วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขต อำเภอแม่วาง ใช้ระยะเวลาในการเดินทางจากตัวเมืองมาประมาณ 1.45นาที ถึง 2ชั่วโมง ระยะทางไม่ไกลนักแต่เส้นทางก่อนจะถึงวัดจะเป็นเขาสลับซับซ้อนขับขี่รถต้องใช้ความระมัดระวังและมีประสบการณ์เนื่องด้วยถนนและเส้นทางยังไม่พัฒนามากเท่าที่ควร สำหรับท่านที่ไม่ชำนาญทางหรือขับขี่ในเส้นทางขึ้นและลงเขาอันลาดชัน แนะนำให้ ขับรถของท่านมาจอดไว้ที่บริเวณหมู่บ้านห้วยหยวก ที่นี่จะมีบริการรถรับส่งนำพาท่านไปยังวัดเพื่อความปลอดภัย โดยเค้าจะคิดค่าบริการคันละ 1,000บาท สามารถนั่งโดยสารได้ 8-10ท่าน สะดวกและปลอดภัยกว่าเยอะ

ประวัติวัดนี้ คนในพื้นที่บอกกล่าวว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงเสด็จมายังบริเวณที่ตั้งของวัดหลวงขุนวินนี้ มีชาวลัวะ 2 คน คือ ขุนสาบและขุนสระเมิง ที่มีจิตใจเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาและพระพุทธองค์ ได้กราบทูลขอพระเกศาธาตุ พระพุทธองค์ทรงประทานให้แล้วสร้างเจดีย์ครอบไว้บนยอดเตี้ย ๆ เรียกว่า พระธาตุม่อนเปี้ยะ

และจากนั้นพระพุทธเจ้าทรงเสด็จมาทางทิศที่จะมาเพื่อประทับรอยพระบาท ประทับบนหินก้อนหนึ่งกว้างประมาณ 1 ศอก ยาว 2 ศอก แต่เนื่องจากหินก้อนเล็กไปจึงปรากฏเฉพาะรอยฝ่าพระบาทเท่านั้น ส่วนส้นและนิ้วพระบาทหายไป พระพุทธองค์ทรงทำนายไว้ว่า พระพุทธบาทนี้ไม่เต็มรอยเพราะแหว่งไป (ภาษาพื้นเมืองเรียกว่า หวิดไป) จึงเรียกเมืองแถวนี้ว่า เมืองหวิด ต่อมาเรียกว่า เมืองวิน

สมัยเจ้าหมื่นคำชาวเป็นน้องของขุนหลวงวิลังคะ ได้ทำนุบำรุงดหลวงขุนวินได้เจริญขึ้นมาอีกครั้ง โดยมีครูบาปัญญาวงศา เป็นเจ้าอาวาส หลังพม่าตีเมืองเชียงใหม่แตก วัดนี้จึงกลายเป็นวัดร้างเกือบ 700 ปี หลังจากเป็นวัดร้างมานาน ครูบาอุ่นเรือน สุภทฺโท วัดควรนิมิตร ได้บูรณะวัดแห่งนี้ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง สร้างเสร็จได้นิมนต์ครูบาอภิชัย ขาวปี

วัดหลวงขุนวินนี้ตั้งอยู่ซ่อนตัวกลางป่าลึก ซึ่งการเดินทางมาที่วัดนี้ค่อนข้างลำบากเป็นวัดที่อยู่ไกลจากชุมชน ไฟฟ้าก็ไม่มีใช้มีเพียงแค่พลังงานจากแสงอาทิตย์เท่านั้น ถนนเส้นหลักที่ไปยังวัดก็ยังไม่สะดวกสบายมีเพียงถนนลาดยางมาถึงแค่บ้านห้วยหยวก ต่อจากนั้นก็จะเป็นถนนดินแดงหรือเรียกว่า ถนนลูกรัง ตลอดเส้นทางคดเคี้ยวขึ้นและลงไปตามหุบเขา ทำให้เข้าถึงยาก แต่ภายในวัดก็มีสิ่งปลูกสร้างและผลงานพุทธศิลป์ที่มีเอกลักษณ์อันเต็มเปี่ยมด้วยมนต์เสน่ห์มากมาย

ศาสนสถานภายในวัดที่โดดเด่นคืออาคารไม้ลวดลายวิจิตรแบบลานนาโบราณ และเจดีย์บรรจุพระเกศาธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีอุโบสถสองหลัง คือ อุโบสถพระยืน (ปางจงกรมแก้ว) และอุโบสถพระนอน (ปางปรินิพพาน) ซึ่งเป็นพระพุทธรูปไม้แกะสลักอ่อนช้อยงดงามเหนือคำบรรยาย และมีบันไดพญานาคที่สวยงามมากๆครับ