ฉันเพิ่งกลับมาจากการพักที่ Las Vegas หนึ่งสุดสัปดาห์โดยพักที่ Palazzo เนื่องในวันเกิดครบ 40ปีของฉันพร้อมกับภรรยาและเพื่อนสองคน สรุปแล้วคือเป็รโรงแรมที่สวยงามมีห้องที่เยี่ยมมาก (เป็นห้องสวีททั้งหมด) แต่การดูแลลูกค้าเป็นที่แย่ที่สุดเท่าที่ฉันเคยพบในโรงแรม การออกจากที่นี่มันเป็นนรกชัดๆซึ่งฉันจะบอกต่อไปในรีวิวนี้ จนทำให้ภรรยาฉันร้องให้ด้วยความโกรธ (ซึ่งเป็นอะไรที่ทำได้ยาก) แต่ยังงัยฉันก็จะรีวิวอย่างยุติธรรมเพื่ออธิบายสิ่งที่ดีๆ ฉันคงไม่พักที่ที่ของ Intercontinental อีก (ทั้งๆที่ฉันเป็นสมาชิก Ambassador) พอมาถึงที่นี่ก็น่าประทับใจจากภายนอกพร้อมมีบริเวณที่ดูแลรักษาไว้เป็นอย่างดี
เนื่องจากเป็นโรงแรมหรูฉันคาดหวังว่าจะมีบริการต้อนรับยกกระเป๋ารออยู่ที่ทางเข้าหลัก แต่กลับไม่พบใครเลย ซึ่งไม่สะดวกสำหรับเพื่อนของฉันที่เดินทางมาด้วยกัน เพราะเขามีปัญหาด้านการเคลื่อนไหว และอยู่ในรถเข็น เราไปถึงเมื่อเวลาห้าโมงเย็นของวันศุกร์ที่ 30 ฉันจึงไม่คิดว่าเป็นเวลาที่ไม่ค่อยมีคน ตอนเช็กอิน พนักงานเป็นมิตรดีและถามว่าทำไมเราไปที่เวกัส แม้เขาจะไม่ทักหรือรับทราบว่าฉันเป็นสมาชิกแอมบาสซาร์เดอร์ ฉันตรวจดูว่าเขามีรายละเอียดสมาชิกของฉันซึ่งเขายืนยันว่ามี แต่ดูเหมือนจะไม่มีสิทธิประโยชน์อะไรนอกไปจากที่คุณจ่ายค่าห้องไป อาจเป็นเพราะว่าฉันพักโดยใช้คืนที่แถมรางวัลมาเขาให้ห้องสองห้องที่มองเห็นแนวถนนสำหรับการฉลองวันเกิดของฉัน ไม่มีการเสนอช่วยเหลือขนกระเป๋าของเราไปที่ห้อง เราจัดการลากกระเป๋าเดินทางและรถเข็นไปที่ห้องชั้น 30 โดยผ่านคาสิโน สำหรับห้อง ห้องสวีทนั้นสะอาดและเป็นระเบียบ และจนถึงบัดนี้ก็เป็นห้องที่ดีที่สุดที่ฉันเคยพักมาคุ้มค่าทุกดอลลาร์ วิวของแนวถนนนั้นเป็นจุดเด่น และในห้องก็มีเครื่องอำนวยความสะดวกทุกอย่างที่คุณต้องการ เตียงก็สบายมากๆ และห้องน้ำก็น่ารักดี ในบริเวณพบปะสังสรรค์ ทุกบริเวณสะอาดมาก และคาสิโนที่เล็กกว่าที่โรงแรมใหญ่อื่นๆ ก็เป็นเรื่องดี ไม่มีธีมการตกแต่งที่เดอะ ปาลาซโซ ก็เป็นเรื่องดีในความคิดของเรา ทำให้มันมีความรู้สึกแบบดั้งเดิมในการตกแต่งอาหาร - ส่วนมากพวกเราทานข้างนอก แต่พวกเราได้ทานเบอร์เกอร์ในคืนแรกซึ่งราคาสมเหตุสมผลและอาหารอร่อยดี และได้ทานที่แกรนด์ ลักซ์คาเฟ่ซึ่งพวกเราก็ชอบ วันที่ออก พวกเราเก็บกระเป๋า และทิ้งกระเป๋าถือและของมีค่าไว้ในห้องโดยตั้งใจว่าจะใช้บริการเช็คอินของเวอร์จิน แอตแลนติก ตามที่โฆษณาไว้โดยเจ้าหน้าที่บนเครื่องบินที่เราบินมา และตามประกาศในเว็บไซต์ของเวอร์จินและสนามบิน LAS แต่น่าเสียดายที่บริการนี้ไม่มีที่โรงแรมนี้ (ฉันว่าคงไม่ใช่ความผิดของโรงแรม) ดังนั้นเราจึงตัดสินใจฝากกระเป๋าไว้ที่โต๊ะพนักงานยกของ เราทานอาหารเช้าและกลับไปที่ห้องตอน 10 โมงเช้าเพื่อเตรียมตัวก่อนเวลาเช็คเอาท์มาตรฐานตอน 11 โมง ฉันและภรรยาพบว่าการ์ดห้องเราไม่ทำงานทั้งคู่ เราไม่ได้เช็คเอาท์และก็เหลืออีกหนึ่งชั่วโมงกว่าจะ 11 โมง ดังนั้นเราจึงคิดว่าอาจมีการผิดพลาด พนักงานทำความสะอาดอยู่ใกล้ๆ เราจึงถามเธอและเธอบอกว่าเธอไม่ได้รับอนุญาตให้ปล่อยพวกเราเข้าไปได้ แต่เธอดูแปลกใจมากที่เราพยายามจะเข้าไปและคอยถามคำถามเราอยู่ตลอด เธอบอกให้เราโทรไปที่พนักงานต้อนรับ เนื่องจากห้องของเพื่อนเราอยู่ข้างๆ เราจึงเข้าไปโทรหาพนักงานต้อนรับ แต่โดนให้ถือสายรอทันที เป็นเวลา 25 นาที! ฉันตัดสินใจไปที่ลิฟท์ และพยายามโทรจากที่นั่นและก็ติดเลยทันที ฉันบอกเบอร์ห้องและชื่อ และได้รับข้อมูลว่าจะมีคนขึ้นมา (นี่เป็นเวลา 10.25 น.) พอฉันกลับไป ภรรยาของฉันก็ได้คุยกับพนักงานและถูกบอกอย่างเดียวกัน แต่ตอนนี้ห้องเราก็เปิดแล้ว เนื่องจากพนักงานทำความสะอาดหญิงและผู้ช่วยชายของเธอเปิดให้ ดังนั้นเราจึงสันนิษฐานว่าพวกเขาถูกบอกให้เปิดให้เราเข้าไปได้ เราเข้าไปเก็บของมีค่าและเงินจากตู้เซฟ และพนักงานทำความสะอาดชายก็ให้เราออกไป พนักงานหญิงเห็นกระเป๋าที่ภรรยาของฉันถือมาจากห้องก็เริ่มพูดว่า "แต่มันไม่มีกระเป๋าอยู่ในห้อง" ทำให้เรารู้ว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอยืนยันกับเราว่าห้องว่างทั้งที่จริงๆ แล้วภรรยาของฉันได้เอากระเป๋าหนึ่งใบออกมาจากห้อง และของในเซฟก่อนที่พนักงานชายจะไล่เราออกมาภรรยาของฉันหมดความอดทนตรงจุดนี้เพราะพวกเขาเถียงกับเราในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ และไม่พยายามที่จะช่วยเหลือ เมื่อเราทำให้พวกเขาเชื่อได้ว่าเราโดนล็อคอยู่ข้างนอกห้องที่เราพักอยู่ พวกเขาก็หายไปซ่อนในอีกห้องหนึ่ง ขณะที่พวกเราโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแล้ว เพราะเราพลาดเวลาที่จะโทรหาลูกที่บ้านในอีกเขตเวลาหนึ่ง เมื่อ 10.55 น. 55 นาทีหลังจากที่พวกเราพยายามจะเข้าห้อง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็มาถึงและเปิดประตู ไม่มีการขอโทษในสิ่งที่เกิดขึ้น ภรรยาของฉันโกรธมากและเราก็ไปเช็คเอาท์ ที่โต๊ะต้อนรับเราได้รับการแจ้งว่าพนักงานทำความสะอาดเช็คเอาท์ให้พวกเรา และโรงแรมก็คิดว่าพวกเราเช็คเอาท์ไปแล้วเห็นได้ชัดว่าพนักงานทำความสะอาดกังวลมากๆ และโทรมาบอกที่โต๊ะต้อนรับว่าเธอทำอะไรลงไป เธอเข้าไปในห้องและก็เช็คเอาท์ให้พวกเราก่อนเวลาเช็คเอาท์ตอน 11 โมง และก่อนที่พวกเราจะเอากระเป๋าและของมีค่าของเราออกมา พนักงานหญิงที่โต๊ะต้อนรับนั้นสุภาพและพยายามปลอบใจฉันและภรรยาด้วยการหักค่าห้องออกจากใบเสร็จ แต่ว่าตามตรง แทบจะไม่มีอะไรมาแก้ไขสถานการณ์ที่พวกเราต้องอยู่นอกห้องพักเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง และโดนพนักงานทำความสะอาดและผู้ช่วยกระทำใส่เหมือนเป็นขโมยทั้งที่พวกเขาเป็นคนทำให้เกิดปัญหาขึ้นมาได้ สิ่งที่แย่กว่านั้นก็คือแม่บ้านคงจะรู้ว่าเธอทำให้เราเข้าห้องไม่ได้ และการที่ให้เราเช้คเอาว์ก็ไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากทำให้เราเข้าห้องไม่ได้ ฉันก็คิดได้แค่คงเป็นเพราะเธอเอาเงิน 20เหรียญและเศษเหรียญที่โต๊ะข้างเตียงไปแล้ว ฉันรู้มันเป็นแค่เหตุการเดียวจากการพักที่ดีแต่มันก็กลายเป็นความทรงจำเดียวของเราของโรงแรมและการถูกบุกรุกไปแล้ว และการที่ไม่มีพนักงานที่ประตูและพนักงานหิ้วกระเป๋าเมื่อเรามาถึง และการบริการที่แย่ๆก่อนเรากลับ ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นเลยในโรงแรมหลายดาวแบบนี้ ฉันพยายามจะเขียนรีวิวนี้ให้ยุติธรรมและเป็นประโยชย์แก่ผู้อื่นแต่ฉันก็แน่ใจว่าทำไมมุมมองของโรงแรมนี้ของเราจึงถูกทำให้มัวหมองไปDominic & Keely Moran