ผมจองบังกะโลที่รีสอร์ทนี้เพื่อมาพักส่วนตัวกับแฟนสาวตอนเดือนกันยายน เมื่อปีที่ผ่านมา (2011) ผมเชื่อว่ามันเป็นบังกะโล C ผมจะเริ่มจากเรื่องดีเล็ก ๆ ก่อน เรามาถึงตอนกลางวันและกระเป๋าของคุณจำเป็นต้องถูกขนไปตั้งแต่ชายหาด ผ่านโขดหินและทางเดินพื้นไม้ มีพนักงาน 2 คนรอต้อนรับพวกเรา ทำให้ใช้เวลาเดินไปแค่ 15 นาที (ซึ่งมันสวยงามจริง ๆ) ซึ่งเราดีใจที่เราไม่ต้องถือกระเป๋าหนัก ๆ ของเราเอง การจัดวางสวยงามและเขียวชอุ่มดีมาก มีระเบียงไม้ไผ่อยู่ริมทะเลและราคาอาหารเครื่องดื่มก็ไม่เลวเลยจริง ๆ
มันเป็นบรรยากาศที่ผ่อนคลายมากๆ มีพนักงานเล่นกีต้าร์ให้เด็กๆ ฟัง, แมวสองตัววิ่งเล่นรอบๆ บริเวณ และไม่มีใครดูเร่งรีบกับเรื่องใดๆ ซึ่งนั่นก็เป็นอย่างที่เราอยากได้เลยทีเดียว หลังจากที่ได้ดื่มน้ำ และกระเป๋าของเราได้ถูกเอาขึ้นไปไว้ที่บังกะโลแล้ว, เราก็ตัดสินใจที่จะไปที่ห้องพักของเรา แต่ก็ไม่ลืมที่จะสั่งบริการนวดที่แผนกต้อนรับเสียก่อน จากนี้จะพูดเรื่องแย่ๆ บ้าง..โอเค มันเป็นฤดูฝน ดังนั้นทะเลจะบ้าคลั่งมาก และเมื่อเราตัดสินใจที่จะขึ้นไปที่ห้องพักของเรา ฝนก็ตกลงมาจากฟ้าอย่างหนัก การที่จะไปถึงบังกะโลได้, คุณจะต้องเดินขึ้นไปตามทางที่เต็มไปด้วยแมลง, กบ, ปู และรู้อะไรไหม, ทุกๆ ก้าวที่เดินไป, คุณจะต้องเหยียบโดนอะไรสักอย่าง เหมือนตอนที่กำลังเมาสุดๆ ยังไงยังงั้น
ไม่จำเป็นต้องพูดเลย แฟนสาวของฉันไม่ชอบเรื่องนี้แน่ๆ ถ้าแค่เรื่องกบหรือแมลงสองสามตัวคงไม่ใช่ปัญหา แต่นี่มีตัวอะไรกระโดดเกาะขาเปลือยๆ ของคุณ หรือไม่ก็ไต่ขึ้นมาตามกางเกงทุกๆ 5 วินาที มันคงไม่ใช่การผักผ่อนอย่างที่เราหวังไว้อย่างแน่นอน เราไปถึงบังกะโล และตอนที่เห็นครั้งแรกนั้นมันดูดีมาก ดังนั้นเราจึงตัดสินใจอาบน้ำและเตรียมตัวสำหรับการนวด ฝักบัวไม่มีน้ำร้อนให้ ถึงแม้ว่าทางรีสอร์ตก็บอกไว้ว่ามีก็เถอะ และไฟในห้อน้ำก็ใช้ไม่ได้ ตอนที่อาบน้ำเสร็จออกมา, ฉันก็พบว่าแฟนสาวของฉันนั้นเข้าไปอยู่ในมุ้ง เพราะมีมดและยุงบินเข้ามาในห้องนับร้อยๆ ตัว, เช่นเคย, ไม่ใช่ประสบการณ์ที่ดีเอาเสียเลย
เราลุกขึ้นเอาสเปรย์ฆ่าแมลงมาฉีดในห้องซึ่งก็ช่วยได้บ้าง หลังจากนั้นผมก็ไปนวด แต่หลังจากแค่ 5 นาที แฟนผมก็ร้องบอกให้ผมช่วยเข้ามาในห้องน้ำหน่อย สุดยอดเลยครับ มีตุ๊กแกตัวยาวสัก 1 เมตรได้ไต่ผ่านกระจกห้องน้ำเราไป!! สุดท้ายหลังจากทนโดนยุงกัดจนลายพร้อยไปทั้งตัว ผมก็ยกเลิกการนวดทั้งๆ ที่ยังนวดไปได้แค่ครึ่งเดียว ผมจ่ายเงิน มุดเข้าไปอยู่ในมุ้ง และพยายามจะนอน อีก 2-3 นาทีต่อมา แฟนผมลุกไปเข้าห้องน้ำและเห็นอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ด้านข้างเตียงของเรา (ประมาณ 50 ซม เหนือศีรษะผม) ด้วยความอยากเห็นชัดๆ ว่ามันคืออะไร เธอจึงเปิดไฟ ซึ่งปรากฏว่าพลาดฉกรรจ์
