ผมและภรรยาพักที่โรงแรมนี้ 1 คืนเนื่องจากจะต้องบินกลับกรุงเทพเวลา 10:05 น ของวันที่ 4 เมษายน ผมเช็คอินที่โรงแรมเกือบจะสามทุ่มของคืนวันที่ 3 เมษายน (ผมนั่ง shuttle bus เที่ยว 20.30 น ไปโรงแรมครับ) เช็คอินรวดเร็วครับ หลังจากเอากระเป๋าไปเก็บในห้องก็ลงมาทานอาหารที่ห้องอาหารในล็อบบี้เพื่อสั่งอาหารตามสั่งเนื่องจากห้องอาหารอีกห้องนึงเป็บบุพเฟ่ (โรงแรมมีห้องอาหารเพียง 2 ห้องและรูมเซอร์วิส(อาหารสั่งทานในห้อง) จากที่เช็คดูในแผนที่กูเกิลบริเวณใกล้เคียงไม่มีร้านอาหารและร้านสะดวกซื้อ ทานเสร็จก็กลับขึ้นห้องเพราะต้องตื่นเช้าเพื่อรีบไปสนามบิน โดยรวมถือว่าสะดวกใกล้สนามบินและมีบริการรถรับส่งสนามบินฟรี เป็นหนึ่งตัวเลือกสำหรับท่านที่มีเที่ยวบินตอนเช้าหรือมาถึงดึกๆแล้วอยากจะพักผ่อนก่อนเข้าโตเกียวในเช้าวันถัดไป

วันนี้(6มิ.ย.61)ดิฉันและครอบครัวได้แก่คุณแม่ พี่สาวและหลานสาว2คน ได้เช็คเอาท์กับทางโรงแรมและขึ้นรถShuttle Busรอบเวลา13.30น.เพื่อมายังสนามบินนาริตะ ตอนที่จะขึ้นรถมีพนักงานขับรถชาวญี่ปุ่นได้พูดภาษาญี่ปุ่นกับพี่สาวดิฉันและผู้เข้าพักอีกท่านหนึ่ง แต่ทั้งสองคนไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่นจึงพยายามสื่อสารกันโดยดิฉันคิดว่าคงจะถามว่าพวกเราจะลงรถที่เทอร์มินอลไหน จึงตอบไปว่าTerminal one เป็นภาษาอังกฤษ พนักงานมีสีหน้าไม่พอใจบ่นพึมพำเป็นภาษาญี่ปุ่น และถามพวกเราว่า “all?” ซึ่งหมายถึงกระเป๋า พวกเรามีสัมภาระทั้งหมดรวมกันคือกระเป๋าเดินทาง6ใบ กระเป๋าหูหิ้ว4ใบและกล่องลังกระดาษขนาดย่อมอีก1ใบ
พนักงานชักสีหน้าอย่างเห็นได้ชัดอีกครั้งและแสดงกริยาค่อนข้างไม่พอใจ ทั้งๆที่ที่สำหรับใส่กระเป๋าใต้ท้องรถไม่ได้เต็ม ในรถมีผู้เข้าพักคาดว่าเป็นชาวจีนประมาณ6-7คน ครอบครัวดิฉันและคู่รักคาดว่าเป็นชาวอเมริกัน1คู่เท่านั้น
เมื่อรถถึงเทอร์มินอล2ชาวจีนกลุ่มแรกลงรถ พนักงานขับรถเดินลงไปเปิดช่องสัมภาระใต้ท้องรถเพื่อยกกระเป๋า ชาวจีนเมื่อได้กระเป๋าเรียบร้อยทุกคนก็เดินเข้าสนามบินไป แต่พนักงานก็ยกกระเป๋าทั้งหมดของครอบครัวดิฉันลงด้วย ทั้งที่ตัวพวกเราไม่ได้เดินลงไปด้วยซ้ำ หนำซ้ำยังปิดที่เก็บสัมภาระเรียบร้อยและจะกลับขึ้นรถ โดยไม่สนใจว่าใครเป็นเจ้าของกระเป๋า(ไม่มีคนลงไปรับกระเป๋าและพนักงานคนนี้ก็เพิ่งยกกระเป๋าขึ้นรถกับมือจัดเก็บเข้าช่องใต้ท้องรถแยกกันจากกรุ๊ปชาวจีน) จนทำให้ดิฉันต้องรีบวิ่งลงไปเพื่อบอกพนักงานให้เปิดช่องใส่สัมภาระและเก็บกระเป๋าเข้าไปใหม่ เป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลอย่างมากถ้าพนักงานจะกลับมาขึ้นรถเพื่อขับต่อไปยังเทอร์มินอล1ทั้งที่กระเป๋าเหล่านั้นยังอยู่บนฟุตบาทโดยไม่มีเจ้าของ
คู่รักชาวอเมริกันก็แสดงความเห็นกับครอบครัวดิฉันไปในทางเดียวกัน คือเข้าใจถ้าพนักงานขับรถจะไม่พูดภาษาอังกฤษ พวกเราก็พูดญี่ปุ่นไม่ได้ แต่พนักงานคนนี้นอกจากจะไม่พยายามสื่อสารให้เข้าใจแล้วยังแสดงกริยาที่ถือว่าหยาบคายทั้งสีหน้า น้ำเสียงและท่าทาง ถ้าหากโรงแรมมีกฎเรื่องการจำกัดจำนวนกระเป๋าเพื่อขึ้นรถก็ควรแจ้งให้ชัดเจน หรือให้เสียเป็นค่าบริการพิเศษสำหรับกระเป๋าก็ย่อมได้ และในกรณีนี้ รถไม่ได้เต็มทั้งที่นั่งและที่เก็บกระเป๋า เราจึงไม่เข้าใจในการแสดงออกของพนักคนนี้
ครอบครัวเราเคยมาพักที่โรงแรมนี้ทุกครั้งได้รับการบริการน่าประทับใจ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมคราวนี้พนักงานเปลี่ยนไป โดยเฉพาะพนักงานขับรถและพนักงานรับฝากกระเป๋าดิฉันแค่ถามว่ามีเทปกาวให้บริการหรือไม่เพราะเคยใช้บริการเชือกและเทปกาวของโรงแรมสำหรับจัดเก็บของที่ซื้อจากห้างอิออนในการมาพักครั้งก่อน ก็มีการแสดงสีหน้า คือไม่มีเราก็ไม่ว่าอะไรเราก็จะได้จัดเตรียมซื้อเพื่อมาจัดของ
นี่เป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ในการเที่ยวญี่ปุ่นที่ถือว่าน่าตกใจและผิดหวังที่สุดของครอบครัวดิฉันก็ว่าได้ ถ้าหากครอบครัวเราเข้าใจผิดก็อยากขอโทษทางโรงแรมและพนักงานทุกคนด้วยอีเมล์ฉบับนี้ และคงต้องคิดให้รอบคอบสำหรับการเข้าพักครั้งต่อไป

ชอบโรงแรมแห่งนี้มากครับ มีจุดเด่นโดยเฉพาะสถานที่ตั้งใกล้สนามบิน ภายในห้องพักมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีร้านค้าที่ขายสินค้าทั่วไปและของฝากในส่วนด้านล่างของโรงแรม มีออนเซ็นให้แช่พักผ่อน มื้อค่ำเป็นบุฟเฟ่ต์ขาปูยักษ์ อาหารเช้าอร่อย ภาพรวมโรงแรมแห่งนี้เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวมากครับ