รับคืนหลังจากนั้นในตอนกลางคืน

ตลอดเวลาเจ็ดเดือนในการท่องเที่ยวของเราเราไม่เคยซักผ้าเกิน 8 กิโลกรัม แต่เมื่อเราเช็คเอาท์เราถูกคิดเงินค่าซักรีดถึง 300 บาทซึ่งเราไม่คิดว่ามันถึง 15 กิโลกรัม (ต้องเต็มกระเป๋าเป้เดินทางหนึ่งอันถึงจะหนัก 15 กิโลกรัม แต่เรารู้ว่าผ้าที่เราส่งซักไม่ได้หนักขนาดนั้น!) เราเถียงเรื่องนี้แต่ว่าเราต้องรีบไปขึ้นเครื่องเราก็เลยจบลงที่ต้องจ่ายราคานี้ แล้วเรายังต้องเสียถึง 600 บาทสำหรับค่าบริการแท๊กซี่ไปที่สนามบินด้วย ซึ่งรวมค่าทางด่วนแล้ว อย่างไรก็ตาม ตอนที่เรามาถึงสนามบินที่กรุงเทพเราขึ้นแท๊กซี่มิเตอร์ที่สนามบินไปยังโรงแรม เราเสียแค่ 370 บาทรวมค่าทางด่วนแล้ว

ตัวโรงแรมนี้อยู่ห่างจากถนนหลักและเราก็รู้สึกดีใจที่พวกเขามีแผนที่โรงแรมเป็นภาษาไทยเพื่อที่คนขับแท๊กซี่จะรู้เส้นทาง ใช้เวลาเดินประมาณ 15 นาทีจากโรงแรมไปยังถนนเขาสาน และ 25 นาทีไปยังแกรนด์พาเลส พนักงานต้อนรับไม่เก่งภาษาอังกฤษมากพอที่จะตอบคำถามของเราได้เพื่อที่จะแนะนำสถานที่ดีๆ ในบริเวณตัวเมืองได้ โรงแรมนี้อยู่ติดกับท่าเรือจุดแรกซึ่งมีประโยชน์มากเมื่อเราจะไปที่พิพิธภัณฑ์จิม ทอมป์สัน และศูนย์การค้า MBK และที่นี่ก็มีอาหารเช้าดี ๆ ทุกเช้าถึงแม้มันจะเหมือนเดิมทุกวันที่เราพักที่นี่ แรกสุดเราถูกถามว่าจะรับชาหรือกาแฟ

แล้วเราก็ได้จานผลไม้ซึ่งมีสับปะรด มะม่วงและมะละกอ เค้าถามเราว่าอยากได้ไข่แบบไหน และเค้าก็ให้ขนมปังปิ้งก่อนไข่จะมา เป็นมื้อเช้าที่โอเคแต่ตัวเลือกก็ใช้ได้ไม่ว่าจะเป็นซีเรียล สำหรับวันที่เหลือเราได้รับคำแนะนำให้ระมัดระวังเรื่องบริการเพิ่มเติมพิเศาจากโรงแรมมากกว่าในห้อเนื่องจากดูพวกเค้าจะช่วยถือไม่ได้