มันเริ่ดมากตอนที่เรารู้ว่ามีทั้งหมด 3 อนันตรา ในเกาะๆ เดียว แล้วก็มี 9 ห้องอาหาร เพราะฉะนั้นเก็บมาม่าใส่กระเป๋าไปได้เลย ที่เจ๋งไปกว่านั้นคือ Baan Huraa ห้องอาหารไทย ที่รสชาติคนไทยแท้ๆ เสิร์ฟโดยคนไทย แล้วก็บรรยากาศไทยๆ นั่งกินกันชิลล์ๆ บนพื้นน้ำที่มี baby shark! บุฟเฟต์ที่ Dhoni ก็อร่อยเริ่ดไม่แพ้กัน ส่วนอาหารเช้านั้นธรรมดาไปนิดนึง แต่เมื่อมองดูวิวจากห้องอาหาร Fushi Café คุณก็อิ่มพร้อมเริ่มวันใหม่แล้วล่ะ

ห้องพักฝั่ง Sunrise Beach Villa ก็กว้างขวาง โดยรวมถือว่าโอเคมากเลยทีเดียว ห้องน้ำใหญ่ น้ำไม่กร่อย สามารถสระผมได้สบายๆ กิจกรรมที่ควรอย่างยิ่งสำหรับห้องพักฝั่งนี้คือ ตอนเช้าตรู่เจียดเวลาสักนิดเดินเล่นไปตามสะพานที่ทอดตัวระหว่างสปากับบ้านพัก คุณจะเห็นปลาหลายชนิดเวียนว่ายเล่นโดยไม่กลัวคน แถมด้วยฟ้าสีส้มกับแสงพระอาทิิตย์ขึ้น!

Anantara Dhigu เหมาะมากสำหรับครอบครัว เพราะมีแอ็คทวิตี้หลายชนิด ทะเลที่นี่ก็ตื้นสามารถเ้ดินข้ามจากฝั่งนึงไปอีกฝั่งนึงได้ (อย่าลืมซื้อรองเท้ายางไว้เดินลุยน้ำเจ๋งๆ สักคู่) ส่วนคู่รัก ก็ไม่ต้องกังวลไปว่าที่นี่จะวุ่นวายทำลายบรรยากาศดีๆ ไปซะหมด เพราะบ้านทุกหลังอยู่ห่างกัน ชายหาดก็กว้างขวาง เสียอย่างเดียวตรงที่เราเริงร่าท่ามกลางแสงอาทิตย์มากไปหน่อย จนบัดนี้ก็ยังไม่ขาวขึ้น!! :D

