ร้านนี้เป็นร้านห้องแถวแคบๆ เล็กๆ อยู่ริมถนน ในร้านมีแค่ประมาณ 2 โต๊ะใหญ่ และ 2 โต๊ะเล็ก นั่งได้ทั้งหมดราวๆ 12-14 คน เพราะด้านหลังของร้านเป็นครัว และถัดมาเป็นตู้แช่ ตู้เย็น เคาน์เตอร์ และที่เก็บของสารพัด ดูรกๆ แน่นๆ การให้คะแนนของร้านนี้ต้องแบ่งเป็น 4 ส่วน ส่วนของรสชาติอาหารถือว่าดี และการบริการถือว่าดีมาก เจ้าของร้านดูแลบริการลูกค้าเองตลอด อาหารรสชาติดีไม่มีปัญหา แต่ในส่วนของสถานที่และความแออัดคับแคบถือว่าเป็นความเสี่ยงสูงมาก เนื่องจากเป็นห้องแอร์ แต่ละโต๊ะติดกันมากๆ นั่งแล้วแทบจะห่างจากโต๊ะอื่นไม่เกิน 1-2 ฟุต ถ้าเป็นคนไม่รู้จักกันแล้วต้องมานั่งใกล้ชิดกันขนาดนี้ในห้องแอร์ในช่วงโควิด ก็ถือว่าไม่ปลอดภัยและทำให้ไม่สบายใจเลยค่ะ ถ้ามีลูกค้ามานั่งเต็มร้านก็ยิ่งน่าเป็นห่วงใหญ่ ตอนที่เราไปถึงมันทุ่มกว่าแล้ว ในร้านมีแค่โต๊ะใหญ่ที่นั่งประมาณ 4-5 คน เราถูกจัดให้นั่งโต๊ะเล็กเพราะไปกันแค่ 2 คน ก็คิดว่าน่าจะไม่เลวร้ายนัก เพราะในร้านมีแค่เรากับอีกโต๊ะที่ไปนั่งอยู่ก่อน 4-5 คน แต่พอนั่งไปได้สักพัก ปรากฏว่ามีหญิงไทยกับชายที่ดูเป็นแขกๆ มานั่งโต๊ะติดกับเรา เราแทบอยากลุกหนี เพราะนั่งห่างกันแค่ประมาณ 1 ฟุต มันแออัดยิ่งกว่าร้านราเมงในญี่ปุ่นอีกค่ะ ยิ่งในช่วงนี้โควิดกำลังระบาด มันทำให้เรากระอักกระอ่วนสุดๆ กังวลและไม่สบายใจมากๆ เพราะมันครึ่งๆ กลางๆ จะย้ายโต๊ะก็ไม่มีให้ย้าย โต๊ะใหญ่เขาก็จะกันให้สำหรับ 4 คน จะลุกหนีก็ยังกินไม่เสร็จ อาหารเพิ่งมาเสริฟ ก็เลยต้องรีบๆ กินแล้วลุก แต่กว่าจะกินเสร็จก็หลายนาทีอยู่ ต้องรอเช็คบิลอีก กลับออกมาก็เลยกังวลตลอดว่าจะติดโควิดหรือเปล่า อุตส่าห์ระวังตัวมาโดยตลอด จะมาติดเพราะงานนี้มั๊ยเนี่ย? เราเครียดไปหลายวันจนพ้นระยะอันตราย ถือว่าโชคดีมากที่รอดโควิดมาได้ ประเด็นสุดท้ายคือเรื่องราคา ถ้าเปิดดูในเมนูที่เอามาให้ดู ราคาจะดูสมเหตุสมผลมาก จานละประมาณร้อยกว่าบาทถึงสองร้อยกว่าบาท พิซซ่าก็จะอยู่ที่สองร้อยกว่าบาทถึงสามร้อยกว่าบาทเต็มที่ แต่ปัญหาคือทางร้านจะนำเสอนพิซซ่าขนาดจัมโบ้ ซึ่งคุยว่าสามารถเลือกได้ 4 หน้า (4 รสชาติ) ฟังดูน่าสนใจ ก็เลยสั่ง แต่เราพลาดตรงที่ไม่ได้ถามราคาก่อน เพราะเห็นว่าเป็นร้านเล็กๆ ดูจากในเมนูก็ไม่น่าจะราคาโหด ตอนมาเสริฟก็ดูดี เป็นพิซซ่าบางๆ 4 หน้าตามที่เลือกไป ได้หน้าละ 3 ชิ้น ทั้งหมด 12 ชิ้นบางๆ ทานสองคนได้หมดเกลี้ยงเลย ทั้งยังสามารถทานสลัดได้ด้วย จะต่อด้วยของหวานอีกก็ยังได้ เพราะปริมาณไม่ได้เยอะเนื่องจากบางมาก ถึงจะคุยว่าเป็นขนาด 16 นิ้วก็ตาม แต่ปริมาณก็ไม่ได้เยอะอย่างที่คิด เรามาช็อคมากตอนเช็คบิล ทีแรกคิดว่าใส่ราคาผิด เพราะเฉพาะพิซซ่าถาดนี้ราคา 1,018 บาท เราตกใจเพราะไม่เคยเจอพิซซ่าที่ไหนในเมืองไทยราคาขนาดนี้ โดยเฉพาะเป็นร้านเล็กๆ ริมถนน ไม่ใช่ในโรงแรมเชนห้าดาวหกดาว หรือในร้านอาหารอิตาเลี่ยนหรูๆ แบบฟายน์ไดนิ่ง ถ้าราคาหกเจ็ดร้อยก็ยังพอรับได้ แต่เจ้าของร้านยืนยันว่าไม่ผิดราคา ซ้ำยังพยายามจะอธิบายว่าปริมาณมันมากกว่าพิซซ่าปรกติถึง 4 เท่า ซึ่งเราก็งง ถ้ามันปริมาณมากกว่าพิซซ่าหน้า 8.5 นิ้วถึง 4 เท่าจริง เรากับสามีแค่ 2 คนจะกินหมดถาดได้ยังไงกัน 8.5 นิ้วกับ 16 นิ้ว ก็น่าจะต่างกันแค่เท่าเดียว ราคาทำไมถึงพุ่งขึ้นเป็นพันกว่าบาท แต่เรากินไปแล้วนี่ก็เลยต้องจ่าย ไม่มีทางเลือก พลาดเองที่ไม่ได้ถามราคาก่อนสั่ง แต่คิดว่ามันไม่สมเหตุสมผลเลย ทำไมพิซซ่าบางๆ ขนาด 12 ชิ้นถึงต้องราคาพันกว่าบาท ไม่ใช่พิซซ่าเนื้อนำเข้า และไม่ใช่หน้าซีฟู๊ดหรืออาหารทะเลแพงๆ ด้วยนะคะ ที่เราเลือกคือเป็นหน้ามีทเลิฟเว่อร์ธรรมดา ซึ่งมีพวกเนื้อหมู หน้าเห็ดทรัฟเฟิล ซึ่งมีกลิ่นเห็ดทรัฟเฟิล แต่ไม่น่าจะใช่เห็ดทรัฟเฟิลจริงๆ มีหน้าซอสไข่กุ้ง และอีกหน้าจำไม่ได้แต่ก็เป็นหน้าธรรมดาๆ ไม่ได้วิลิศมาหราอะไร ก็เลยรู้สึกเหมือนเสียรู้ โดนต้ม เข็ด ไม่ประทับใจ และไม่แนะนำเลยค่ะ และก็จะไม่กลับไปกินร้านนี้อีกอย่างเด็ดขาด
คุณเป็นเจ้าของหรือผู้บริหารสถานที่ให้บริการแห่งนี้ใช่ไหม อ้างสิทธิ์รายชื่อธุรกิจของคุณเพื่อตอบรีวิว อัปเดตโปรไฟล์ และอื่นๆ อีกมากมายได้ฟรี