น้ำทะเลใสปิ้ง หาดทรายขาวสวยงาม บรรยากาศดีมาก มีต้นไม้ใหญ่ให้หลบแดดมากมาย หรือใครชอบอาบแดดก็คงจะฟิน แต่ปะการังมีไม่เยอะเท่าไหร่ จุดดำน้ำไม่ว้าวเท่าไหร่

เราเริ่มเดินทางตั้งแต่วันที่ 12 - 14 กุมภาพันธ์ โดยจองตั๋วโปรข้ามปีของแอร์เอเชียเราวางแผนไว้ว่าวันแรกเราจะเดินเที่ยวในตัวเมือง ส่วนวันที่สองที่สามนั้นเราได้จองทัวร์ไปเกาะรอกแบบค้างคืน
วันแรก เราลงสนามบินตรังเวลา 9.20 น.

เราได้พักที่โรงแรมชมตัง มีบริการรถรับส่งสนามบินฟรีพร้อมอาหารเช้าในราคา 600 บาทถือว่าคุ้มสุดๆแล้ว เมื่อถึงที่พักรอเวลาเช็คอินก็ได้เริ่มเดินเที่ยวรอบเมืองกัน
จุดแรกที่เราจะไปนั้นก็คือภาพเขียน สามมิติ ถ้ำมรกต
เมื่อถ่ายรูปไปหลายสิบแอ็ค ก็เริ่มต่อไปที่ภาพเขียนต้นศรีตรังกัน

เมื่อถ่ายเสร็จก็ได้เวลาเดินกันต่อ แต่ถ้าบางคนบอกไม่ไหวก็ใช้บริการแท็กซี่หัวกบกันได้นะคะ เราเดินกันต่อเลยไปที่วงเวียนพะยูน รอรถโล่งๆก็กดถ่ายกันเลย
ระหว่างเดินมาก็แอบเห็นร้านข้าวแกงปักษ์ใต้น่ากินมาก ท้องเริ่มร้อง ก่อนที่เราจะเดินไปต่อก็แวะกินข้าวกันก่อนละกัน
ข้าวราดแกง 2 อย่าง 40 บาทส่วนน้ำพริกนั้นมาให้กินฟรีๆ ว้าวๆดีจังทำให้เราได้กินผักมากขึ้นด้วย อาหารอร่อยมากร้านนี้อยู่ใกล้วงเวียนพะยูนใครอยากลองก็แวะชิมได้นะคะ
เมื่ออิ่มท้องก็เดินกันต่อจัดหมายปลายทางของเราก็คือ บ้านคุณแม่ถ้วน เป็นคุณแม่ของนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 20 เราก็เริ่มเปิด GPS เดินตามมาก็มาถึงบ้านร่มรื่นต้นไม้ใหญ่มากมาย
ในบ้านนายกชวน มีนก ไก่ฟ้า แล้วเราก็โชคดีเจอนกยูงกำลังรำแพนเกี้ยวสาวให้ดูด้วยแล้วไม่ลืมที่จะถ่ายรูปเก้าอี้บนจอมปลวกที่ใครๆมาก็ต้องถ่ายไว้เป็นที่ระลึก เก้าอี้ที่ปลวกไม่กัดแทะ อัศจรรย์ดีเหมือนกัน
ได้เวลาเดินกลับไปเช็คอินกันแล้ว เมื่อเดินออกมาจากบ้านแม่ถ้วน ก็เจออาหารหน้าโรงเรียน
มีไก่ ลูกชิ้น ปลาหมึก เห็ด ทาด้วยเครื่องแกงเหนียวๆแล้วเอาไปปิ้ง ไม้ละ 15-20 บาท อร่อยมาก เมื่อซื้อเสร็จก็เดินต่อเพื่อกลับที่พัก

โรงแรมชมตรังนั้นใกล้กับ สถานีรถไฟตรัง เดินไปถ่ายรูป แท็กซี่หัวกบ น่ารักๆเป็นที่ระลึกสักหน่อย เมื่อถึงที่พักก็หลับไปหนึ่งงีบ
ตื่นอีกทีเพราะมีเสียงดังอะไรกัน เลยลุกไปดู ก็มาเจอขบวนแห่ขันหมาก งานวิวาห์ใต้สมุทรอันโด่งดังของจังหวัดตรังกัน
เมื่อเดินถ่ายรูปไป เดินแห่โบกธงกับเขาไปเรื่อยๆจนไปถึงหอนาฬิกาตรัง ไหนๆก็ปิดถนนเลยได้รูปนี้มา
ไปเที่ยวกัน 2 คนกว่าจะได้รูปคู่มาก็ตั้งเวลาถ่ายวิ่งไปมากัน เห็นว่าเริ่มเย็นก็เดินออกเที่ยวกันต่อเลย เราเลยเดินเล่นไปเรื่อยๆจน เห็นแท็กซี่หัวกบ ทะเบียนสวยจอดอยู่ คันนึงเลยไปตั้งกล้องถ่ายกันสักหน่อย
ถ่ายเสร็จก็เดินต่อไปถึงตลาดชินตา ตลาดกว้างใหญ่ แต่คนขายนั้นยังมีแค่กลุ่มเล็กๆ มีแต่วัยรุ่นเดิน มีเสื้อผ้า ของกิน แต่ก็ไม่มากเท่าไหร่แต่ก็ได้ถ่ายรูปสวยๆกลับมา
ถ่ายเสร็จก็ได้เวลาเดินกลับ แต่ทำไมรู้สึกมันไกลกว่าเดิม 555 ระหว่างเดินเราได้แวะตลาดนัดสวนสาธารณะของกินมีเยอะมาก ราคาถูก จนฟ้าเริ่มจะมืดก็ผ่านหอนาฬิกาอีกครั้ง
หอนาฬิกาประดับไฟสวยงาม ต้อนรับเทศกาลตรุษจีนด้วย เลยแวะถ่ายรูปอยู่นาน ขากลับ เราได้แวะเข้า 7-11 เพื่อตุนอาหารเพื่อไปกินบนเกาะในวันพรุ่งนี้

