ฉันได้อ่านรีวิวโรงแรมนี้แล้วก็คิดหนักในอโกด้ารวมถึงที่นี่ด้วย ความเห็นค่อนข้างเลวร้ายมาก ฉันคงจะไม่เลือกมาพักที่นี่ หากไม่เพราะฉันมีธุระที่อยู่ใกล้กับโรงแรมพอดี และฉันไม่ต้องการเสี่ยงการจราจรในกรุงเทพตอนเช้าที่อาจทำให้ฉันมาสาย ฉันจึงจำเป็นต้องเลือกโรงแรมนี้ และภาวนาเซ้นส์ของฉันที่ว่า...เคยไปพักที่ไม่ดีที่ไหน แต่กลับกลายเป็นดีซะงั้น
ยกแรก ฉันโทรไปจองราคาตรงกับโรงแรม ซึ่งเป็นราคาที่ถูกกว่าซื้อดีลเอเยนต์ พนักงานที่รับสายเป็นต่างด้าวซึ่งพูดภาษาไทยไม่ชัด ซึ่งฉันต้องใช้ความลำบากในการฟังหลายทีมาก และฉันต้องโทรไปหลังบ่ายสามถึงเย็น
ยกสอง ถึงฉันโชคดีที่พิมพ์แผนที่โรงแรมให้โซเฟอร์แท็กซี่ดู และมีเบอร์โทรติดต่อกับโรงแรม ซึ่งฉันให้โซเฟอร์คุยกับพนักงาน แต่กว่าจะมาโรงแรมได้ต้องเลี้ยวเข้าซอยเล็กๆขนาด one way ซึ่งที่จริงมีป้ายโรงแรมกำกับไว้ที่ซอยด้านขวา แต่ฉันไม่ทันเห็น จึงทำให้โซเฟอร์ขับเข้ามาสุดซอย แล้วเจอทางตัน! เราจึงต้องถอยรถกลับอย่างทุลักทุเลกว่าจะได้เห็นป้ายโรงแรม (แต่ถ้าคุณเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ให้คุณลงที่สุดสถานี MRT หัวลำโพง เดินออกประตูสาม แล้วเลี้ยวซ้ายเดินมาประมาณ 750 เมตร ก็จะถึงโรงแรมเหมือนกัน แต่คุณก็ต้องเดินข้ามถนนอยู่ดี ถ้าคุณมีสัมภาระเยอะมาก ควรจ้างตุ๊กๆมาส่งดีกว่า...ฉันพบว่าสิ่งแวดล้อมแถวโรงแรมเป็นย่านชุมชนเก่า ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่าง 7-11 มีร้านโชห่วยและร้านอาหารตามสั่งเล็กๆ แต่อาคารแถวนี้ค่อนข้างคลาสิก ถ้าคุณชอบความโบราณคลาสิกควรจะมาถ่ายรูป
ยกสาม เมื่อฉันเช็คอินเข้าโรงแรมได้แล้ว ฉันก็พบว่าภายนอกเป็นโฮสเทลดูทันสมัย มีระบบคีย์การ์ดรักษาความปลอดภัยอย่างดี แต่เมื่อเดินเข้าไปในล็อบบี้ อากาศร้อนมาก เพราะไม่ได้เปิดแอร์ แต่ภายในล็อบบี้เป็นเหมือนห้องรับแขกของชาวจีน มีเคาน์เตอร์บาร์อาหารสำเร็จรูปและเครื่องดื่ม รวมถึงมีห้องทำกิจกรรม อ่านหนังสือหรือใช้คอมพิวเตอร์ เหมือนฉันหลุดเข้ามาในบ้านมากกว่าโฮสเทส...และส่วนที่ดีอีกอย่างคือ ที่นี่ถึงจะมีบันไดวนที่มีความสวยงามที่เหล็กราว เพราะเป็นบ้านที่อายุกว่า 80 ปี แต่บันไดก็สูงชันน่ากลัว โชคดีจริงๆที่มีลิฟท์ เพราะฉันคิดภาพตนเองหิ้วกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เดินขึ้นไดสูงชันยังไงไหว
ยกสี่ ฉันจองที่ราคาแพงที่สุด เพราะทางโรงแรมบอกว่าห้องเตียงดับเบิ้ลมีเฉพาะห้องสุพีเรียเท่านั้น ซึ่งเป็นห้องที่กระทัดรัด แต่เตียงกว้าง ตกแต่งสไตล์โมเดิร์น ห้องน้ำค่อนข้างกระทัดรัด น้ำอุ่นทำงานดี ตู้เสื้อผ้าเป็นราวแขวนเท่านั้น ทางโรงแรมจัดให้ฉันอยู่ห้องทันสมัยเพราะฉันจ่ายค่าห้องกับโรงแรมโดยตรง...แต่ทีวีเคเบิ้ลกลับดูไม่ได้ แต่พวกเด็กสาวพนักงานต่างด้าวช่วยกันต่อทีวีฉันสำเร็จ ทั้งที่ตอนแรกฉันปรามาสว่าพวกเธอไม่น่าจะทำได้ตามประสาคนที่ดูถูกแรงงานต่างด้าวอย่างที่คนไทยส่วนใหญ่เป็น แต่พวกเขาพยายามบริการฉันอย่างดี ฉันรู้สึกประทับใจเรื่องนี้มาก จนมองข้ามความด้อยเรื่องภาษาของพวกเธอไปเลย
