วันนี้ ได้ลองไป onsen panpuri ฟิวดีตั้งแต่เปิดลิฟท์มาเลย หอมมาก พร้อมกับการต้อนรับจาก พนักงานที่บริการดีมาก น้องฝึกงานผู้ชายบริการดีมีกเลยคะขอชื่นชมเลยเพราะน้องคอยแนะนำผลิตภัณฑ์ ละส่วนตัวอยากนวดด้วยรู้สึกว่า ที่นี่พนักงานเอาใจใส่ดีมาก ออนเซน สะอาดมากๆเลย
ขอบคุณสำหรับประสบการณ์เข้าใช้ onsen ครั้งแรก

หลังจากนั่งทำงานเหนื่อยๆทั้งวัน ก็ได้ลองไปแช่ออนเซ็นจากที่เพื่อนแนะนำ สบายตัวมากๆ ถึงจะเขินนิดๆก่อนลง

หากท่านใดชอบอ่านสรุปเลย ขอแนะนำให้ไปที่ย่อหน้าสุดท้ายได้เลยนะคะ

เรามีโอกาสได้เข้ารับบริการจากปัญญ์ปุริ เวลเนส จากที่คิดว่าจะเข้าไปทดลองก่อนเพียง 1 ครั้ง จนตอนนี้เราเป็นลูกค้าประจำไปแล้วค่ะ

ด้วยความที่ชอบแช่ออนเซ็น และชื่นชอบการสครับผิวเป็นการส่วนตัว เราจึงเลือกโปรแกรม Onsen Plus Akasuri ซึ่งก่อนเข้าไปใช้บริการ จะต้องจองคิว Akasuri ล่วงหน้าก่อนนะคะ
เมื่อถึงวันที่จองโปรแกรมไว้ เราไปถึง ปัญญ์ปุริ เวลเนส ตั้งแต่เวลาเปิดทำการ 11.00 น. เลย เพื่อแช่ออนเซ็นก่อนทำ Akasuri เวลา 12.30 น.

เราเลือกจอดรถที่อาคารเกษร ทาวเวอร์ ชั้นที่ 5 เข้าลิฟต์ กดชั้น 12 เมื่อประตูลิฟต์เปิด ก็จะเจอเคาน์เตอร์ลงทะเบียน เคาน์เตอร์อาหาร และที่นั่งพักคอย โดยพี่พนักงานจะพาเราเข้าไปเปลี่ยนรองเท้าที่ล็อคเกอร์รองเท้าก่อนเป็นอันดับแรก และลงทะเบียนเพื่อรับ wristband สำหรับล็อคเกอร์ด้านในห้องออนเซ็น

เมื่อลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว สแกน wristband ที่ได้รับ เพื่อเปิดประตูโซนด้านใน ก็จะพบเคาน์เตอร์เบิกกระเป๋าของใช้ ประกอบด้วย ผ้าขนหนูผืนใหญ่ ผ้าขนหนูผืนเล็ก ชุดลำลองที่ไว้ใส่ในช่วงเวลาที่เข้ารับบริการ ส่วนด้านขวามือของประตู จะเป็นห้องพักผ่อนค่ะ

เมื่อเดินตรงเข้าไป ห้องออนเซ็นของผู้หญิงจะอยู่สุดทางเดินค่ะ ตอนเดินไปก็จะผ่านห้องออนเซ็นของคุณผู้ชายก่อน

หลังจากก้าวเข้าห้องออนเซ็นแล้ว ทาง ปัญญ์ปุริ เวลเนส มีกฎว่าห้ามถ่ายภาพและวีดีโอค่ะ เราก็ตรงไปที่ล็อคเกอร์ตามหมายเลขใน wristband ที่ได้รับ เปลี่ยนเสื้อผ้า โดยบางท่านเลือกที่จะสวมใส่ผ้าคาดอกและกางเกงผ้าแบบบางสำหรับลงแช่ออนเซ็น

ก่อนลงแช่ออนเซ็น ตามธรรมเนียมก็ต้องชำระล้างร่างกายกันก่อน บ่อออนเซ็นจะมีทั้งหมด 6 บ่อ (อุณหภูมิบ่อร้อนจะอยู่ที่ 37-41 องศาเซลเซียส บ่อเย็นจะอยู่ที่ 16-18 องศาเซลเซียส) ห้องสตรีม และห้องซาวน่าเกลือหิมาลายัน สามารถเลือกลงแช่ และเข้าห้องต่าง ๆ ได้ตามโปรแกรมที่แปะอยู่ได้เลยค่ะ