ฉันพักที่ อนันตรา ดิกุ ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2013 กับลูกชายวัย 5 ขวบของเรา โดยรวมแล้วเรามีวันหยุดที่ยอดเยี่ยมบนเกาะที่สวยงาม อย่างไรก็ตามจากที่ฉันเคยไปพักในโรงแรมที่หรูหรามามากมาย ฉันเชื่อว่าอนันตรายังมีหลายอย่างต้องปรับปรุงเพื่อที่จะสมกับระดับโรงแรมที่ว่า ฉันจะบอกรายการข้อดีและข้อเสียเกี่ยวกับที่นี่ไว้ด้านล่าง
ข้อดี
1- ดีมากสำหรับเด็กๆ ใช้เวลานั่งเรือจากสนามบินเพียง 30 นาที ที่เกาะมีทะเลสาบใหญ่ ดังนั้นถ้าคุณได้พักที่บีชวิลล่า ลูกๆ ของคุณสามารถเดินไปไม่ไกลจากห้องเพื่อเล่นกับทรายสีขาวสะอาดและน้ำสีฟ้าใสสูงระดับเขาซึ่งทอดยาวออกไปถึง 100 เมตร แต่ก็ต้องระวังช่วงน้ำขึ้นน้ำลงด้วย พนักงานเป็นมิตรกับเด็กมากและเด็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบทานอาหารฟรีซึ่งสำคัญมากเพราะมื้ออาหารที่ถูกที่สุดนั้นราคาประมาณ 25 ดอลล่าร์สหรัฐ เด็กๆจะได้รับกระเป๋าต้อนรับที่มีสีเทียนและของใช้ในห้องน้ำและอื่นๆ ในนั้น ซึ่งทำให้พวกเด็กๆ หลงรักที่นั่นในทันที คลับของเด็กๆ ขนาดเล็กแต่มีคุณภาพมาก พวกผู้หญิงที่นั่นสุภาพเรียบร้อยมากและเด้กๆชอบที่จะใช้เวลาที่นั่น มีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมายให้ทำตั้งแต่ออกตามหาปูจนถึงกิจกรรมในร่มมากมาย
2- ทะเลสาบใหญ่แต่ไกลจากแนวปะการัง การมีทะเลสาบใหญ่นั้นดีสำหรับเด็กๆ อย่างไรก็ตามหากจะดำน้ำโดยใช้สน็อร์กเกิลคุณจะต้องว่ายออกไปไกลหน่อยหรือจะให้ดีก็ไปกับเรือทริปดำน้ำโดยใช้สน็อร์กเกิล ดังนั้นถ้าคุณเป็นคนที่ชอบจะเป็นนักดำน้ำโดยใช้สน็อร์กเกิลแล้วล่ะก็คุณอาจจะต้องหาโรงแรมที่มีบ้านแนวปะการังที่ดีกว่า
3-เงียบสงบสะอาดและปลอดโปร่ง มีถนนเล็กที่เป็นทรายซึ่งสะอาดมากและไม่ติดกับเท้าของคุณเลย ดังนั้นเราจึงไม่ต้องใส่รองเท้าแตะเลยทั้งสัปดาห์ ซึ่งทำให้ได้รับความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมและเป็นอิสระ
4-ข้อได้เปรียบของสองเกาะ ที่นั่นมีเรือเร็วที่แล่นไปมาตลอดเวลาระหว่าง เวลิและดิกุ มันเป็นเวลา 2 นาทีของการเดินทางที่น่ายินดีและเป็นวิธีที่ดีเพื่อสลัด"ความรู้สึกว่าติดอยู่ในเกาะเล็ก"ออกไป อีกทั้งคุณยังสามารถลองไปร้านอาหารได้ทั้งสองเกาะ ซึ่งไม่อย่างนั้นคงจะน่าเบื่อมาก ดูจากที่ดิกุมีร้านอาหารที่ธรรมดา เรายอมนั่งเรือไปตอนกลางคืนด้วยซ้ำเพื่อเดินเล่นในเวลิซึ่งลูกของเราชอบมาก
5-ร้านอาหาร: ฉันจะไปที่ Baan Huraa (อาหารไทย) ในเวลิ มันมีอาหารที่ดีที่สุดแต่ต้องแน่ใจว่าคุณได้จองที่นั่งไว้แล้ว เรายังเลือกตัวเลือกมื้อค่ำบนเกาะแบบส่วนตัวไว้ด้วย มันแพงมากแต่น่ายินดีและโรแมนติก พนักงานนิสัยดีมากซึ่งเราแทบไม่ต้องถามอะไรเลย พวกเขาคนหนึ่งพาลูกของเราไปเพื่อหาปูจากนั้นพาเขากินข้าวที่อีกโต๊ะหนึ่งใกล้ๆชายหาดและเล่นกับเขาในขณะที่เรามีความสุขกับมื้อค่ำที่โรแมนติกกับสามีของฉัน เมื่อเราขอบคุณเขา เขาบอกว่าเขาเข้าใจว่าพวกเราที่เป็นพ่อแม่ก็ต้องการเวลาส่วนตัวเหมือนกัน ซึ่งมีความคิดริเริ่มที่ดีและนิ่มนวลมาก
6-สปา: สถานที่ตั้งนั้นสวยงาม มีการนวดแผนไทยที่ซุ้มซึ่งต้องลอง
7-กีฬาทางน้ำ: เราเล่นเกือบทุกอย่าง การดำน้ำสกูบา-สนุก แต่ก็เห็นปลาแบบเดียวกับตอนที่เราดำแบบสน็อร์กเกิล แล้วก็ฮอบบี้แคทตอนแรกลมแรงมากดังนั้นเขาจึงไม่ให้เราออกไปแต่จากนั้นลมก็อ่อนเกินไป ถัดมาก็เที่ยวเรือดูโลมา ช่วงเดือนกุมภาพันธ์เห็นพวกมันไม่ง่ายนัก แล้วก็มีตกปลาตอนพระอาทิตย์ตกดิน ซึ่งพวกเราทั้งหมด 12 คนบนเรือมีสองคนตกปลาตัวเล็กที่กินไม่ได้และอีกคนหนึ่งตกได้ปะการังอันใหญ่ โดยรวมแล้วทีมงานจัดการกีฬาทางน้ำนั้นมีความรู้และพึ่งพาได้มาก