ฉันได้พบกับเจ้าของโรงแรมที่มีอัธยาศัยเป็นกันเองมาก ในเวลาว่างฉันขออนุญาตที่อยากจะชมห้องราคาอื่นบ้าง ซึ่งฉันสนใจห้อง Dormitory ซึงเป็นห้องพักเดี่ยว คือสำหรับคนพักคนเดียว เพราะฉันไม่ค่อยจะเห็นห้องพักแบบนี้ในโรงแรมของไทยนัก ซึ่งเจ้าห้องก็เปิดให้ฉันชม ในความรู้สึกตอนแรกของฉันคือ มันคงจะเป็นห้องแคบที่อึดอัดมากเหมือนในภาพถ่ายจากเว็บเอเจนส์หลายโรงแรม...แต่ปรากฎว่ามันเป็นห้องที่กระทัดรัดมาก ถึงจะเป็นห้องไม่มีหน้าต่าง (มีห้องเดียวที่มีหน้าต่าง แต่ก็เป็นหน้าต่างติดเหล็กดัดปิดบานหน้าต่างไว้) แต่ภายในห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งทีวี โต๊ะทำงานพับได้ แอร์ และที่ฉันอึ้งคือ มีห้องน้ำในตัวด้วย! ทั้งที่ห้องแบบนี้แคบมาก แต่ก็สามารถยัดห้องน้ำเข้าไปได้ แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ช่อง shower มีผ้าม่านกั้นก็ตาม เสียดายก็แต่ห้องน้ำไม่มีส้วมชักโครก ดังนั้นถ้าคุณปวดหนัก คุณก็ต้องออกมาเข้าห้องน้ำที่ห้องโถงส่วนกลางในชั้นเดียวกันอยู่ดี (ซึ่งถ้ามีส้วมก็คงจะสะดวกกว่านี้ แต่อาจมีปัญหาเรื่องกลิ่นก็ได้)
ส่วนห้องแบบ Standard เป็นห้องที่จะอยู่บริเวณใกล้ติดทางขึ้นบันได จึงเป็นห้องที่กว้างกว่าห้อง Dormitory ขึ้นมาเล็กน้อย โชคดีที่มีห้องน้ำมีส้วม ส่วนทางเดินภายในห้องแคบมาก ไม่มีแม้แต่ตู้เสื้อผ้า แต่โชคดีมีลิ้นชักเก็บเสื้อผ้าที่ปลายเตียง มีหน้าต่าง (แต่ก็เป็นวิวแบบปิด หันเข้าอาคารภายใน) มีเพียงเตียง Double Bed เท่านั้น (ฉันชอบผ้าห่มมากที่ออกแนวสีสันยิปซีฮิปปี้)
ส่วนห้องที่แพงที่สุดคือแบบ Superior เป็นห้องที่กว้างที่สุดและมีมากที่สุด ห้องที่อยู่ชั้นบนสุดซึ่งเป็นห้องที่ฉันพัก เป็นห้องที่มีเฟอร์นิเจอร์ทันสมัยที่สุด เพราะเจ้าของโรงแรมคิดว่าจัดให้ฉันอยู่ห้องทันสมัยจะดีกว่า ส่วนห้องแบบอื่นๆที่ฉันได้เข้าชม พบว่าเป็นห้องที่เป็นเฟอร์นิเจอร์คลาสิกแบบยุค 70-80S แอร์ตั้งพื้น แต่ที่เด็ดห้องนึงคือ ใช้แนวตู้เสื้อผ้าซ่อนบานประตูห้องน้ำที่เจาะเข้าไป นับว่าเป็นการออกแบบที่น่าชาญฉลาดและน่าทึ่งมาก
ตกกลางคืนคุณสามารถออกไปเดินเที่ยวระหว่างสะพานเหลือง (ฝั่งตะวันออก) ซึ่งเป็นย่านอาหารไทยราคาถูก (แต่คุณต้องระวังตัวเล็กน้อย เพราะมีมิจฉาชีพ) หรือเยาวราช (ฝั่งตะวันตก) แต่ตอนกลางคืนของบริเวณนี้จะมืดมาก คุณต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินทางกลับ
อาหารเช้าเป็นอเมริกันเบรคฟาส์คที่ไม่ได้รวมอยู่ในราคาค่าห้อง ตกหัวละ 80 บาท มีขนมปัง แฮม ขนมปังปิ้ง อย่างละ 2 แอมเลตหรือไข่ดาว น้ำส้มกับกาแฟร้อนอย่างละแก้ว เวลาอาหารเริ่มที่เวลา 7.00 น. หากคุณต้องออกเดินทางตั้งแต่เช้า คุณสามารถขอรีเควสให้ทำตอนเช้าได้
สรุปโดยรวม ฉันประทับใจกับโรงแรมแห่งนี้มาก ทั้งอัธยาศัยของเจ้าของและพนักงานบริการ ห้องพักที่คลาสิก แม้ว่าย่านสิ่งแวดล้อมโดยรอบอาจจะไม่เจริญทางสถาปัตยกรรม แต่สวยงามในย่านชุมชนคลาสิก และใกล้ขนส่งมวลชนเพิ่มเติม
- เข้าชมเว็บไซต์ของโรงแรม
- 011 66 1800 019 430
- Wifi ฟรี
- ที่จอดรถฟรี
- สระว่ายน้ำ
- ร้านอาหาร