เช้าวันที่สอง มีรถตู้มารับจากโรงแรมไปหาดปากเมงเพื่อขึ้นเรือเกาะรอก
เมื่อถึงเวลาก็ใส่ชูชีพขึ้นสปีดโบ้ทไปกันเลย ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 1 ชั่วโมง เราเริ่มดำน้ำจุดแรกที่อ่าวหินงาม และจุดสองคือรอบเกาะรอก เป็นวันที่คลื่นแรงมากทำให้เมาเรือกันเป็นแถวๆ เมื่อได้ขึ้นเกาะรอก ความเหนื่อยก็หายไปทัวร์จะให้เวลาประมาณ 2 ชั้วโมงบนเกาะ แต่เราไม่ห่วงเพราะคืนนี้เราจะนอนบนเกาะกัน ก่อนจะไปเข้าเต้นท์ ก็กินอาหารที่ทัวร์จัดให้กันก่อน
อาหารมี6-7 อย่างก็กินกันอย่างเต็มที่ขนมจีนแกงไตปลาก็เด็ด
มีผลไม้หลังอาหารด้วย สับปะรดหวาดฉ่ำมากชอบกันทุกคน เมื่อกินอิ่มก็ได้เวลาเข้าเต้นท์กันแล้ว

ในเต้นท์จะมีแผ่นปู หมอน ผ้าห่มให้ คืนละ 420 บาท เกาะรอกนั้น อยู่ในเขตของอุทยานแห่งชาติเกาะลันตา จองบ้านพักผ่านอุทยานได้ 
สัก 3 โมงเย็นคนก็กลับไปหมด หาดทรายขาวละเอียด น้ำใสๆ เกาะรอกก็กลายเป็นเกาะส่วนตัวของเรา ว่าแล้วก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด ถ่ายรูปกัน
ไม่ค่อยได้ใส่กระโปรงก็จะเขินๆหน่อย ฮิฮิ ถ่ายรูปไปหลายร้อยรูป ก็ได้เวลาเดินไปจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกกัน เผื่อเวลาไว้ 1 ชมก่อนพระอาทิตย์ตก ก็ได้เวลาเหนื่อยกันแล้ว
เราเดินจนเหงื่อตก เหนื่อยเอาการ แต่ก็ทันเวลาพระอาทิตย์ตก ชมวิวสวยๆ โรแมนติกสุดๆเลย จุดชมพระอาทิตย์ตก อยู่เส้นทางศึกษาธรรมชาติจุดที่ 7 พืชโบราณ ถ้าเดินมาอย่าเพิ่งถอดใจกันซะก่อน เมื่อถ่ายรูปจนพอใจก็ได้เวลากลับขากลับค่อนข้างมืดต้องเปิดไฟจากโทรศัพท์มือถือจนเดินมาถึงจุดชมวิวจุดที่สองเจอเจ้าหน้าที่นอนเปลเล่นโทรศัพท์มือถือกันอยู่จนได้การว่าจุดนี้เป็นจุดรับสัญญาณโทรศัพท์ที่ดีที่สุดของดีแทค
ที่นี่ไม่มีไฟฟ้าใช้เราควรเตรียมเพาเวอร์แบงค์กันไปด้วย แต่มือถือนั้นมีประโยชน์แค่ถ่ายรูปกับ เป็นไฟฉาย เพราะบนเกาะดีแทคไม่มีสัญญาณเลยอยากใช้ต้องเดินขึ้นเขาไป ส่วนเอไอเอส กับ ทรู ก็พอจะมีอยู่บ้าง
หัวค่ำอากาศค่อนข้างร้อน สี่ทุ่มก็ปิดไฟมืดสนิททั้งเกาะ แต่ดึกๆเที่ยงคืนไปอากาศก็เริ่มเย็นอยู่บ้าง 

 กู๊ดมอนิ่ง วันวาเลนไทน์ เช้าวันแห่งความรักกับการถ่ายรูปเดินทะเล ประหนึ่งเป็นเกาะส่วนตัว โรแมนติกสุดๆ
ตรงหน้าเกาะเราสามารถ ดำน้ำได้เลยมีปลาเยอะอยู่เหมือนกัน กฎของเกาะรอกคือ ทุกคนที่เล่นน้ำต้องใส่เสื้อชูชีพ วันสุดท้ายโปรแกรมเราไม่มีอะไรมาก รอเรือมารับเพื่อกลับฝั่ง เมื่อทัวร์มาถึงประมาณเที่ยง ก็กินข้าวแบบบุฟเฟต์ กันก่อน อาหารก็ไม่ได้แตกต่างจากเมื่อวานสักเท่าไหร่ เมื่อเรากินเสร็จก็ให้พี่ไกด์เอาชุดชูชีพ กับสน็อคเกิ้ลเพื่อดำน้ำหน้าเกาะ เมื่อถึงเวลาบ่าย 2 ก็เดินทางออกจากเกาะรอก เพื่อไปดำน้ำที่เกาะรอกนอก และเกาะม้า ก่อนจะกลับฝั่ง อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วมีรถตู้รอรับไปส่งสนามบิน
ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ 2 คน 1,300 บาท
ค่ากินวันแรก 300
ค่าทัวร์ คนละ 2,600 *2 = 5,200 บาท
รวมทั้งสิ้น 6,800 / 2 คน
เฉลี่ยคนละ 3,400 บาท