นี่เป็นบทวิจารณ์ที่สองของผมเกี่ยวกับโรงแรมเดียวกันนี้ ผมเคยเข้าพักในโรงแรมนี้มาแล้วในช่วงพักร้อนของเราในปี 2008, 2009, 2010 และ 2011 เราเดินทางกันสามคน (ภรรยาของผม ลูกสาว และตัวผมเอง) นับแต่การมาเยือนครั้งแรกของเราในปี 2008 เราหลงรักโรงแรมนี้ก็เพราะพนักงานของโรงแรม ทำเลที่ตั้ง และสิ่งที่บริเวณใกล้เคียงเสนอให้เราได้ (แต่อาคารโรงแรมไม่ดีนัก ถึงกระนั้นในรีสอร์ทชายทะเลนั่นไม่สำคัญเท่าไหร่เพราะตราบใดที่ห้องพักสะอาดและผ้าปูที่นอนผ่านการซักล้าง ก็ไม่มีปัญหากับเรื่องนั้น)
ในการมาเยือนครั้งต่อไปทุกครั้งของเรา ๆ เลือกโรงแรมนี้เพราะราคาสมเหตุสมผลอีกด้วย และเราได้เตียงที่แยกต่างหากสำหรับลูกสาวตัวน้อยของเราเสมอ รวมทั้งอาหารเช้าครบเครื่องสำหรับเราทั้งสามคน ไม่มีปัญหาแม้แต่ครั้งเดียวนอกจาก...ครั้งล่าสุดในปี 2011
ครั้งนี้ก็เหมือนกับครั้งอื่นๆ เราใช้รูปแบบเดิมในการยื่นคำขอต่อโรงแรมนี้ (เช่น เตียงคู่ขนาดใหญ่หนึ่งเตียง + เตียงเดี่ยวสำหรับลูกสาวของเรา + อาหารเช้าสำหรับ 3 คน) การจองห้องพักเกิดขึ้นโดยผ่านทางตัวแทนบริษัทท่องเที่ยวแห่งเดิมเหมือนการมาเยือนครั้งก่อนๆ ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี เว้นแต่ว่าครั้งนี้แพคเกจมีราคาสูงขึ้นมาก (ใครจะคิดว่าราคาจะสูงขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมื่อคนไทยน่าจะยืดหยุ่นกว่านี้ในการพยายามหานักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นหลังจากเกิดปัญหาที่พวกเขาฝ่าฟัน ซึ่งรวมไปถึงวิกฤติทางการเมือง การเดินขบวน และสภาพภูมิอากาศ) อย่างไรก็ตามผมคิดว่า "โอเค เศรษฐกิจของไทยกำลังไปได้สวยและดอลลาร์สหรัฐฯ กำลังร่วง ดังนั้นอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตรา ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ" กระนั้นก็ดีนั่นไม่ใช่ปัญหาที่แท้จริง ปัญหาก็คือตอนที่เราไปถึง
"คุณได้อาหารเช้าสำหรับ 3 คนและคุณได้เตียงคู่หนึ่งเตียงในห้องพักของคุณ" สุภาพสตรีแผนกต้อนรับบอกกล่าวผมขณะเช็คอิน "เตียงของลูกสาวของเราล่ะครับ" ผมถามหลังจากคิดว่าเธอจะยืนยันทันทีว่าหนึ่งเตียง "ไม่มีเตียงสำหรับเด็กค่ะ" เธอตอบ "คุณหมายความว่าอย่างไร" ผมถามและเอาสำเนาใบจองห้องพักออกมา เธอกลับให้ผมดูเอกสารของเธอและพูดว่าไม่มีคำขอเตียงพิเศษสำหรับเด็ก ผมใช้เวลาประมาณ 30 นาทีในการพยายามพิสูจน์ว่าคำขอของผมรวมเตียงนี้ไว้ด้วย และปีก่อนๆ ทุกปีคำขอก็เหมือนเดิมและเราได้เตียงพิเศษหนึ่งเตียงเสมอ และนอกจากนั้นเมื่อก่อนลูกสาวของเรายังเล็กและไม่ค่อยจำเป็นต้องใช้เตียงที่แยกต่างหากในสองปีแรก แต่เราก็ยังได้เตียงโดยไม่มีปัญหา แต่ครั้งนี้เราต้องการหนึ่งเตียงจริงๆ เพราะทุกวันนี้เธอไม่ใช่เด็กเล็กอีกต่อไปแล้ว หลังจากโต้ตอบกันสุภาพสตรีคนนั้นก็บอกผมว่าผมสามารถจ่ายเพิ่มอีกวันละ $13 เป็นค่าเตียง ผมบอกเธอว่ามันชักจะน่าขำเพราะ $13 (ซึ่งไม่มากมายอะไร) นั้นก็ประมาณ 400 บาทและคุณสามารถหาที่พักที่เรียกได้ว่าดีในพัทยาได้ด้วยเงินจำนวนนี้ และไม่ใช่ปัญหาเรื่องเงิน ($13 ต่อวัน รวมแล้วก็ประมาณ $ 150 สำหรับวันที่เราพักทั้งหมดรวมกัน) มันเป็นปัญหาเกี่ยวกับหลักการ ดังนั้นผมจึงขอพบผู้จัดการที่อยู่ในห้องด้านหลัง แต่สุภาพสตรีคนนั้นซึ่งใช้เวลาอยู่ในห้องนั้นประมาณ 10 นาที ออกมาบอกว่าเขาไม่ได้อยู่ในนั้น
