สถานที่นี้ตอนช่วงเวลาที่ไปก็ไม่ได้มีทุ่งข้าวเขียวขจี แต่ก็ยังคงมีความสวยงามตามธรรมชาติอยู่บ้าง... อ่านเพิ่มเติม
สถานที่นี้ตอนช่วงเวลาที่ไปก็ไม่ได้มีทุ่งข้าวเขียวขจี แต่ก็ยังคงมีความสวยงามตามธรรมชาติอยู่บ้าง... อ่านเพิ่มเติม
นาขั้นบันได สไตล์คูลๆ ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ และการเพาะปลูก ไปตอนข้าวเขียวๆก็ถ่ายรูปสวย... อ่านเพิ่มเติม
ถ้าท่านมีโอกาสได้มาเที่ยวชมที่ Tegalalang Rice Terrace ท่านจะได้สัมผัสกับ มรดกโลกทางวัฒนธรรมที่ชาวบาหลีภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง นั่นคือ "นาขั้นบันได" ซึ่งทางองค์การยูเนสโกขึ้นทะเบียนให้บาหลีเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมโดยมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ภูมิทัศน์วัฒนธรรมเขตบาหลี
จัดว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่โดดเด่นของบาหลีก็คือ "การทำนาแบบขั้นได5ขั้น" โดยมีวัดทำหน้าที่ในการควบคุมและบริหารจัดการการจ่ายน้ำ ใช้คลองส่งน้ำและคันกั้นน้ำ (ฝาย) หรือระบบชลประทานเก่าแก่ เรียกว่า “สุบัก” (Subak) สามารถทำการบริหารจัดการน้ำครอบคลุมพื้นที่ได้สูงถึง 195 ตารางกิโลเมตร
สำหรับระบบ "สุบัก" เป็นวิธีชลประทานแบบดั้งเดิมบนเกาะบาหลีที่มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 หรือประมาณพุทธศตวรรษที่ 13 โดยใช้ระบบการบริหารจัดการในการแจกจ่ายน้ำด้วยลำคลองและฝายไปตามนาแบบขั้นบันได โดยกำหนดให้มีพื้นที่ขอบเขตคล้ายหมู่บ้าน
ปกครองโดยคนในพื้นที่และมี “อุทกอาราม” หรือ “วัดน้ำ” เป็นศูนย์กลางในการบริหารจัดการในการแจกจ่ายน้ำ เพื่อการเพาะปลูกอย่างเสมอภาคและเป็นกันเองแบบประชาธิปไตย
จะเห็นได้จากการให้สิทธิ์ออกเสียงสูงสุดแก่เจ้าของนาที่อยู่ต่ำสุด เนื่องจากเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบสูงสุดจากการตัดสินใจของสมาชิก ทำให้ชาวบาหลีกลายเป็นผู้ปลูกข้าวที่มีผลผลิตสูงที่สุดในแถบนี้
หลักการสำคัญที่สุดของระบบสุบักคือ แนวคิดทางปรัชญา "ไตรหิตครณะ" ซึ่งเป็นหลักปรัชญาตามความเชื่อแบบฮินดูที่แพร่หลายในชาวบาหลี มีต้นกำเนิดจากการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างบาหลีกับอินเดียมากว่า 2,000 ปีแล้ว มีลักษณะเป็นสถาบันทางสังคมที่ผนวกศาสนา ความเชื่อ เทคโนโลยีการเกษตร วัฒนธรรม และการเมืองท้องถิ่นไว้ด้วยกัน
โดยใช้หลักความสมดุลกลมกลืน 3 ประการ อันเป็นหลักการสร้างความสงบสุขแก่ชีวิต ประกอบด้วยความสมดุลและความกลมกลืนระหว่างมนุษย์กับเทพเจ้า, มนุษย์กับมนุษย์และมนุษย์กับธรรมชาติ ครับ