มุ้งของเรามีแมลงเกาะจนดำไปหมด มีตุ๊กแกตัวเล็กๆ อยู่ทั่วไปทั้งห้อง (ซึ่งเราไม่ได้มีปัญหาตรงนั้นหรอก) และไอ้ตัวที่ว่าเดินอยู่เหนือหัวผมนั้น ปรากฏว่าเป็นแมงมุมขนาดยักษ์ ผมเองโตมาในแถบตอนใต้ของฝรั่งเศสซึ่งชินกับการได้เห็นแมงมุมตัวใหญ่ๆ แต่ไอ้ตัวนี้ต้องเรียกว่าฝันร้ายชัดๆ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางสัก 15 ซม ได้ และทันทีที่เราเปิดไฟ เจ้าสัตว์ร้ายตัวนี้ก็เริ่มวิ่งพล่านผ่านเท้าเราไป ไต่ขึ้นไปบนเพดานเหนือหัวเรา ไต่ต่อไปตามกำแพง ขึ้นมาบนเตียง ฯลฯ ไม่มีทางจะฆ่ามันได้เลย แต่ถึงมีผมก็ไม่แน่ใจว่าร้องเท้าจะเอาอยู่มั้ย! ปืนลูกซองอาจจะเหมาะกว่า
ถึงตอนนี้แฟนผมแทบจะประสาทเสียไปแล้ว ผมเองก็ไม่ไหว ไม่อยู่แล้ว ผมเลยอุ้มเธอเดินออกไปบนทางเดินที่มีแต่แมลงนั่น เดินผ่านกบทั้งหลายและเดินข้ามสะพานเล็กๆ ที่สุดยอดจะลื่น เห็นความห้าวหาญองอาจของผมมั้ยล่ะ เราบอกกับรีเซพชั่นว่าจะเช็ค เอ้าท์ และขอให้เขาช่วยไปเอากระเป๋าเรามาเพื่อที่เราจะได้ไปหาแท็กซี่ ผู้ชายคนนั้นซึ่งเป็นผู้จัดการหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง โรงแรมประเภทไหนกันหรือถึงมีพนักงานที่หัวเราะใส่หน้าเราทั้งๆ ที่เห็นอยู่ว่ามีผู้หญิงร้องไห้น้ำตาอาบหน้าอยู่ด้วยทั้งคน สุดท้ายก็คือว่าเราไม่สามารถจะไปหาที่พักที่ไหนได้หรอกเพราะปาเข้าไปตั้ง 4 ทุ่มแล้ว เยียมจริงๆ...
เราตกลงที่เปลี่ยนไปพักบังกาโลหลังอื่นที่ไม่มีแมลง (ซึ่งทำไมเขาไม่คิดจะให้เราไปพักที่นั่นเสียตั้งแต่แรกก็ไม่เข้าใจ รีสอร์ทก็ออกจะว่าง) เราเข้ามานั่งในร้านอาหาร สั่งตากิล่า 4 แก้วมาดื่มเพื่อให้แฟนผมสงบสติอารมณ์ลงบ้าง และนั่งรออยู่ที่นั่นประมาณครึ่งช.ม. เพื่อให้เขาย้ายกระเป๋าเรามาไว้ห้องใหม่ เราพยายามบอกตัวเองว่าทุกอย่างจะต้องโอเค ก็เขาบอกนี่ว่าห้องนี้ไม่มีแมลงแล้ว จากนั้นเราก็เดินกลับไปตามทางเดินเก่านั่น ผมนึกว่าบรรดากบและปูน่าจะตายไปสักครึ่งได้แล้ว แต่ปรากฏว่ายิ่งมากขึ้นกว่าเดิม บังกาโลอันใหม่นี้ดูหน้าตาเหมือนสร้างใหม่ นับเป็นการเริ่มต้นที่ดี
เราเข้าไปในห้อง ไม่มีแมลงแม้แต่ตัวเดียว แต่เพื่อความแน่ใจเราก็กางมุ้งไว้ก่อนอยู่ดี กว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปประมาณตี 2 วันรุ่งขึ้นเราตื่นมาประมาณ 6.30 น. เพราะได้ยินเสียงเจาะและเสียงคนตะโกนโหวกเหวกอยู่นอกห้อง เราก็นึกว่าจะได้ตื่นเพราะเสียงนกร้องหรืออะไรแบบนั้น แต่ไม่ใช่เลยครับ การต้องตื่นเพราะเตียงสะเทือนจนนอนต่อไม่ได้เป็นการการันตีอารมณ์บูดของคนได้ดีที่สุด ปรากฏว่าเขากำลังสร้างบังกาโลเพิ่มรอบๆ ห้องของเรา ซึ่งเมื่อคืนนี้เราไม่เห็นเพราะมันมืดมาก ก็เลยพอกันทีทั้งๆ ที่จริงๆ เราจะ ต้องอยูต่ออีก 3 คืน รวมคืนที่จะไปพักที่วิลล่าริมสระน้ำด้วย แต่ไม่ไหวแล้ว เราเก็บกระเป๋าและขอเช็คเอ้าท์
บางทีอาจเป็นเหตุการณ์ที่โชคไม่ดีของคน ๆ หนึ่งแต่ฉันคิดว่าฉันควรจะแบ่งปันเรื่องนี้ให้กับคุณ...เพราะบางทีคราวถัดไปที่คุณถูกฝูงยุงกัดหนักกว่านี้ หรือคุณเจอกับแมงมุมยักษ์คุณอาจจะคิดว่า "อย่างน้อยมันก็ไม่ได้แย่กว่าชายคนนั้นที่มาเที่ยวซี วิว รีสอร์ท"