ไม่มีห้องพักแบบไม่สูบบุหรี่ ไม่มีอินเตอร์เน็ตแม้แต่ในล็อบบี้ก็ไม่มีให้เล่น ไม่มีใครประจำอยู่ที่ห้องสังสรรค์ของโรงแรม แต่ก็อีกนะ ปกติแล้วพวกเขาอาจจะไม่ค่อยมีแขกเข้าไปนั่งในห้องสังสรรค์ ห้องพักเก่าและดูโทรม ห้องน้ำภายในห้องส่งกลิ่นเหม็น เราพักในห้องที่มีเสื่อทาทามิ และฟูกก็ไม่ได้ช่วยลดผลร้ายที่ความแข็งของพื้นมีต่อกระดูกคนแก่ของฉันได้เลย ถุงผ้าใส่เม็ดคล้ายถั่วยังช่วยซ้ำเติมให้อาการนอนไม่หลับแย่ขึ้นไปอีก อดใจรอจะได้ย้ายออกแทบไม่ไหว

โรงแรมนี้ค่อนข้างไปยากหน่อย เพราะตอนแรกคุณต้องพาตัวเองไปที่สถานี โนโบริเบ็ทสึ เจอาร์ (Noboribetsu JR) แล้วก็นั่งรถบัส (ประมาณ 45 นาที) เพื่อไปที่สถานีรถบัส โนโบริเบ็ทสึ เกทเวย์ เซ็นเตอร์ (Noboribetsu Gateway Center) จากนั้นก็เดินระยะสั้นๆ (<5 นาที) ข้ามถนนไปที่โรงแรม โนโบริเบ็ทสึ มันเซย์คาคุ ออนเซ็น อ้อ ถ้าคุณซื้อตั๋วรถบัสแบบไป-กลับที่สถานี เจอาร์ ราคาจะถูกกว่าหน่อย
กระบวนการเช็คอินอาจจะค่อนข้างช้าสักนิด เพราะโรงแรมนี้จะเข้มงวดมากเรื่องเวลาที่เช็คอิน และต้องมีคนมาพาคุณไปที่ห้องพัก ซึ่งเขาคนนั้นก็จะให้ข้อมูลเบื้องต้นของโรงแรมและตอบคำถามต่างๆ
ห้องที่เราได้ไม่ใช่ห้องพักน้ำพุร้อนสไตล์ญี่ปุ่นทั่วไป เราโชคดีที่ได้เตียงควีนไซส์ขนาดใหญ่ พร้อมทีวี ตู้เย็น ฯลฯ
สำหรับบุฟเฟ่ต์อาหารเย็น ไม่เลวเลย ผมไม่มีอะไรให้บ่น มีซูชิ เกี๊ยว พาสต้า ก๋วยเตี๋ยว สเต็ก เนื้อกวาง ฯลฯ และสำหรับบุฟเฟ่ต์อาหารเช้า ไม่มีอะไรพิเศษ เป็นสไตล์แบบโรงแรมน้ำพุร้อนญี่ปุ่นทั่วไป มีอย่างหนึ่งที่ควรจำก็คือ ถ้าจะสั่งแอลกอฮอล์หรือเครื่องดื่มซอฟต์ดริ้งก์ จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม แต่ก็มีบาร์เครื่องดื่มให้ดื่มฟรี มีกาแฟ ชา น้ำเปล่า และน้ำผลไม้หลากหลายให้เลือก
ส่วนเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวก เขามีสระน้ำพุร้อนสาธารณะสองสระที่ใหญ่มากๆ แยกชายหญิง และมีสระว่ายน้ำและสระน้ำวนในร่มที่หญิงชายใช้รวมกัน
ส่วนเรื่องกิจกรรมสนุกๆ ที่แถวนี้มีให้ทำมีอะไรบ้างนั้น ก็มีเส้นทางเดินป่าที่เขาตั้งชื่อไว้อย่างเช่น เฮลล์ แวลลี่ย์ (Hell Valley) หรือหุบเขานรก ซึ่งจะกินเวลาส่วนใหญ่ของคุณไปเลยทีเดียว มีที่ให้ถ่ายรูปสวยๆ มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเดือนตุลาคมที่ใบไม้กำลังเปลี่ยนสี ดังนั้น คุณไปอยู่สักสองคืนก็จะกำลังดี
ประเด็นหลักเรื่องเดียวที่ผมมีก็คือ สระน้ำพุร้อนสาธารณะนั้นคนแน่นมากทั้งตอนกลางวันและตอนเย็น ช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะลงสระก็คือตอนค่ำ หลังอาหารเย็นเป็นต้นไป หรือหลังจากเที่ยงคืน ถึงตอนนั้นคุณก็จะมีสปานั้นแทบจะเป็นของตัวเองเลย
ขอเตือนไว้ก่อนว่า แถบนั้นเขาไม่ค่อยใช้ภาษาอังกฤษกันนะ แต่พนักงานต้อนรับก็พูดได้โอเค และเขาไม่รับทิป ซึ่งดีมากๆ มีร้านให้ช้อปปิ้งอยู่แถวนั้น แต่ก็มุ่งขายลูกค้านักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นเป็นหลัก
ถ้าคุณต้องการพักผ่อนอย่างเต็มที่ คุณต้องพักอยู่ที่นี่อย่างน้อยสองคืน ถ้างบประมาณคุณมี

ฉันจะแนะนำโรงแรมนี้หรือไม่ แนะนำแน่นอน

เราจะกลับไปอีกไหม แน่นอน แต่เราจะไปสักสองคืน แทนที่จะเป็นคืนเดียว