ข้อเสีย
1-ไม่แนะนำถ้าจะไปฮันนีมูน เราพักที่บีชวิลล่าและไม่ชอบสวนระหว่างบ้านที่เราสามารถเห็นระเบียงบ้านอีกหลังได้ชัดมาก วอร์เตอร์วิลล่าโดยเฉพาะหลังที่อยู่ใกล้กับต้นทางเดินนั้นก็เป็นไม่เป็นส่วนตัวมากๆ ลืมเรื่องการดื่มแบบส่วนตัวบนเลานจ์ได้เลยเพราะกิจกรรมกีฬาทางน้ำนั้นอยู่รอบๆคุณ หากคุณต้องการความเป็นส่วนตัวให้ไปที่บ้านพักสองหลังที่มีสระว่ายน้ำตรงสุดทางเดิน แต่อย่างไรก็ตามฉันคงไม่ไปที่นั่นในฮันนีมูนของฉัน

2-บ้านพักที่จะเลือก เมื่อเราไปถึงที่นั่นลมนั้นแรงดังนั้นด้านทิศตะวันออกจะมีคลื่นและลมแรงมาก ในทางตรงกันฝั่งทิศตะวันตกน้ำกลับสงบ เมื่อลมสงบแล้วทั้งสองด้านก็โอเค ฉันจะเลือกบีชวิลล่ามากกว่าวอร์เตอร์วิลล่า มันมีทางเข้าไปหาดโดยตรงและอย่างที่บ้านพักทุกหลังมักจะมีเก้าอี้อาบแดดบนชายหาด ที่อยู่บนทรายตรงหน้าบ้านคุณก็จะเป็นของคุณแน่นอนคนก็เดินผ่านไปมาแต่ก็ยังสะดวกสบายอยู่ แต่จำโน้ตไว้สำหรับเวลิ อย่าพักที่วอร์เตอร์วิลล่าที่ใกล้ชายหาดและท่าจอดเรือ ที่นั่นมีบ้านพักอยู่ 4 หลัง ซึ่งถ้าบ้านพักของใครอยู่บนหาดมากกว่าน้ำวิวหาดของพวกเขาจะไม่เป็นแนวนอนและที่แย่กว่าก็คือพวกเขาจะได้อยู่ใกล้กับท่าจอดเรือซึ่งมีเรือเข้าออกทุก 5 นาทีระหว่างเกาะ ส่วนต้อนรับยังมีคนน้อยกว่าและเป็นส่วนตัวกว่าเสียอีก

