ทางเข้าวัดดูไม่ใหญ่นัก ด้านหน้าจะมีรูปสิงห์ 2 ตัว เข้ามาด้านในจะมีซุ้มประตูทางเข้าที่สวยงาม... อ่านเพิ่มเติม
ทางเข้าวัดดูไม่ใหญ่นัก ด้านหน้าจะมีรูปสิงห์ 2 ตัว เข้ามาด้านในจะมีซุ้มประตูทางเข้าที่สวยงาม... อ่านเพิ่มเติม
วัดนี้เป็นหนึ่งในวัดที่สร้างขึ้นตามหลักของศาสนาพุทธแนะนำว่าห้ามพลาดในกรณีที่ท่านมา ปาฏัน โดยวัดสร้างด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมสไตล์ลบาฮาลซึ่งเป็นของชาวเนวารี เจดีย์พระพุทธศากยมุนีทองคำที่ประดิษฐานอยู่ในวัด สร้างขึ้นโดยกษัตริย์ภาศกรวรมันโดยภายในเจดีย์ชั้นบมีภาพและกงล้อมนต์ทองคำเก็บรักษาไว้
เมื่อเข้ามาถึงบริเวณด้านในวัดตรงกลางจะเห็นมีเจดีย์สวยัมภูประดิษฐานอยู่ เชื่อกันว่ามีอายุเก่าแก่กว่าวิหารทองคำ และบริเวณราวระเบียงรอบเจดีย์มีรูปเคารพของพระโพธิสัตว์ 12 องค์และพระพุทธรูป 4 องค์ประดิษฐานทั้งสี่มุมของวิหาร โดยมีสัตว์ในวรรณคดีโลหะคอยปกปักษ์รักษาอยู่
มีการพิธีราดน้ำนมปีละครั้งที่เจดีย์ ซึ่งน้ำนมที่ไหลผ่านพวยด้านนอกของราวระเบียงแล้วจะไหลตกลงบนหินแกะสลักรูปพญาวาสุกีนาคราช ราชาของเหล่าพญานาค
และจะมองเห็นวัชระเพชรดอร์เจ (Dorje)ทองเหลืองขนาดใหญ่เป็นสัญลักษณ์แทนอำนาจของความเป็นบุรุษเพศ, แรงดลใจและการตัดความไม่รู้ ความโง่เขลา และสิ่งลวงตาออกไป อีกทั้งยังเปรียบเสมือนเป็นมหาสัญลักษณ์แห่งพลัง อำนาจแห่งจิตวิญญาณและยังเป็นสัญลักษณ์แห่งการรวางรากฐานตามหลักความเชื่อของพุทธศาสนานิกายตันตระของชาวธิเบตจะต้องมีสิ่งนี้และยังคงมีความหมายอันลึกซึ้งที่แฝงไปด้วยนัยยะแห่งการเรียนรู้ ที่เปรียบความแข็งแกร่งดุจดั่งเพชร ดั่งสายฟ้า
ในพิธีกรรมของชาวธิเบตวัชระเพชรนี้จะอยู่คู่กับกระดิ่ง อันเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นสตรีเพศโดยผู้ที่ทำพิธีจะนำของสองสิ่งนี้มาวางทาบบนอก จะเป็นสัญลักษณ์แทนการรวมเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างพลังของชายและหญิง เมื่อรวมเอาทั้งสองสิ่งเข้าด้วยกันจะหมายถึงการปฏิบัติ
แต่ความหมายของของสำคัญ 2สิ่งนี้ไม่ได้มีความหมายเพียงเท่านี้
หากแต่ยังมีความหมายอื่นที่ซ่อนเร้นอยู่อีก นั่นคือ กระดิ่งและวัชระยังหมายถึง การกระทำอันดีงาม และความกรุณาปรานีดังนั้นการใช้กระดิ่งและวัชระร่วมกัน จึงเป็นสัญลักษณ์ของการผสมผสานกันระหว่างปัญญาและความกรุณาปรานี
