ถือเป็นความผิดพลาดตั้งแต่ต้นจนจบ เราไม่ควรไปพักที่นั่นเลย แต่ด้วยเหตุบังเอิญเมื่อเราเดินทางไปยัง Tam Coc เพื่อมองหาโรงแรมพักแทนที่จะยังคงพักอยู่ที่ Ninh Binh แล้วตอนนั้นก็ดูเหมือนว่ามันจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในแถบนั้น อาณาบริเวณของโรงแรมที่สามารถเข้าถึง Tam coc ได้โดยง่ายรวมทั้งบริเวณหมู่บ้านอันงดงามที่อยู่ใกล้เคียงจัดว่าเป็นข้อดีที่สุดข้อเดียวของสถานที่แห่งนี้
ห้องที่เรมพักนั้นก็ใช้ได้และใหญ่พอ แต่ห้องน้ำกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลยแม้แต่น้อย เขาให้สัญญากับเราว่าจะใช้เครื่องปรับอากาศเป็นฮีทเตอร์ได้เนื่องจากข้างนอกมันหนาวมาก แต่ในที่สุดมันก็ใช้การไม่ได้ แล้วถึงแม้ว่าเราจะขอให้มาซ่อมหรือขอเปลี่ยนห้อง ก็ไม่ได้เรื่องอะไรทั้งนั้น สุขอนามัยไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาใส่ใจ- มีแมลงสาบมากมายนอนตายอยู่ตามขั้นบันไดและไม่เห็นมีใครสนใจจะเก็บมันเอาไปทิ้งเลย กระนั้นก็ตาม เราเองที่โง่เหลือเกินที่ดันตัดสินใจพักอยู่ที่นั่นถึง 2 คืน
ในเย็นวันที่2 ของเราที่นั่น ก็มีปัญหาเกิดขึ้นอีก เมื่อพวกเขาเสนอพิซซ่าสำหรับทานเป็นมื้อเย็นของเราที่ภัตตาคารชั้นล่าง (ราคาแพงทีเดียวถ้าถือเอาตามมาตรฐานเวียดนาม) แล้วเมื่ิอเราปฏิเสธและสั่งอาหารเวียดนามอย่างอื่นมาทาน เรากลับได้รับกระดูกไก่และส่วนต่างๆ ของไก่แบบดิบๆ จำนวนมากในอาหารที่สั่ง แทนที่จะได้ทานอาหารกันแบบจริงๆ จังๆ ดังนั้นในที่สุด เราก็ต้องไปซื้อเจ้าพิซซ่านั่นมาทานอยู่ดีและต้องจ่ายเป็น 2 เท่าด้วย
แต่ปัญหาที่ิเลวร้ายที่สุดเกิดขึ้นในวันสุดท้ายของการไปพักที่นั่น เมื่อเราต้องการจะเดินทางออกจากโรงแรมไป ผู้หญิงคนนั้นพูดเชียร์ให้เราจองรถโดยสารที่เรียกว่า "open bus" สำหรับนักท่องเที่ยว โดยบอกว่ามันจะช่วยให้เราสะดวกกว่า เพราะมันจะพาเราไปถึงที่แถบ Old Quarter เลย แทนที่จะเดินทางด้วยรถบัสธรรมดาซึ่งจะไปปล่อยเราไว้ที่สถานีรถบัส เราได้รับแจ้งว่า open bus จะออกเดินทางเวลาบ่าย 3 โมงเย็น เราก็เลยตัดสินรออยู่ใน Tam coc จนกระทั่งถึงเวลานั้น (ไม่ได้รออยู่ในโรงแรมเพราะถึงแม้มันจะว่าง แต่พวกเขาก็ปฏิเสธที่จะให้เรารออยู่ในห้องพักอีกต่อไป) พอถึงบ่าย 3 โมง เราก็ได้ยินว่ารถจะมาตอนบ่าย 3 โมงครึ่ง พอบ่าย3 โมงครึ่งเข้าจริงๆกลับไม่มีรถบัสให้เห็นสักคัน แล้วเราก็เริ่มวิตกกังวล เนื่องจากเราต้องไปจับรถไฟที่มาจากกรุงฮานอยในตอนเย็นวันนั้น เราจึงกลัวว่าจะไม่ทันไปขึ้นรถขบวนดังกล่าว พวกเขาก็มาบอกเราอีกว่าจะมีรถบัสเข้ามาตอน 4 โมงเย็นแน่นอนเพราะว่า "บางทีเรื่องแบบนี้มันก็เกิดขึ้นได้" ต่อมาเราก็ไม่ได้ยินคำอธิบายอะไรอีก เราจึงได้แต่นั่งรอ โดยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดีเพราะว่าวิธีที่จะจับแท็กซี่กลับไปที่ Ninh Binh มันเริ่มจะสายเกินไปแล้วกว่่าวิธีที่จะมองหารถเมล์สักคัน แล้วก็ถูกปล่อยไว้ที่สถานีรถบัส และยังสามารถไปถึงสถานีรถไฟได้ทันเวลา พอถึงเวลาบ่าย 4 โมงครึ่ง ในที่สุดเราก็ถูกพาไปที่รถมินิบัสที่แน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวที่เพิ่งกลับจากทัวร์ประเภทวันเดียวที่มาจากฮานอย และคาดว่าเราจะต้องไปนั่งบนที่นั่งเล็กๆ ในช่วงกลางของรถบัส โดยต้องจ่าย 6เหรียญสำหรับการเดินทางเป็นเวลา 2 ชั่วโมง ซึ่งเป็นราคาที่แพงอย่่างเหลวไหลในเวียดนาม ดังนั้นเราจึงปฏิเสธที่จะร่วมโดยสารไปและขอเงินค่ารถคืน (ส่วนรถ open bus ของแท้นั้นจะต้องเป็นรถบัสขนาดใหญ่ที่มีที่นั่งสำหรับผู้โดยสารครบทุกคน)และเราต้องไปหาทางอื่นเพื่อไปต่อ
ไม่แนะนำให้ใครไปพักเลยเพราะพวกนี้มันพวกขี้โกงชัดๆ