ในวันนั้นและในวันถัดไปผมถามหาผู้จัดการคนนั้นประมาณ 20 ครั้ง บรรดาสุภาพสตรีในทุกกะรู้ดีทีเดียวว่าผมเป็นอย่างไร มาจากห้องไหน และปัญหาคืออะไร พวกที่รู้ก็จะบอกผมว่า "สักครู่หนึ่ง" แล้วไปที่ห้องทำงานด้านหลัง แต่จะกลับมาโดยต้องโกหกว่า "ผู้จัดการยังไม่อยู่ที่นั่น" ในที่สุดช่วงท้ายของวันที่ 2 ผมบอกพวกเธอว่าผมจะไม่ไปจากบริเวณต้อนรับจนกว่าจะพบผู้จัดการ พวกเธอบอกผมว่าเขาจะพบผมภายใน 30 นาที (!!!)...ลองคิดดูสิ ผู้จัดการโรงแรมคนหนึ่งในย่านที่มีนักท่องเที่ยวมากมาย ซึ่งน่าจะออกมาจากที่ซ่อนเพื่อเอาใจลูกค้า กลับทำให้ผมตามหาเขานาน 2 วันและในที่สุดก็บอกผมว่าเขาจะพบผมภายใน 30 นาที
อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดเขาก็ออกมาและเราก็นั่งในล้อบบี้กับครอบครัวของผม และผมเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง ผมแปลกใจแต่เขาล้วงเอาเอกสารเก่าๆ ย้อนกลับไปในปี 2008, 2009, 2010 ออกมาจริงๆ และตรวจดูแบบฟอร์มจองห้องพักของเรา เขาบอกผมว่าคำขอที่พวกเขาได้รับจากตัวแทนบริษัทท่องเที่ยวไม่มีการกล่าวถึงเตียงพิเศษสำหรับการจองห้องพักครั้งล่าสุดของเรา (ปี 2011) ผมพูดว่า "โอเค" หากเป็นปัญหาของตัวแทนบริษัทท่องเที่ยวผมก็ไม่แยแส ช่างมันเถอะ แต่ผมจองห้องพักโดยมีคำขอนี้และอื่นๆ เขาพยักหน้าและฟังแต่ไม่เคยมองตาของผม และพูดร่ำไปว่า "มันไม่อยู่ในคำขอของตัวแทนบริษัทท่องเที่ยวและนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณจึงไม่ได้เตียงพิเศษ" นี่คือคำตอบของเขาสำหรับคำโต้แย้งทุกคำของผม อ้อ โดยที่ไม่ได้ตั้งใจทำร้ายความรู้สึกหรือบุคลิกภาพของใครเลยนั้นผมต้องพูดว่าเขาไม่ใช่คนที่น่าคบ เขาไม่เคยมองตาของผมเวลาเขาพูด และใบหน้าของเขาแสดงออกซึ่งความทึ่มทื่่อและไม่มีความสุขในการที่ต้องนั่งที่นั่นกับชายหนุ่มโง่บัดซบที่หัวรั้น (ซึ่งก็คือผม) อย่างไรก็ดีผมพยายามบอกเขาว่าผมเป็นคนหนึ่งในบรรดาลูกค้าไม่กี่คนที่มาโรงแรมเดิมเป็นครั้งที่ 4 และผมมาประเทศไทยกับครอบครัวของผมเพราะเรารักประเทศนี้ รักผู้คน วัฒนธรรม ฯลฯ และเขาควรภูมิใจที่ได้ต้อนรับลูกค้าแบบนี้ แต่เขาไม่สน (ขอโทษที) เขาไม่สนใจใยดีเอาเสียเลย หากเป็นคนอื่นหรือโรงแรมอื่นที่ยินดีต้อนรับเรากลับไปแม้แค่เพียงครั้งที่ 2 จะทำอะไรบางอย่างเพิ่มเติมเป็นพิเศษเพื่อแสดงความนับถือและความพอใจต่อการเลือกของเรา แต่ไม่ใช่พ่อหนุ่มคนนี้ !
ผมหวังว่าเขาหรือเพื่อนร่วมงานของเขาได้อ่านรายงานนี้และพวกเขา (ไม่ ไม่ใช่ว่าเขาหรือพวกเขาจะเปลี่ยนแปลง) อย่างน้อยที่สุดตระหนักว่านี่ไม่ใช่วิธีปฏิบัติต่อลูกค้า
เรายังรักประเทศไทย รักผู้คน เรารักทำเลที่ตั้งของโรงแรมนี้ รักพนักงานโรงแรม (พวกเขาส่วนมากเป็นมิตรอย่างมากและบางคนอยู่ที่นั่นตั้งแต่เรามาเยือนครั้งก่อนๆ) แต่จะไม่กลับไปที่นั่น...เว้นแต่พวกเขาส่งคำเชิญเป็นการส่วนตัวให้พวกเรากลับไป
ประเทศไทยมีสถานที่ที่ดีกว่าโรงแรมแกรนด์ จอมเทียน 'พาเลซ' อีกมากมายก่ายกอง