ส่วนประกอบที่สำคัญของระบบสุบัก คือ เครือข่ายทางขนส่งน้ำที่ซับซ้อนและอุโมงค์ที่สร้างโดยการเจาะหินและต่อไม้ไผ่เพื่อส่งน้ำซึ่งบางสายยาวกว่ากิโลเมตร ต้องสร้างและดูแลโดยช่างฝีมือในการนำน้ำเข้าไปสู่นาขั้นบันไดชั้นบนสุดของเนินเขาก่อนปล่อยให้ไหลลงสู่นาข้าวเบื้องล่าง จนก่อให้เกิดรูปแบบกสิกรรมขั้นบันไดอันยั่งยืนและเกิดเป็นภูมิประเทศอันโดดเด่นสวยงาม และมีเสน่ห์มากที่สุด
ภายในอาณาบริเวณกว้างมาก ที่สวนแมกไม้ที่ร่มรื่น มีวิธีการทำกาแฟชะมดให้ดูกินและสามารถลิ้มลองความอร่อยได้,มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่และจุดถ่ายภาพสวยๆเยอะนอกเหนือจากนาขั้นบนได ในช่วงที่ข้าพเจ้าเดินทางมา ต้นข้าวยังไม่สูงและงามมากนัก
ในการเดินทางมาเที่ยวเมืองบาหลีประเทศอินโดนีเซียคนเดียวของข้าพเจ้าในครั้งนี้ใช้บริการของบริษัททัวร์คนไทยในต่างแดนที่เขาได้สามีเป็นคนบาหลีชื่อ บริษัททัวร์ Thaibali Vacations
บริษัททัวร์นี้เค้าจะมีสโลแกนว่า ดูแลคุณด้วยใจต้อนรับอย่างสุดแสนจะอบอุ่น ซึ่งคำนิยามนี้ของบริษัทไม่เกินเลยความเป็นจริงเพราะได้รับการดูแลเทคแคร์อย่างดีเยี่ยมจริงๆ
บริษัททัวร์นี้ให้บริการครบวงจรท่านสามารถเลือกได้ว่าจะเช่ารถขับเพียงอย่างเดียวหรือเช่ารถพร้อมไกด์ท้องถิ่นจะมาแบบกรุ๊ปหรือ Private ส่วนตัวเขาก็จัดบริการให้ได้ครบสามารถเลือกโรงแรมที่พักสวยๆได้เองอย่างที่ปรารถนาหรือจะให้ทางบริษัททัวร์จัดแบบแพ็คเกจ เพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายเขาก็สามารถจัดบริการให้ได้หมดครบถ้วนครับ
ตอนนี้ความงดงามความมีเสน่ห์ของธรรมชาติเริ่มถูกกลบเกลือนโดยธุระที่โหนสลิง, ชิงช้าและร้านอาหารไม่มาก จึงทำให้วิวนาข้าวแบบดั้งเดิมหายไป ที่จอดรถยนต์ลำบากมีน้อย แต่มีข้อดีคือมีคนคอบการดูแลให้บริการที่จอดรถจึงทำให้รถไม่ค่อยติดระหว่างการเดินทางที่นี้ไม่มีค่าเข้าชม แต่ต้องเสียเงินแค่ค่ากิจกรรมเท่านั้น
ช่วงที่ไปเดือนกรกฏาคมไม่มีข้าวแล้ว แต่ภาพรวมสวยมากคะ อยากกลับไปอีก อากาศดีมากเย็นสบาย จุดถ่ายรูปเยอะมากๆ มีร้านกาแฟดังอยู่แถวนี้
เอาจริงๆพอไปแล้วไม่อิน เสียเงินค่าเดินผ่านเบี้ยใบ้รายทางไปเรื่อย ามันเลยยิ่งพาลไม่อินไม่อยากเดินไปไกล
สถานที่นี้ตอนช่วงเวลาที่ไปก็ไม่ได้มีทุ่งข้าวเขียวขจี แต่ก็ยังคงมีความสวยงามตามธรรมชาติอยู่บ้าง ที่นี้จะไม่ได้เสียค่าเข้าแต่จะมีให้บริจาคบริเวณทางเข้า ภายในจะมีเครื่องเล่นเหมือนกับที่บาหลีสวิง มีที่ถ่ายรูปในรังนกคล้ายๆกันกับที่บาหลีสวิงซึ่งต้องเสียเงินในการเล่นเพิ่มเติม
เป็นนาขั้นบันได้ บรรยากาศดี คนนิยมไปถ่ายรูป แต่การเดินผ่านทางจะมีการเก็บค่าผ่านทาง บอกว่าเป็นค่าบริจาค แต่พนักงานเฝ้า ถ้าเราไม่จ่ายเงินก็จะไม่ให้เราผ่านเข้าไป