และเนื่องจากเราจอง Akasuri ไว้ เมื่อถึงเวลานัดพี่พนักงานจะรอสแตนบายที่หน้าห้อง Akasuri และเราก็รู้งาน สอบถามกันโดยไม่ต้องเรียกค่ะ

Akasuri เป็นการขัดผิวแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น โดยใช้ผ้าขนหนูที่เป็นขนสาก ๆ ถูไปทั่วทั้งตัวประมาณ 30 นาที เมื่อขัดจนทั่วแล้วพี่พนักงานจะล้างตัวด้วยสบู่ให้อีกรอบ โดยเมื่อทำ Akasuri แล้ว พี่พนักงานให้เราแช่บ่อน้ำเย็นต่อเพื่อกระชับรูขุมขน และข้อควรระวังคือห้ามแช่บ่อน้ำร้อนทันที เพราะจะทำให้รูขุมขนอักเสบได้ (ควรพักผิวก่อนประมาณ 30 นาที)

เมื่อจบครบถ้วนตามที่เราต้องการแล้ว ก็อาบน้ำ สระผม และเข้ามาแต่งตัวตรงโซนล็อคเกอร์ โดย ปัญญ์ปุริ เวลเนส ก็มีผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ไว้บริการ ประกอบด้วย สบู่เหลว ยาสระผม ครีมนวดผม โลชั่นทาผิว ออยล์ทาผิว โทนเนอร์ น้ำยาบ้วนปาก ผลิตภัณฑ์บำรุงผม ฯลฯ

จบแล้วแหละ รอบหน้า ถ้าเราได้ใช้บริการร้านอาหาร จะมารีวิวใหม่นะคะ

คราวนี้ ก็มาถึงความรู้สึกส่วนตัวที่ได้รับหลังเข้าใช้บริการค่ะ

สถานที่
1. เดินทางสะดวก ใกล้รถไฟฟ้า BTS
2. ที่จอดรถเยอะ สามารถประทับตราจอดฟรี 6 ชั่วโมงได้ที่เคาน์เตอร์ ปัญญ์ปุริ เวลเนส
3. สะอาด ปลอดภัย

บรรยากาศ
1. เงียบสงบ
2. มีกลิ่นหอม ผ่อนคลายในทุกที่
3. มีการให้แสงโทนอุ่น ช่วยให้รู้สึกอบอุ่น สบายใจมากขึ้น
4. หากไปช่วงเช้า คนน้อย ค่อนข้างเป็นส่วนตัว

พนักงาน
1. สุภาพ เรียบร้อย
2. มี Service Mind
3. ดูแลเอาใจใส่ดี

ผลิตภัณฑ์
1. คุณภาพดี ไม่แพ้
2. มีกลิ่นเฉพาะตัวที่หอม และเป็นกลิ่นโทนเดียวกันทั้งหมดทุกไลน์ผลิตภัณฑ์ ทำให้กลิ่นส่งเสริมกันไปทั้งตัว

ราคา
1. สมเหตุสมผล
2. ไม่มีจำกัดเวลาเข้าใช้บริการ

ข้อแนะนำ
1. สำหรับผู้ที่ไม่ชอบคนเยอะ ขอให้หลีกเลี่ยงช่วงเวลาตั้งแต่ 17.00 – 20.00 น. เพราะคนจะใช้บริการกันแน่นไปนิด
2. กรณีเข้ารับบริการ Akasuri ขอให้จองล่วงหน้ามาก่อนประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อลงวันเวลาที่ต้องการได้ ถ้าจองกระชั้นชิดอาจจะไม่เหลือ slot เวลาให้เลือกมากนัก
ทั้งนี้ทั้งนั้น ความเห็นส่วนตัวคือ โดยรวมเราชอบค่ะ และน่าจะเป็นลูกค้าประจำต่อไป
และช่วงนี้ สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลงแล้ว คนเข้าใช้บริการจึงเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จึงขอแสดงความยินดีกับ ปัญญ์ปุริ เวลเนส ที่จะมีโอกาสได้ให้บริการชั้นดีกับลูกค้าต่อ ๆ ไปค่ะ