เป็นแลนด์มาร์คสำคัญที่มาถึงมอสโคว์แล้วต้องไปให้เห็นด้วยตาถึงความยิ่งใหญ่ที่อยู่ในกลางเมือง ความงดงามของสถาปัตยกรรมที่ผ่านกาลเวลาและประวัติศาสตร์อย่างยาวนาน เก็บสมบัติของชาติอันล้ำค่า ภูมิทัศน์โดยรอบก็ขรึมขลังอลังการ ในช่วงคริสต์มาส มีการตั้งต้นคริสต์มาสห้อยระย้าตุ๊กตุ่น ตุ๊กตาหมี น่ารัก อยู่ตรง Cathedral Square ที่เต็มไปด้วยความงามของศิลปะศาสนาคริสต์นิกายออโธด๊อกซ์ ทั้งด้านนอกและด้านในโบสถ์

พระราชวังเครมลินใหญ่โตมากๆ ค่ะ เราเข้าจากอีกฝั่ง ฝั่งนั้นมีสวนสวย ซึ่งต้นไม้กำลังเปลี่ยนสีถ่ายรูปได้สวยงาม ก่อนเข้าต้องมีสแกนสัมภาระก่อนด้วยนะคะ จากนั้นไกด์พาเราเข้าไปชมในส่วนของพิพิธภัณฑ์เครื่องเพชรก่อนแล้วค่อยเข้าชมในส่วนของพิพิธภัณฑ์และวิหารอัชสัมชัญ

นอกจากนั้นยังมีระฆังและปืนขนาดใหญ่ด้วยค่ะ ระฆัเงป็นระฆังที่มีรอยแตก ซึ่งไกด์แต่ละคนก็เล่าไม่เหมือนกันค่ะ ส่วนในวิหารอัชสัมชัญนี่สวยงามมากๆ แต่เค้าไม่ให้ถ่ายข้างในน่ะค่ะ แต่เป็นที่ทำราชาภิเษกด้วยนะคะ

ที่ๆนักท่องเที่ยวทุกคนต้องมาเยือน เหมือนฝรั่งต้องมาวัดพระแก้ว ควรไปถึงตั้งแต่เช้า วันแรกที่ไปถึงลองจะเข้าช่วงบ่าย ทนต่อคิวไม่ไหว ไม่ไหวแม้แต่จะหาปลายแถว วันที่สองเลยแก้มือ มาถึงที่ซื้อตั๋วตั้งแต่ 9โมงเช้า คิวก็เริ่มยาวแล้ว ตั๋วจะเริ่มขาย 9.30 ช่องขายตั๋วก็สุดแสนจะงง แถวก็ยาวเป็นงูขดไปขดมา ต่อผิดช่องมีเศร้าแน่ ได้ตั๋วมาแล้ว ยังเข้าเลยไม่ได้นะคะ ให้ฝากกระเป๋าก่อน ถ้ากระเป๋าผู้หญิงใบไม่ใหญ่เข้าได้ ถ้าไม่แน่ใจขนาดกระเป๋าว่าจะผ่านไม่ผ่าน ลองไปถามคนรับฝากดูก่อน เพราะถ้าเสี่ยงหิ้วไปแล้วตรงประตูไม่ให้ผ่าน ต้องเดินกลับมาฝากนี่ไกลนะ แล้วต้องมารอคิวใหม่อีก ขนาดเราไปฝากเป๋ามาเรียบร้อย เริ่มต่อคิวเข้า Armoury ตั้งแต่ยังไม่ 11โมง กว่าจะได้เข้าตึกปาไปเกือบเที่ยง

เข้าตึก Armoury ไปแล้ว ก็ยังเข้าดูเลยไม่ได้นะ ต้องไปฝากแจ็คเก็ต/เสื้อโค้ชอีกกกกกกกก จะพิธีรีตองเยอะไปไหนนนนนนนนนน จะหมดครึ่งวันแล้วยังไม่ได้เห็นอัลไลเลยยยยยย