3-รีเซ็ปชั่นและพนักงานทำความสะอาด คำเดียวเลย แย่ รีเซ็ปชั่นและคนเฝ้าประตูนั้นยังห่างไกลคำว่าพึ่งพาได้- พวกเขาไม่มีความสามารถเลย มีอยู่ 4-5ครั้งด้วยกันที่เราเรียกและถามเอาอะไรสักอย่างพวกเขาบอกว่าจะไปดูให้และจะกลับมาหาพวกเราแต่ก็ไม่กลับมาเลย เราต้องเรียกอีกครั้งและอีกครั้งจนในที่สุดเราต้องหาสิ่งที่ต้องการหรือแก้ปัญหาด้วยตัวเอง พวกเขาไม่มีข้อมูล ความรู้ ไม่มีคำตอบที่ตรงสำหรับอะไรก็ตามที่คุณถาม มันเป็นบริการรีเซ็ปชั่น/คนเฝ้าประตูที่แย่ที่สุดเท่าที่เราเคยเจอมา ดังนั้นทำการบ้านมาหน่อยสำหรับข้อมูลด้านกิจกรรม อาหาร และอื่นๆ ก่อนที่คุณจะไป และอย่าหวัง สิ่งแนะนำ ความรู้ความเข้าใจ หรือ วิธีแก้ปัญหา ในโรงแรมหรูๆนั้นพนักงานและรีเซ็ปชั่นหรือร้านอาหารจะทักทายคุณด้วยชื่อและทำให้คุณรู้สึกเป็นคนพิเศษ แต่ที่นี่ทุกเช้าตลอด 7 วัน ผู้หญิงที่ต้อนรับแขกที่ร้านอาหารคนเดิม ก็ยังคอยถามชื่อพวกเรา เลขห้อง และ พวกเรามากันกี่คน (3คน ให้ตายเถอะ) และพนักงานทำความสะอาดที่มีแต่ขื่อเสีย ผ้าเช็ดตัวถูกเปลี่ยน-ใช่ แต่จานผลไม้สำหรับต้อนรับแขกที่กินเหลือไว้ถูกทิ้งไว้ที่มุมห้อง 4 วัน ของเล่นที่ทำหายในวันแรก เราก็เจอมันใต้เตียงตอนจะกลับแล้วซึ่งมันเต็มไปด้วยฝุ่น การทำความสะอาดทำเท่าในที่ที่ตาเห็น ไม่มีการเลื่อนเก้าอี้หรือรูดม่านเพื่อทำความสะอาดรอบๆ เตียงก็ทำแบบส่งๆขนาดหมอนยังไม่จัดดีๆเลย หากคุณเคยชินกับการที่ชุดนอนของคุณจะถูกพับและมีเซอร์ไพรส์เล็กน้อยเช่นช็อคโกแลตก่อนนอนหรือดอกไม้หรืออื่นๆบนเตียงล่ะก็คุณมาผิดที่แล้ว พนักงานทำความสะอาดของห้องเราดูเหมือนจะสำรวจไปรอบบ้านพักตอนที่มาทำความสะอาด แต่ทุกครั้งก็ถามว่าจะให้ทำความสะอาดมันหรือไม่ ซึ่งคนเราน่าจะคิดเอาเองได้ว่ามันเป็นเรื่องมาตรฐานนอกเสียจากคุณจะแขวนป้ายห้ามรบกวนไว้ มีอยู่คืนหนึ่งเรากลับมาที่ห้องแล้วพบว่าห้องไม่ได้รับการบริการ เราพบเขาแล้วถามว่าทำไมและคำตอบของเขาคือเขาคิดว่าพวกเราอยู่ในห้อง ไม่มีแสงไฟ ไม่มีเสียง ไม่มีป้ายห้ามรบกวน สงสัยจริงๆว่าเขาคิดว่าเป็นแบบนั้นได้อย่างไร นอกจากนี้ในฐานะที่ฉันเป็นผู้หญิงฉันว่ามันเป็นอะไรที่ไม่สบายใจมากๆที่มีพนักงานทำความสะอาดเป็นผู้ชาย ลองนึกดูว่า คุณมีชุดบิกินีของคุณ ชุดคลุมใส่นอน บราและชุดชั้นในและของส่วนตัวอื่นๆที่คุณไม่ต้องการให้ผู้ชายมาเดินไปเดินมาใกล้ๆสิ
สิ่งอำนวยความสะดวก ผ้าเช็ดตัวนั้นใหม่และนุ่มแต่ไม่ต้องคิดถึงรายการหมอนให้เลือกเลย หมอนเป็นหมอนเกรด 3 หมอนขนเป็ดนั้นหนุนไม่สบายมากๆและผ้าปูเตียงก็เก่ายุ่ย ไม่ใช่ลินินแข็งใหม่เอี่ยมอย่างที่คุณหวังจากที่พักราคามากว่า 1000 ดอลล่าร์สหรัฐ นี่เป็นโรงแรมเกรดสนามบินมากๆ

ร้านอาหาร นอกจาก Baan Huraa ร้านอื่นๆ ที่มีไม่เป็นที่ประทับใจเลย เราไปลองกิน Fudoon Grill อยู่สองสามครั้ง จัดร้านสวย นั่งดูฉลามตัวเล็กๆในตู้ปลาทะเลเล็กๆขณะที่คุณกิน แต่มีเมนูอาหารค่อนข้างจำกัด และในร้านอาหารทุกร้านให้ระวังไว้เรื่องบริการที่ช้ามากมากที่สุด ไปที่นั่นก่อนที่คุณจะหิวหรือสั่งไวน์หรือเครื่องดื่มก่อนที่คุณจะกระหาย หรือไปตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ตกหากคุณเป็นพวกชอบนั่งกินตอนพระอาทิตย์ตก มันเหมือนจะนานเป็นชาติในทุกๆร้านเลย (ยกเว้น Baan Huraa) กว่าที่พวกเขาจะเอาอะไรมาเสิร์ฟให้