เมื่อท่านเข้ามาภายในวัดนี้จะได้พบกับสิ่งปลูกสร้างศิลปะแบบพม่าเป็นหลักเนื่องด้วยเคยเป็นวัดพม่าเก่าแก่โดยสร้างด้วยไม้จากป่าฝั่งพม่าทั้งสิ้นมีความสวยสดงดงามเป็นอย่างมาก มีพระบรมธาตุซึ่งเป็นพระบรมธาตุสีทองศิลปะแบบพม่าและมอญ ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่อันเชิญจากพม่าเป็นที่ เคารพสักการะ ของชาวเมืองลำปางมายาวนาน

ภายในวิหารมีภาพจิตรกรรม ฝาผนังเรื่องพุทธประวัติและภาพจำลองแผนผังของวัด ส่วนหลังคาวิหารทำเป็นไม้เครื่องแกะสลักยอดแหลมสลักเป็นลวดลายสวยงามมาก เป็นวัดพม่าที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาวัดพม่าที่มีอยู่ในประเทศไทยจากจำนวนทั้งหมด 31 วัด

แต่ก่อนวัดแห่งนี้ชื่อเป็นภาษาพม่าว่า “หญ่องไวง์จอง” ต่อมาเปลี่ยนเป็นชื่อ “วัดศรีชุม” ซึ่งแปลว่า “ต้นโพธิ์” สร้างโดยคหบดีพม่าชื่ออูโย ซึ่งติดตามชาวอังกฤษเข้ามาทำงานป่าไม้ในประเทศไทย เมื่อตนเองมีฐานะดีขึ้น จึงต้องการทำบุญโดยสร้างวัดศรีชุมขึ้นในเขตตำบลสวนดอก พระวิหารที่สร้างเป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ ที่มีศิลปะการตกแต่งภายใน ร่วมสมัยระหว่างศิลปะล้านนาและศิลปะพม่า หลังคาเครื่องไม้ยอดแหลมแกะสลักเป็นลวดลายสวยงามมาก

ต่อมาได้เกิดเหตุเพลิงไหม้พระวิหารลงทั้งหลัง คงเหลือเพียงไม้แกะสลักตรงซุ้มประตูเป็นลวดลายพรรณพฤกษาฉลุโปร่งเท่านั้น ทางกรมศิลปากรจึงได้มีการบูรณะพระวิหารขึ้นมาใหม่ตามแบบของเดิมทุกอย่าง

จุดเด่นของวัดอยู่ที่วิหารปราสาทหอสวดมนต์ เป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้แบบพม่า มณฑปจตุรมุขทรงพระยาธาตุมีหลังคาซ้อนกันหลายชั้นแต่ละชั้นลดหลั่นถึง 7 ชั้นขึ้นไปหาเรือนยอด ชั้นบนสุดประดับด้วยฉัตรทองคำ พระวิหารมีมุขบันไดทางขึ้น 2 ทางแกะสลักลวดลายละเอียดวิจิตรพิศดาร ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังลงรักปิดทอง เรื่องพระพุทธประวัติและแผนผังจำลองของวัด เพดานเป็นไม้จำหลักโปร่งหลายชั้นประดับกระจกสีลวดลายของเพดานแต่ละช่องจะแตกต่างกันไปครับ

วัดขนาดใหญ่มีพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ประดิษฐานอยู่มณฑป สวยงามมาก สามารถเดินเที่ยวรอบๆวัดธรรมสวยงาม

วัดศรีชุมปรับปรุงซ่อมแซมใหม่ หลังเพลิงไหม้ ยังวิจิตรสวยงามเหมือนเดิม เสียดายไม้แกะเทวดาที่ประดับตามเสา ปิดทองใหม่ ความละเอียดลดลงมาก