เมื่อมองถัดเข้าไปจะพบกับพระอุโบสถหรือวิหารหลัก Main Templeเป็นอาคารสี่ชั้นตั้งอยู่ตรงข้ามลาน ภายในจะมีพระศากยมุนี ที่คนท้องถิ่นเรียกว่า ควาบาชุ เป็นพระพุทธรูปเงินองค์ใหญ่คลุมด้วยผ้าและประดับเครื่องทรง ยกเว้นพระพักตร์
วัดแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานของพระปรัชญาปรมิตาศักดิ์สิทธิ์อายุเก่าแก่กว่า 800 ปี โดยเค้าจะบูรณะทุกๆ 3 ปี และการท่องมนต์ปรัชญาปรมิตาคนท้องถิ่นมักนิยมท่องในโอกาสพิเศษต่างๆ เช่น งานแต่งงาน คนในครอบครัวป่วย ซึ่งในเมืองปาตันประเพณีการท่องมนต์ปรัชญาปรมิตามีการสวดมากว่า 400ปีแล้ว โดยวัดนี้เป็นหนึ่งในสี่แห่งในเนปาลที่สามารถเข้าสักการะได้ และมีอยู่แห่งเดียวในปาฏัน
ในการเดินทางมาเที่ยวประเทศเนปาลแบบเจาะลึก เพื่อซึมซับศิลปะและอารยธรรมอันหลากหลายที่รวบรวมผู้คนที่แตกต่างทั้งในด้านภาษาและเผ่าพันธุ์แบบเข้าถึงวิถีท้องถิ่นอันเต็มเปี่ยมด้วยเสน่ห์ที่น่าหลงใหลครั้งนี้
ไม่ว่าจะเป็นทัวร์เมืองกาฐมาณฑุ รวมไปถึงเส้นทางเดินเทรค Langtang Velley ข้าพเจ้าใช้บริการทัวร์ของ เพจ Heaven On Nepal ซึ่งเป็นของทีมงานคุณอาบิน เป็นชาวเนปาลที่สื่อสารภาษาไทยได้ ทำให้ตอบโจทย์ความต้องการของข้าพเจ้าได้อย่างครบถ้วนและสมบูรณ์ที่สุด
ซึ่งต้องบอกว่าประทับใจในทุกด้านไม่ว่าจะเป็นงานบริการหรือการอำนวยความสะดวกดูแลความปลอดภัยและใส่ใจในทุกรายละเอียด ทำให้รู้สึกอบอุ่นเสมือนมาเที่ยวกับเพื่อนสนิทที่คอยดูแลต้อนรับอย่างเป็นกันเอง
ถ้ามีโอกาสครั้งหน้าที่ต้องเดินทางมาเที่ยวประเทศเนปาลอีก จะต้องใช้บริการของบริษัทนี้อีกอย่างแน่นอนครับ
ทางเข้าวัดดูไม่ใหญ่นัก ด้านหน้าจะมีรูปสิงห์ 2 ตัว เข้ามาด้านในจะมีซุ้มประตูทางเข้าที่สวยงาม ด้านในดูมีมนต์ขลัง มีความสวยงาม ได้ไปกราบพระพุทธรูปเพื่อเป็นสิริมงคล ได้ไปถ่ายรูปลิงโลหะที่อยู่รอบวัด ได้หมุนวงล้อแห่งศรัทธา(อยากหมุนมานานแล้ว) และได้เก็บภาพสาวเนปาลที่คอยดูแลนักท่องเที่ยวที่จะมากราบพระพุทธรูป และได้เดินขึ้นไปบนชั้นที่ 2 ที่จะมีกลุ่มชาวเนปาลมานั่งสวดมนต์กันด้านบน ด้านบนมีวงล้อแห่งศรัทธาอันใหญ่ รู้สึกศรัทธาในวัดแห่งนี้