เรามาถึงเมสันหลังเที่ยวคืนและเราประทับใจกับระบบความปลอดภัยที่นี่และการต้อนรับมากและมันใช้เวลาไม่กี่นาที เราได้ห้อง 109 และ 110 ห้องใหญ่และมีพื้นที่กว้างและมีเตียงเดี่ยว 2 เตียงในห้อง มีพื้นไม้ที่เงาและสะอาด ไม่เหมือนหลายๆโรงแรมนะที่นี่ ที่นี่มีไฟสว่างพอที่จะอ่านหนังสือพิมพ์และมีโคมไฟ เก้าอี้และโต๊ะสบายมาก ทั้ง 5 คืนที่เราพักหลับสบาย อาหารเช้าเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ในร้านอาหารหลังแผนกต้อนรับ ที่นี่มีน้ำผลไม้และกาแฟที่ดี มีผลไม้สด ขนมปัง ครัวซองค์ อาหารจานร้อนวางอย่างเป็นระเบียบและปรุงอย่างดีโดยสั่งที่ Laotian pho และมีแพนเค้กที่ดีที่สุดอีกด้วย

พนักงานที่นี่มีไมตรีจิตดีมากและมีกาแฟอร่อย ๆ มาต้อนรับ เราสำรวจบริเวณโดยรอบและพบว่าสวนถูกจัดมาอย่างเป็นระเบียบสวยงามด้วยดอกไม้ต่าง ๆ ที่น่าสนใจ ซุ้มทางเดินไม้เลื้อยระหว่างแผนกต้อนรับและห้องพักสร้างร่มเงาจากพระอาทิตย์อันร้อนแรงของเมืองคนลาวและมีรูปปั้นช้างอยู่ไม่ไกล สถานที่ทั้งหมดสะอาดอย่างพิถีพิถัน มีคนคอยเปลี่ยนดอกไม้ในแจกัน เราทานมื้อค่ำกันที่ชั้น 1 ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2012 นี่เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม มีนักดนตรี 4 คนเล่นวงมโหรีและมีนางรำ 3 คนมาในชุดและรำที่ดูแปลกตา หลังจากทานอาหารเรียกน้ำย่อยและซุปอร่อย ๆ แล้ว อาหารที่เหลือถูกจัดวางพรีเซนต์ในเรือหางยาว

อาหารของที่นั่นมีรสชาติกลมกล่อมหลากหลายไปด้วยเนื้อและผัก ความเผ็ดจากพริกไม่มากเกินไป ถ้าอยากได้รสเผ็ดยิ่งขึ้นก็มีพริกขี้หนูเม็ดเล็ก ๆ วางเคียงมาให้สองสามเม็ด อาหารค่ำทั้งหมดถูกห้อมล้อมด้วยจานของหวาน อาหารเจ้าชายลาวมื้อนี้ถูกออกแบบและจัดการมาอย่างดีแสดงให้เห็นว่าคุ้มเงินที่ต้องจ่าย ตกหัวละ 25.00 ดอลล่าร์สหรัฐ เรากลับมาอีกครั้งในคืนถัดมาโดยบังเอิญ หลังจากทานมื้อค่ำที่ในเมืองแล้วและสั่งข้าวเหนียวมะม่วง มันเสริฟมาพร้อมกับมะม่วงและเราไม่ผิดหวังเลย ช่วงที่ผ่อนคลายที่สุดที่ต้องพูดถึงคือตอนที่ภรรยาของผมได้ทำสปา

เธอพบว่าการนวดแบบชวาช่วยผ่อนคลายได้มากที่สุด และเธอก็เลยจัดการตามใจตัวเองด้วยโปรแกรมนวดถึงสี่ครั้งในช่วงห้าคืนที่เราพักที่นั่น บริการซักอบรีดมีประสิทธิภาพดีมาก และเราชื่นชมบริการด่วนของคืนที่ผ่านมา มีสมาชิกที่น่าสนใจตัวหนึ่งของพนักงานที่อยู่ที่นั่นเป็นนกแก้วตัวเล็กสีเขียว มันชอบไปเกาะที่จอคอมพิวเตอร์ไม่ก็ไปเกาะที่บ่าใครต่อใคร การได้พักที่เมซองสุวรรณภูมิถือว่าเป็นที่ผ่อนคลายของที่สุดแล้ว