วัดเก่าสมัยต้นรัตนโกสินทร์ อยู่ใกล้ศาลเจ้าพ่อเสือ เสาชิงช้า วัดสุทัศน์ฯ สามารถเดินไปถึงกันได้ไม่ไกลมาก มีวิหารพระร่วงทองคำ พระพุทธรูปองค์ใหญ่ให้กราบไหว้บูชา

...วัดแห่งนี้ สร้างขึ้นโดย กรมหมื่นอุดมรัตนราษี(พระองค์เจ้าอรรณพ) ในสมัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 3. แห่งราชวงศ์จักรี เสร็จสมบูรณ์ในสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัต
ริย์ไทยรัชกาลที่ 4. แห่งราชวงศ์จักรี และพระองค์ โปรดเกล้าฯพระราชทานนามว่า "วัดมหรรณพาราม" (WAT MAHANNAPHARAM).
...ภายในวัด สงบเงียบแม้จะอยู่ติดถนน ด้านหน้ามีลานจอดรถและ พระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5. ให้สักการะขอพร ถัดไปเป็นพระอุโบสถ ประดิษฐานพระประธานสมัยกรุงศรีอยุธยา เคียงข้างด้วย พระวิหาร หลวงพ่อพระร่วงทองคำ ด้านหน้าวิหาร มีรูปหล่อองค์เจ้าแม่กวนอิม ให้สักการะขอพร.
...ทางขึ้น วิหารหลวงพ่อพระร่วงทองคำ มีรูปหล่อหลวงปู่ทวด สมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี และพระพุทธรูป พร้อมพระคาถาบูชา หลวงพ่อพระร่วงทองคำ พร้อมดอกไม้ ธูป เทียน ทองคำเปลว ให้อธิษฐานขอพร.
...ด้านในวิหาร เป็นที่ประดิษฐาน "หลวงพ่อพระร่วงทองคำ" (Luang Phor Phraruang Thougkham:Golden Buddha) ขนาดหน้าตัก กว้าง 1 วา 1 ศอก 1 คืบ 5 นิ้ว , สูง 1 วา 3 ศอก 1 คืบ 7 นิ้ว องค์พระมีโลหะทองคำ 60 % มีรอยต่อ 9 แห่ง โดยมีหมุดเป็นเครื่องเชื่อมรอยต่อ อันสื่อถึงความเจริญก้าวหน้า พ้องกับคำว่า "พระร่วง" คำไทโบราณ มีความหมายอันเป็นมงคล คือ รุ่ง(โรจน์) เดิม ประดิษฐาน ณ.วัดโคกสิงคาราม อำเภอ ศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญมาประดิษฐานที่พระวิหารแห่งนี้ ในปี พ.ศ.2393.
...หลวงพ่อพระร่วงทองคำ เป็นพระพุทธรูป เมตตาวาจาสิทธิ์ มีความเชื่อความศรัทธาสืบต่อกันมาว่า เมื่ออธิษฐานขอพร จะสมปรารถนา ภายในวิหารมีเครื่องบูชา ตะกร้อ ผ้าไตร จัดเตรียมไว้พร้อมทำบุญ รวมทั้งมีประกอบพิธีทำบุญ ถวายสังฆทาน.
...เนื่องจากวัดแห่งนี้ มีจุดสักการะบูชาหลัก สามจุดดังกล่าวข้างต้น และมีบรรยากาศสงบเงียบต่างจากวัดอีกมากมายที่มีจุดประกอบพิธีทำบุญทางศาสนาและรูปหล่อเคารพมากมายภายในวัด แต่สิ่งเคารพบูชาภายในวัดแห่งนี้ล้วนมีประวัติความเป็นมาอันเป็นมงคลยิ่งต่อผู้ได้สักการะขอพร.
...วัดมีที่จอดรถด้านหน้า หรือจอดที่ลานจอดรถ "ศาลเจ้าพ่อเสือ" (San Chao Pho Suea) ที่อยู่เยื้องกับวัด และยังใกล้กับ "เสาชิงช้า" (Sao Chingcha) และ "ถนนข้าวสาร" (Thanon Khaosan) บริเวณใกล้เคียงยังมีร้านอาหารเครื่องดื่มและขนมอร่อยมากมาย ถ้ามีเวลาลองหาเวลามานั่งสมาธิและอธิษฐานขอพรหลวงพ่อภายในวิหาร และแวะหาอาหารอร่อย เป็นทริปที่ได้ทั้ง อิ่มบุญและอิ่มท้อง.

วัดมหรรณพารามวรวิหาร

หลายท่านยังไม่รู้จักวัดมหรรณพาราม ว่าอยู่ที่ไหน มีประวัติความเป็นมาอย่างไรบ้าง? แล้วมีความสำคัญอย่างไร ทำไม? ต้องไปวัดแห่งนี้ ซึ่งตามประวัติความเปนมาตามที่ได้กล่าวอ้างจากข้อมูลต่าง ๆ เล่าว่า...

"วัดมหรรณพาราม" ตั้งอยู่ที่แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กรุงเทพฯ เริ่มสร้างมาตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 แห่งราชวงศ์จักรี ตรงกับพ.ศ.2393

นามผู้สร้างพระอารามนี้คือ กรมหมื่นอุดมรัตนราษี พระนามเดิมว่า พระองค์เจ้าอรรณพ พระโอรสในพระบาทสมเด็จพระ นั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ในพระอารามแห่งนี้มีปูชนียวัตถุที่สำคัญมากคือ พระพุทธรูปองค์ใหญ่ มีนามเรียกว่า "หลวงพ่อพระร่วง" หรือที่ชาวบ้านเรียกจนติดปากว่า "หลวงพ่อร่วง" สถิตอยู่ที่พระวิหาร เป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นในสมัยสุโขทัย มีพุทธลักษณะสวยงามมาก พระพักตร์อิ่มเอิบ พระเนตรดูแล้วเหมือนยิ้มนิดๆ เป็นเหตุชวนให้ชุ่มชื่นใจแก่ผู้ดู พระกรวางอยู่ในลักษณะสมส่วน นิ้วพระหัตถ์เรียวงาม ทั้งองค์มีที่ต่ออยู่ 9 แห่ง เป็นเครื่องหมายของความก้าวหน้าตามความนิยม

หลวงพ่อพระร่วงเป็นที่พึ่งทางใจให้แก่ชาวบ้านและชาวจีน ปัดเป่าความทุกข์ให้แก่ผู้ที่มากราบไหว้บูชาจนเป็นที่ขึ้นชื่อลือชา ของเซ่นที่ท่านชอบก็ไม่เหมือนที่อื่น ๆ เป็นเพียงตะกร้อ ว่าวจุฬา ว่าวปักเป้า หรือพวงมาลัยเท่านั้น

นอกเหนือจากนี้ หากเราไปทำบุญ กราบไหว้พระขอพรแล้ว ยังมีสถานที่อีกหลายจุดที่ให้เราได้ร่วมย้อนกลับไปในอดีต ด้วยการรำลึกนึกถึง พระปิยมหาราช ที่มีพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 และ"ต้นพระศรีมหาโพธิ์" ที่รัชกาลที่ 5 ทรงนำมาจากประเทศศรีลังการมาปลูกไว้ 1 ต้น ตามประวัติที่ได้กล่าวอ้างเอาไว้ว่า...

พระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 ผู้พระราชทานการศึกษาออกสู่ปวงชนจึงถือได้ว่าโรงเรียนวัดมหรรณพ์ เป็น "โรงเรียนประถมแห่งแรกในประเทศไทย" และเมื่อวาระครบ 100 ปีที่พระราชทานการศึกษา จึงได้สร้าง "พระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 5" ขึ้น เพื่อสักการบูชาในบริเวณวัดมหรรณพ์ ส่วนอาคารด้านหลังพระบรมราชานุสาวรีย์ซึ่งดูเก่าแก่นั้น ก็สร้างมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ปัจจุบันใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรมของประชาชน

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ รัชกาลที่ 4 เสด็จขึ้นครองราชย์ก็ได้พระราชทานเงินสร้างวัดแห่งนี้ต่อ และพระราชทานนามว่า "วัดมหรรณพาราม" พร้อมทั้งทรงพระราชศรัทธาสร้าง "พระเจดีย์ทอง" ขึ้น 1 องค์ หลังพระอุโบสถ ซึ่งเป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในวัดนี้ ด้านบนยอดเจดีย์บรรจุ "พระบรมสารีริกธาตุ" ด้านล่างเป็นที่บรรจุอัฐิของเจ้าอาวาส

นอกจากนั้นยังมี "ต้นพระศรีมหาโพธิ์" ที่รัชกาลที่ 5 ทรงนำมาจากประเทศศรีลังการมาปลูกไว้1 ต้น และพระธรรมเจดีย์เจ้าอาวาสปลูกไว้อีก 1 ต้น ปัจจุบันกลายเป็นต้นพระศรีมหาโพธิ์ขนาดใหญ่ให้ความร่มรื่นร่มเย็น ซึ่งถือเป็นการพระราชทานการศึกษาออกสู่ปวงชนเป็นครั้งแรก ทำให้การศึกษาของชาติได้เจริญพัฒนาไปทั่วประเทศตราบจนปัจจุบัน

สำหรับท่านใดที่ว่าง มีเวลาอยากแนะนำวัดมหรรณพาราม อีกหนึ่งสถานที่ที่เราควรไปกราบไหว้ขอพร เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว

วัดมหรรณพาราม ตั้งอยู่ ถนนตะนาว แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กรุงเทพฯ เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-17.00 น. โทร.0-2224-1811