ฝากเสร็จเรียบร้อยสแกนตั๋วผ่านช่องเข้ามา อย่าเพิ่งรีบ เดินนิดนึงจะเป็นห้อง Dimond Fund ถ้าจะเข้าชม ซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์ตรงนั้นเลย อีก 500รู (ที่จ่ายมาตอนแรก 1200 ยังไม่ได้ดูอะไรเลยนะ จ่ายเพิ่มอีก 500ละ) จากความเห็นส่วนตัวนี่เฉยๆกับ dimond fund ทั้งที่ของแต่ละอย่างอลังการมาก มันเป็นห้องโชว์เพชรก้อนใหญ่ๆ เครื่องเพชร เครื่องประดับ มงกุฏ คฑา สายสะพาย ก้อนทอง ก้อนแพลตทินั่ม ของกษัตริย์ที่นี่และที่อื่นให้มา เดินวนนิดนึงก็หมดห้องละ (ยังคิดอยู่ว่ามันมีห้องลับที่เราไม่ได้เข้าอีกรึป่าว ถามพี่คนอื่นก็บอกไม่มีนะ) ต่อให้อ่านประวัติทุกชิ้นก็น่าจะใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ถ้าคนที่ชอบแนวนี้ก็คงบอกว่าคุ้มค่าแหละ

ในที่สุดก็ถึง Armoury จริงๆซะที ชั้นล่างจะเป็นพวกชุดของคิงและควีนสมัยก่อน ชุดเกราะออกรบ ชุดเกราะของม้า อาวุธต่างๆ เก้าอี้บัลลังก์ รถม้า (ประทับใจรถม้าสุดๆ บางคันมันใหญ่มาก ใหญ่เกือบเท่ารถบ้านหรือ minitruck จนนึกภาพไม่ออกว่าม้าจากลากยังไงไหว)

ส่วนชั้นบนส่วนใหญ่เป็นพวกของใช้ที่เป็นทอง ทองเหลือง สำริด พวกจาน ชาม ช้อน ไห หีบ ปกหนังสือ เป็นต้น (ทำไมอธิบายแล้วไม่ชวนน่าสนใจเลยนะ)

พอเริ่มเอียนข้าวของเครื่องทองพอประมาณ ก็ออกจาก Armoury มาเข้าสู่โซน Cathedral Square จะมีโบสถ์ที่หันหน้าเข้าหากันอยู่ 3-4 โบสถ์ แต่ละโบสถ์มีไว้เพื่อทำหน้าที่แตกต่างกันไป ข้อมูลตามที่ตัวเองเข้าใจมีประมาณนี้

– Cathedral of the Archangel เป็นโบสถ์ที่ไว้เก็บศพของบรรดาเจ้าและนักบวช ภายในโบสถ์มีโลงเรียงรายอยู่รอบห้อง ตกแต่งด้วยภาพวาดและโคมระย้าสวยงาม ไม่ได้ดูน่ากลัว เพราะคนเยอะมาก เบียดเสียดกันเข้าออก

– Cathedral of Annunciation เหมือนเป็นโบสถ์ที่ไว้เก็บของสำคัญๆ ภายในดูเก่ากว่าโบสถ์อื่น ดูมีความขลังมากกว่าด้วย มีชั้นใต้ดินลับ และประตูเชื่อมกับทางเข้าตึกใหญ่ (Grand Palace) ปัจจุบันไม่ได้เปิดให้ผ่านทางนั้น

– Cathedral of the Dormition เป็นโบสถ์เก่าแก่ที่สุดในเครมลิน ไว้จัดพิธีสำคัญต่างๆ ของเจ้า (ไม่เปิดให้เข้า)

– Church of the Deposition of the Robe เป็นโบสถ์เล็กๆ อยู่ระหว่างโบสถ์ Annunciation กับโบสถ์ Dormition (ไม่เปิดให้เข้า)

– Church of the Twelve Apostles เป็นโบสถ์เล็กๆ ไม่ได้หันหน้าเข้าเวิ้ง Cathedral Square เหมือนโบสถ์ข้างต้น แต่ตั้งหันหลังชนกับโบสถ์ Dormition เดินผ่านทะลุลอดใต้โบสถ์ได้อย่างเดียว

– Ivan the Great Bell Tower หอระฆังที่สูงสุดในเครมลิน แต่ระฆังดันอยู่ข้างล่างและแตกด้วย เป็นจุดถ่ายรูปสำคัญอีกหนึ่งที

จุดสำคัญที่เหลือก็จะมีปืนใหญ่ตั้งเรียงรายอยู่ถัดจากหอระฆัง และป้อมกำแพงเครมลินที่มีทั้งหมด 21ป้อม บางคนเค้าก็เดินถ่ายทุกป้อม แต่นี่ว่ามันก็คล้ายๆกัน ถ่ายป้อมใหญ่สุดตรงทางเข้ามาอันเดียว

สรุปว่าเครมลินที่เดียว ขนาดไม่ค่อยจะอิน ยังใช้เวลาไป 6 ชั่วโมง (เริ่มต่อคิว 9.00 ออกมาตอน 15.00) ค่าเข้าชมทั้งหมด 1700รู