เป็นเมืองที่สามารถเดินเรื่อยได้ไม่เหนื่อย สามารถเดินได้ทุกถนนศิลปะที่เชื่อมต่อกัน หรือสามารถเช่าจักรยานปั่นไปรอบๆเมืองได้ นอกจากศิลปะและได้ดูวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในปีนังแล้ว อาหารที่นี่ยังอร่อยมาก มีให้เลือกหลากหลาย

เมืองที่เต็มไปด้วยอดีตและวัฒนธรรมจากหลายเชื้อชาติ แต่สามารถอยู่ร่วมกันได้ทั้ง จีน ไทย อิสลาม คริสต์ และทำให้มีอาหารหลากหลายอย่าง ซึ่งที่ขึ้นชื่อเลยคือ Laksa , Chendon และหากใครจะหาร้านอาหารก็สามารรถพบเจอได้มากมาย เช่นตลาดโต้รุ่งแถว Gerny Drive , Suntower Market .....

เดินทางไปจากกรุงเทพฯ ถึงปีนังช่่วงบ่าย เก็บสัมภาระเข้าที่พัก

วันแรกพักที่ red inn cabana ที่พักใกล้แหล่งอาหาร มีเพลงฟัง อาหารให้เลือกมามายในเวลากลางคืน รอบๆจะมีร้านนั่งดื่มชิลๆ ร้านอาหารหลากหลาย และเป็นที่รวมตัวเหล่านักฟัง นักกินด้วยละ อย่าลืมแวะชิมชอคโกแลตด้วยละ อยู่ด้านหน้าที่พักเลย อร่อยมากๆ เมื่อเก็บสัมภาระเรียบร้อย เริ่มเดินเท้าด้วยการไปเที่ยวตามซอกซอย ถนนและซอยเส้นนี้จะบอกว่า...มันสามารถเดินทะลุกันได้ทั้งเส้น ใกล้และเดินเล่นได้เรื่อยๆ

The Camera Museum มีกาแฟอร่อยๆ เรียกว่าทำคอกาแฟนั่งเพลินเลยละ ขนมเค๊กอร่อย บรรกาศสบาย และสามารถถ่ายรูปได้ฟรีเข้าฟรีในส่วนของด้านล่างนะ ถ้าจะขึ้นข้างบนต้องเสียค่าเข้านะจ๊ะ และ เมื่อเดินมาเรื่อยจะพบกับ ภาพวาด Art Art ตามถนนและเส้นทางแนวนั้นๆ เดินถ่ายรูปเพลินเลย พลาดไมไ่ด้คือ Street Art ที่ใครมาแล้วพลาดไม่ได้เลย คือภาพวาดตามผนังภาพแมว ภาพเด็กเล่นชิงช้า ภาพขับมอเตอร์ไซค์ และอีกเยอะแยะมาก สามารถเดินได้ตามแผนที่ ที่มีแจกทั้วไปตามห้องพัก เรียกว่าเดินตามลายแทงกันเลยละ สนุกตรงที่เราต้องหาและเข้าตามซอกซอย ยังกะหาสมบัติ ^^